ภาษาจีน...เกือบลืมแล้วว่าเคยเรียน
เมื่อว้นก่อน ดูรายการ"ตีสิบ" ช่วงดันดารา (ฉันชอบดู เพราะได้หัวเราะทุกครั้ง แต่ช่วงสัมภาษณ์ต้องเลือกดูเพราะดึกเกิน ขนาดเลือกดูยังผิดหวังกับการตั้งคำถามของพิธีกร ครั้งหลัง ๆ เลยเลิกดู)
เขาตั้งชื่อตอนว่าอะไร จำไม่ได้ ที่เอาการแสดงหลากหลายมาประชันกัน แล้วมีการนำกระบวนท่าการต่อสู้แบบกังฟูผสมกับอะไรสักอย่างหรือเปล่าไม่แน่ใจ อาจเป็นเพราะดูเอาสนุก ก็เลยไม่ตั้งใจมาก เพราะบางทีก็ออกกำลังกายไปด้วย
น้ำท่วมทุ่งแล้ว เข้าเรื่องก็ได้ค่ะ คือ ฉันไปสะดุดตากับที่มาของนักแสดงกลุ่มนี้ เพราะมาจากชมรมประชาบำรุง จ.พะเยา ฉันพยายามหาคำว่าโรงเรียนก็ไม่เห็น แต่คิดว่าน่าจะเป็นที่เดียวกับโรงเรียนประชาบำรุง ซึ่งเป็นโรงเรียนจีนที่ฉันเคยเรียนตั้งแต่ ป.1-4 เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว เมื่อยังเป็นโรงเรียนเล็กๆ ในอำเภอพะเยา นักเรียนชั้นอนุบาลถึงป.4 ถึง 200 คนหรือเปล่าไม่แน่ใจ คุณครูมีอยู่ประมาณสิบคนกระมัง ทั้งครูจีนครูไทย
สมัยนั้น นักเรียนสอบไล่ได้ที่ 1 ของชั้น ป.4 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน จะมีชื่อติดบอร์ดที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นห้องพักครูด้วย ฉันชอบไปยืนอ่านชื่อของรุ่นพี่ที่เรียนจบและมีชื่อติดบอร์ดอยู่ ไล่ลงมาแต่ละปี จำไม่ได้ว่าใฝ่ฝันจะมีชื่อติดบอร์ดของโรงเรียนด้วยหรือเปล่า คิดว่าคงไม่คิดอะไร ไม่เช่นนั้นคงจำได้แล้วล่ะ ที่แน่ ๆ คือ ความคิดฝังหัวมาตลอดว่า ชาตินี้ต้องจบปริญญาตรีได้ เพราะพ่อเอารูปพี่ชายต่างมารดาที่เรียนวิศวะ จุฬา มาติดไว้ที่บ้านซึ่งเป็นร้านกาแฟ อย่างที่สมัยนี้เรียก"กาแฟโบราณ" ฉันเห็นทุกวันและมุ่งมั่นมานับแต่นั้น
แล้วชื่อฉันก็ได้ติดบอร์ดโรงเรียนค่ะ คู่แข่งฉันที่เป็นนักเรียนชาย ทะเลาะกันมาตั้งแต่อนุบาล ไม่เคยพูดดีต่อกันเลยจนเรียนจบ ตกกระป๋องไป (สมน้ำหน้า) ตอนนี้ได้ข่าวว่าเป็นวิศวกร ขณะที่ฉันยังเคว้งคว้างเหมือนหลงทางกลางป่าอยู่เลย ทั้งที่อายุปูนนี้แล้ว ถ้านายควาย (ชื่อเล่นเขาค่ะ) รู้เข้าคงหัวเราะฟันร่วง
อ้อ...ขออนุญาตคุยหน่อยนะคะ (คนที่เหลือแต่อดีตให้ภูมิใจ ก็มีความสุขอยู่กับอดีตในด้านดีของตัวเองนี่แหละค่ะ ส่วนความเลวร้ายทั้งหลายแหล่ ก็ตามมารังควานจิตใจไม่หยุดหย่อนเหมือนกัน) ฉันสอบได้คะแนนนำทุกวิชาทั้งภาษาจีนและภาษาไทยค่ะ ชื่อจึงขึ้นบอร์ดโรงเรียนด้วยความสง่าผ่าเผย แต่ป่านนี้คงเก็บเข้ากรุไปแล้วกระมัง มันกี่สิบปีมาแล้วล่ะ
ว่าจะคุยเรื่องภาษาจีน พาเข้ารกเข้าพงเสียหาทางออกไม่เจอเลย เอาใหม่...ขอตั้งสติก่อนนะคะ อ้อ..คือ ช่วงที่เรียนอยู่ตอนนั้น เฉินเหล่าซือบอกให้ฉันเรียนพิเศษภาษาจีนเพิ่มเติมให้เก่ง ๆ ท่านบอกว่า อนาคตภาษาจีนจะเป็นภาษาที่คนทั้งโลกต้องการเรียนรู้
ความเป็นเด็ก ฉันไม่เข้าใจหรอก ฉันอยากเรียนภาษาจีนเพิ่มเพราะอยากอ่านหนังสือพิมพ์จีนออก แต่เหล่าซือเก็บค่าเรียนแพง (ในความคิดของฉันตอนนั้น) บ้านฉันเข้าข่ายยากจน ฉันเลยอดเรียน พอขึ้น ป.5 เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีนกับฉันก็มีอันต้องลาขาด ตอนนี้ก็จำได้แค่ หว่ออ้ายป้าปา หว่ออ้ายม่ามา ป้าปา ม่ามาหว่อหุยหลายเลอ (ประโยคหลังนี้จำได้เพราะใช้พูดรายงานตัวพ่อกับแม่เวลากลับจากโรงเรียน)
มาถึงตอนนี้ ฉันเพิ่งเข้าใจคำพูดของเหล่าซือที่ให้ฉันเห็นความสำคัญของภาษาจีนมาตั้งแต่ฉันยังเรียนอยู่ ป.4 ท่านคงเล็งเห็นอนาคตทางเศรษฐกิจการเมืองโลกตามประสาผู้ใหญ่ เลยวิเคราะห์และคาดเดาได้ล่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างไร
แก้นิสัยไม่หายเลยค่ะ กะจะเล่าสั้น ๆ ก็เกริ่นนำเสียยาวยืด แถมน้ำเยอะอีกต่างหาก เนื้อมีอยู่หน่อยเดียว คิดเสียว่าน้ำมีไว้ซดให้คล่องคอก็แล้วกันนะคะ เขียนไปแล้วจะลบทิ้งก็เสียดายค่ะ
ตั้งใจว่า ว่าง ๆ จะไปหารูปหมู่ที่ถ่ายไว้ตอนจบ ป.4 มาเก็บไว้ประกอบเรื่องราว ดูเหมือนว่าจะเคยสแกนเก็บไว้ในเครื่อง แต่ไหงหาไม่เจอก็ไม่รู้
Create Date : 18 มิถุนายน 2552 |
|
6 comments |
Last Update : 20 มิถุนายน 2552 12:00:16 น. |
Counter : 1055 Pageviews. |
|
|
|
ถึงตอนนี้ นับเลขได้ และเรียกชื่อตัวเองได้เท่านั้น