ซึ่งหากขาดความควบคุมเสียแล้ว มนุษย์ผู้ประเสริฐก็ไม่แตกต่างจากสัตว์เดรัจฉาน เพียงวาบเดียวของโทสจิตก็สามารถทำลายความรักและบุคคลที่รักได้หมดสิ้น นวนิยายเรื่องนี้จึงเป็นโศกนาฏกรรมที่บีบหัวใจผู้อ่านไม่แพ้นวนิยายรักคลาสสิกในอดีต ความรัก ความแค้น ความสวยงาม ความโหดร้าย ความนุ่มนวล ความดิบเถื่อนต่างสอดร้อยกันไปมาอยู่ในพฤติกรรม ในอารมณ์ของมนุษย์และสัตว์ ในสีสันของต้นไม้ดอกไม้ ของฝูงแมงปอริมคลองอันร่มรื่น ในรูปเงาที่เต้นไหวอยู่บนรั้วขัดแตะ เป็นองค์ประกอบที่จัดวางไว้ลงตัว ไม่ขาดไม่เกิน และหนุนส่งให้เรื่องราวในนวนิยายดำเนินไปอย่างมีพลังอารมณ์เข้มข้น
ในรูปเงา จึงเป็นนวนิยายที่สามารถตรึงผู้อ่านไว้กับตัวหนังสือตั้งแต่หน้าแรกไปจนหน้าสุดท้าย ระหว่างที่อ่านจะรู้สึกว่าเส้นประสาทกล้ามเนื้อขมวดเขม็งบิดเกลียวอยู่ข้างใน ใจเต้นระทึกตึกตัก บางครั้งรู้สึกเหมือนลืมหายใจ จนต้องระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ที่กลั้นไว้อย่างไม่รู้ตัวเมื่อปิดหน้าหนังสือลง
เงาจันทร์ (อำไพ สังข์สุข) เจ้าของผลงาน กล่าวถึงที่มาของเล่มนี้ว่า ที่มาของนิยายสั้นชื่อในรูปเงามาจากคำถามที่ข้าพเจ้าพบว่า ทำไมคนจำนวนหนึ่งจึงมีชีวิตอยู่ด้วยความเสียใจกับบางเรื่องราวในชีวิตอยู่เสมอ เรามักทำผิด แต่ก็หวนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ ขณะเดียวกันเราก็ใช้ชีวิตในปัจจุบันขณะไปตามแรงเหนี่ยวนำของกิเลส ราคะ โดยไม่พยายามจะรู้เท่าทัน มนุษย์อ่อนไหวกับความรักและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพศรส แล้วก็ถูกโบยตีทำร้ายด้วยความรู้ผิดของตนเอง บนโลกอันสวยงามและน่ารื่นรมย์แห่งนี้ จึงเป็นที่รวมของคนทุกข์อันมีจำนวนมากจนประมาณมิได้ แต่นิยายก็คือนิยาย ข้าพเจ้าแต่งให้มันสะท้อนธรรมชาติอันอ่อนแอของมนุษย์ แต่กระนั้นก็ไม่ละเลยที่จะกล่าวถึงมนุษยธรรม ซึ่งปุถุชนธรรมดานี้แหละซ่อนเร้นมันไว้ในใจของทุกคนด้วยเช่นกัน เรื่องราวในชีวิตคนเราก็ไม่แตกต่างจากนิยาย มันเริ่มต้นแล้วก็จบลง จึงขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขกับการอ่านเรื่องนี้ และหากมีสิ่งอันพึงกระทำในอันดับต่อไปบ้างก็คือ เราควรเสาะหาแรงบันดาลใจใหม่แล้วลืมความเสียใจในส่วนลึกนั้นเสียบ้าง ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปได้เช่นนั้น ข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้ประพันธ์ก็จักมีความยินดียิ่ง
|