ห้องสมุดอาจินต์ ปัญจพรรค์
โดย อรพรรณ จันทรวงศ์ไพศาล (มติชนรายวัน 17 ม.ค.2556)
บรรยากาศห้องสมุด อาจินต์ ปัญจพรรค์
(บน) ผลงานและหนังสือเล่มโปรดของ อาจินต์ (ล่าง) หนังสือ ฟ้าเมืองไทย นิตยสารวรรณกรรมที่ลงสกู๊ปอาจินต์ และหนังสือที่อาจินต์ขึ้นปกเป็นครั้งแรก
นักเขียน นักอ่านที่มาร่วมงาน
วันนี้ห้องสมุดแห่งการเรียนรู้ ที่เคยน่าเบื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบและปรับเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากอดีต
แต่ละแห่งต่างสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง เพื่อดึงดูดให้บรรดาหนอนหนังสือทั้งหลายได้เข้ามาเยี่ยมชม ตลอดจนศึกษาหาความรู้ อาทิ ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ห้วยขวางที่ปรับเป็นห้องสมุดการ์ตูน, ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้คลองสามวา ที่ใช้ระบบการอ่านอิเล็กทรอนิกส์เน้นเชิงท่องเที่ยวและอาชีพ เป็นต้น
รวมถึง "ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ซอยพระนาง" ที่ถูกเนรมิตเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวรรณกรรมตามนโยบายของกรุงเทพมหานคร
นโยบายที่ว่า คือการสนับสนุนให้คนกรุงเทพฯ รักการอ่านพร้อมก้าวสู่การเป็น "เมืองหนังสือโลก หรือ World Book Capital 2013" โดยในการนี้ได้จัดนิทรรศการ "บนเส้นทางวรรณกรรมของอาจินต์ ปัญจพรรค์" รวมถึงเปิด "ห้องสมุดอาจินต์ ปัญจพรรค์" บริเวณชั้น 3 ของห้องสมุดด้วย
เอ่ยชื่อ อาจินต์ ปัญจพรรค์ คอวรรณกรรมทั้งหลายน้อยรายนักที่จะไม่รู้จัก ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ.2534 เจ้าของผลงานมากมายทั้งการเป็นบรรณาธิการนิตยสาร ไทยโทรทัศน์, ฟ้าเมืองไทย, ฟ้าเมืองทอง, ฟ้าอาชีพ, รวมเรื่องสั้นชุด เหมืองแร่, นวนิยายทรงพลังอย่าง เจ้าพ่อ-เจ้าเมือง ฯลฯ
ในวันที่มีโอกาสได้ไปร่วมเปิดงาน "ห้องสุมดอาจินต์ ปัญจพรรค์"
ประโยคหนึ่งของชายวัย 86 ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของห้องสมุดแห่งนี้ ยังจำได้ไม่มีลืม
"ผมชอบและรักในการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก มีโอกาสเขียนเรื่องลงหนังสือหลายครั้ง ต่อมาแม้จะมีโอกาสได้ทำงานที่ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม ก็ยังไม่ทิ้งการเขียนหนังสือและยังคงเขียนอยู่เรื่อยมาตราบจนทุกวันนี้
"หนังสือทั้งหมดที่นี่ ผมรักทุกเล่ม หลายเล่มทั้งเก่าและหายาก ในหอสมุดแห่งชาติก็ยังไม่มี แต่ก็ไม่ได้คาดหวังกับหอสมุดแห่งนี้ ผมรักหนังสือก็พอ อยากให้คนอ่านอยากจะอ่านหนังสือที่นี่ เพราะ หนังสือควรจะอยู่ตามชุมชนให้คนอ่าน ไม่ใช่ให้ผมอ่านคนเดียว"
นี่คือคำของ อาจินต์
และในการนี้ มีโอกาสได้ฟัง ทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเดินทางมาเป็นประธานเปิดงาน บอกเล่าถึงความเป็นมาของห้องสมุดอันทรงคุณค่าว่า
นิทรรศการในวันนี้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวชีวประวัติของอาจินต์ ปัญจพรรค์ ตั้งแต่ภูมิหลังวัยเด็ก จนถึงเรื่องราวการก้าวเข้าสู่การเป็นนักเขียน จนเป็นนักเขียนวรรณกรรมอย่างเต็มตัว ยังมีการจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในการทำงาน ต้นฉบับ ภาพถ่ายที่หาชมได้ยาก
ห้องสมุดอาจินต์ เป็นห้องสมุดทางด้านวรรณกรรม ก่อตั้งโดย อาจินต์ ปัญจพรรค์ และ แน่งน้อย ปัญจพรรค์ ผู้มอบหนังสือที่ทรงคุณค่า ที่ท่านทั้งสองเก็บสะสมมาหลายสิบปี ทั้งหนังสือวรรณกรรมและหนังสือด้านต่างๆ เช่น ด้านประวัติศาสตร์ สังคมการเมือง บุคคลสำคัญของประเทศและของโลกกว่า 15,000 เล่มมาไว้ที่บริเวณชั้น 3 ของห้องสมุดด้วย
"หนังสือทั้งหมดจะเป็นแหล่งความรู้คุณค่าสำหรับเยาวชนที่เข้ามาในห้องสมุดแห่งนี้ และยังสอดคล้องกับบโยบายของกรุงเทพมหานคร ตามโครงการ ′มหานครแห่งการอ่านและการเรียนรู้′ โดยสร้างแหล่งเรียนรู้และขยายพื้นที่การอ่านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีห้องสมุดมิติใหม่กว่า 36 แห่งและมีบ้านหนังสือไปตามชุมชน 161 บ้านหนังสือ เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นเจ้าภาพเมืองหนังสือโลกในปี 2556 นี้" รองผู้ว่าฯกทม.กล่าว
เสียงเพลงพระราชนิพนธ์และดนตรีคลาสสิก ของวงดนตรีจากกองการสังคีต สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว ดังก้องกังวานไปทั่วลานกว้างหน้าหอสมุด ซอยพระนาง ที่ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นแหล่งเรียนรู้กลางแจ้ง บอกเล่าเส้นทางจากเด็กคนหนึ่งที่สนใจการอ่านและเขียนผ่านตัวหนังสือ ผ่านรูปภาพ ผ่านบทกวี
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้การทำงาน อาทิ เครื่องพิมพ์ดีด กล้องถ่ายรูปตัวแรก ตราปั๊มอาจินต์ โอเลี้ยง 5 แก้ว สมุดบันทึกความคิด และต้นฉบับงานเขียนลายมือของนักเขียนชื่อดังในอดีต อาทิ เหม เวชกร เป็นต้น
อีกทั้งยังมีรูปถ่ายร่วมกับนักเขียนวรรณกรรมชื่อดังของเมืองไทยมากมาย
แน่งน้อย ปัญจพรรค์ ภริยาของอาจินต์ เล่าว่า มีความตั้งใจจะสร้างห้องสมุดมานานมาก ที่บ้านมีหนังสือไม่น้อย เพราะเป็นคนชอบอ่าน ชอบซื้อหนังสือ หลายเล่มก็อยากให้ลูกศิษย์และนักเขียนรุ่นใหม่ได้อ่าน
แต่การจะตั้งห้องสมุดเอง คงจะดูแลบริหารจัดการได้เพียงช่วงสั้นๆ เท่าที่มีแรงเท่านั้น ดังนั้นการจะตั้งห้องสมุดขึ้นมา ควรให้ที่ใดที่หนึ่งที่เห็นคุณค่า และสามารถบริหารจัดการได้ในระยะยาวดูแลมากกว่า
"ได้พูดคุยกับทางกรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้เวลาคัดเลือกหนังสือแยกประเภทหมวดหมู่กันอยู่นานกว่าจะตั้งห้องสมุดในวันนี้ ยิ่งได้เห็นห้องสมุดเป็นรูปเป็นร่างก็รู้สึกดีใจ วันหน้าหากห้องสมุดแห่งนี้มีการบริหารจัดการที่ดี เป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของผู้อ่าน
ภายหน้าคงมีนักเขียนอีกไม่น้อย ที่เขาอยากจะบริจาคหนังสือเข้าห้องสมุดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
"ตอนแรกมีหลายคนบอกว่าหนังสือบางเล่มเก่ามาก ดีมาก แพงมากด้วยเก็บไว้เถอะ อย่าให้เขาเลย เราก็บอกว่า การตั้งสมุดเพื่อให้คนใช้ได้ประโยชน์ ดังนั้นหนังสือยิ่งเก่าก็ยิ่งดี ยิ่งแพงเรายิ่งต้องให้ จะให้เลือกหนังสือดีๆ ไปแล้วเหลือหนังสือไม่ค่อยดีมาเข้าห้องสมุดก็ไม่รู้จะสร้างห้องสมุดทำไม มันแย่กว่าไม่ทำเสียอีก" แน่งน้อย กล่าว
บนพื้นที่ชั้น 3 ของห้องสมุดอาจินต์ หรือห้องสมุดวรรณกรรม ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสวยงาม
ห้องแรกมีการจัดแสดง อุปกรณ์การทำงานของอาจินต์ สมุดบันทึก จัดแสดงในตู้กระจกกลางห้อง ในห้องนี้มีชั้นหนังสือวรรณกรรม หนังสือแปล หนังสือความรู้ต่างๆ วางเรียงให้อ่านและหยิบยืมได้ตลอดเวลา ถัดมาเป็นห้องที่รวบรวมหนังสือหายาก ส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้ยืมได้ และห้องสุดท้าย เป็นห้องภาพยนตร์ที่กำลังฉายภาพยนตร์เรื่อง "มหา′ลัยเหมืองแร่"
เก้ง-จิระ มะลิกุล ผู้กำกับชื่อดัง ผู้หยิบยกรวมเรื่องสั้นชุด "เหมืองแร่" วรรณกรรมชั้นเยี่ยมของ อาจินต์ ไปสร้างเป็นภาพยนตร์จอเงินเรื่อง "มหา′ลัยเหมืองแร่" เล่าว่า สมัยยังเป็นเด็กชอบอ่านผลงานของอาจินต์มาก จะมีหนังสือของท่านวางอยู่ทั่วบ้าน เมื่อมีโอกาสเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ก็ต้องการที่จะหยิบยกเรื่องเหมืองแร่ มาทำเป็นภาพยนตร์ และเรื่องนี้ถือเป็นความภูมิใจสูงสุดในชีวิต
"ทุกครั้งที่ผมดูภาพยนตร์เรื่อง มหา′ลัยเหมืองแร่ จะนึกถึงวันที่ผมเขียนบทภาพยนตร์แล้วมาเล่าให้พี่อาจินต์ฟังที่ห้องในหอสมุดแห่งชาติ ซอยพระนาง แห่งนี้ ตอนนั้นพี่อาจินต์บอกผมว่า
′คุณเป็นผู้กำกับหนังเป็นคนทำหนัง คุณไม่ต้องมาหาเสียงสนับสนุน คุณเป็นผู้กำกับคุณกำลังออกเรือไปประเทศอเมริกา ผมจะไปโบกคุณที่ปากน้ำได้อย่างไร′
เป็นประโยคที่ผมประทับใจมากจนถึงทุกวันนี้ พี่อาจินต์เป็นผู้ใหญ่ที่ผมจะใช้เป็นแบบอย่างในชีวิตต่อไป" จิระกล่าว
ห้องสมุดอาจินต์ ปัญจพรรค์ เปิดให้เข้าชมในวันอังคาร-วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น. วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-17.00 น.
หนอนหนังสือทั้งหลาย ไม่ควรพลาด
ขอบคุณ มติชนออนไลน์ มติชนรายวัน คุณอรพรรณ จันทรวงศ์ไพศาล
สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date : 17 มกราคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 19 มกราคม 2556 17:48:35 น. |
Counter : 1728 Pageviews. |
|
|
|