นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

 
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 มกราคม 2559
 

[ขอรักเธอให้สุดใจ] 2 : คนที่รักร้ายที่สุด



ตอนที่ 2

คนที่รักร้ายที่สุด



มทิราเปิดประตูห้องพักที่ตั้งอยู่บนคอนโดกลางเมืองแห่งหนึ่งพร้อมด้วยถุงพลาสติกหลายถุง ชายหนุ่มร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแบบพับแขนเข้ามาช่วยถือ เขายื่นหน้ามาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่

“คิดถึงมิ้นท์ที่สุดเลย” ปรเมศ คนรักของเธอเอ่ยยิ้มๆ ขณะที่มทิรามองค้อนแล้วปิดประตู ชายหนุ่มคล้องโซ่และลงกลอนอีกชั้นเพิ่มความแน่นหนา

“กลับมาถึงนานหรือยังคะ มิ้นท์มัวแต่ซื้อของเลยกลับมาช้า”

“มาถึงสักครึ่งชั่วโมงแล้วครับ ไหนครับ มีอะไรกินบ้างเอ่ย”

“มีแต่ของโปรดปอทั้งนั้นแหละค่ะ” เธอบอกแล้ววางถุงพลาสติกบนโต๊ะกินข้าวขนาดสองคนนั่งที่อยู่ในครัว ปรเมศหยิบจานมาวางและเริ่มทยอยนำของกินออกจากถุง

“ของโปรดของผมจริงๆ ด้วยครับ มิ้นท์ช่างรู้ใจผมจริงๆ เลย” เขาเอ่ยแล้วหอมแก้มเธออีก

“เราคบกันมาตั้งนานแล้วนี่คะ ถ้ามิ้นท์ไม่รู้ก็คงเป็นแฟนที่แย่มาก” เธอบอก

ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะเรียนคณะเดียวกัน ชั้นปีเดียวกัน ก่อนจะคบหาเป็นคนรักตอนอยู่ปีสาม กระทั่งเรียนจบและมีงานทำ มทิราก็ซื้อคอนโดที่มีห้องนอน ห้องรับแขกและห้องครัวแยกเป็นสัดส่วน เธอกับปรเมศอยู่ด้วยกันแบบนี้ตั้งแต่คบหาเป็นแฟน นับได้ก็เกือบสี่ปีเห็นจะได้

คอนโดแห่งนี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของมทิราคนเดียว เพราะปรเมศมีบ้านอยู่แถบชานเมืองอยู่แล้ว แต่เขาไม่ค่อยกลับบ้าน เพราะเดินทางไปทำงานไม่สะดวก ส่วนใหญ่เขาจะมาอยู่กับเธอและบางครั้งก็ต้องออกไปต่างจังหวัดครั้งละหลายๆ วัน เพราะเขามีตำแหน่งเป็นพนักงานส่งเสริมการขายของบริษัทสีแห่งหนึ่ง

“ถ้างั้นผมก็เป็นแฟนที่ดีเหมือนกัน เพราะผมรู้ว่ามิ้นท์ชอบอะไร” เขาพูดยิ้มๆ

“คะ” หญิงสาวเลิกคิ้ว เธออยากรู้เหมือนกันว่าปรเมศจะรู้จริงหรือ เพราะปกติแล้วเธอไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของใช้

“ผมรู้ว่ามิ้นท์ชอบผมและชอบให้ผมทำแบบนี้” เขากระซิบแล้วดึงเสื้อเชิ้ตของเธออกจากกระโปรง ก่อนสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวเนียนนุ่มมือ ใบหน้าโน้มมาใกล้แล้วจูบปากเธอเบาๆ

“ปอน่ะ” เธอทำเสียงกระเง้ากระงอดพร้อมเบี่ยงหน้าหลบพอเป็นพิธีแต่ไม่ได้ผลักเขาออก และไม่ห้ามเมื่อมือใหญ่เลื่อนขึ้นมายังก้อนเนื้ออวบที่เบียดตัวอยู่ในบราลูกไม้

“ไหนบอกว่าหิวไงคะ มาค่ะมากินข้าวกันดีกว่า” เธอชวน แต่ดูเหมือนว่าปรเมศจะหิวอย่างอื่นมากกว่า เขาดันเธอออกจากครัวแล้วเดินเข้าห้องนอนที่เป็นเพียงกระจกใสๆ กั้นระหว่างห้องนอนกับห้องรับแขก ระหว่างนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอไปด้วย เมื่อขาของมทิราชนกับขอบเตียง เขาก็ผลักเธอลงนอน เสื้อเชิ้ตและชั้นในตกอยู่ข้างเตียง

บทรักของทั้งสองเต็มไปด้วยความหิวโหยและคิดถึง ชายหนุ่มเริ่มทักทายเธอจากความเนิบช้าค่อยเป็นค่อยไปก่อนจะเร่งขึ้นเรื่อยๆ จนร่างเล็กสั่นเป็นจังหวะยามเขาส่งตัวตนเข้าไป เสียงครางของเธอประสานไปกับเสียงร้องของเขาเมื่อทั้งสองเดินทางไปถึงสวรรค์แสนสวยที่ทิ้งร้างไปนานกว่าอาทิตย์




เกมรักสุดร้อนคั่นเวลาจบลงเมื่อเวลาสองทุ่ม หลังดื่มกินกันและกันจนอิ่มใจแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวต้องเพิ่มพลังให้กระเพาะกันบ้าง ทั้งสองนั่งกินข้าวกันที่โต๊ะเล็กหน้าโทรทัศน์ กับข้าวล้วนเป็นของโปรดของปรเมศทั้งสิ้น

“ปอรู้หรือยังว่าตอนนี้อ้อท้องแล้วนะ” มทิราพูดถึงเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งที่แต่งงานไปเมื่อปีก่อน

“ก็ควรจะท้องได้แล้ว เขาแต่งงานมาตั้งปีกว่าแล้ว”

“ดีจังเลยเนอะ แต่งงานมีลูก ชีวิตอ้อดูสมบูรณ์จัง” เธอเอ่ยเสียงเบาแล้วเขี่ยข้าวในจานไปมา ทำให้ปรเมศต้องละสายตาจากจอทีวีหันมามองเธอ

“เรายังไม่พร้อมที่จะสร้างครอบครัวหรอกมิ้นท์” เขาดักทางอย่างรู้ใจแฟนสาว

“ค่อยๆ สร้างเอาก็ได้นี่ เราคบกันมาหลายปีแล้วนะปอ”

“พูดน่ะมันง่ายนะมิ้นท์ ตอนนี้เราพร้อมที่จะดูแลใครแล้วเหรอ เงินเดือนยังใช้แบบเดือนชนเดือนอยู่เลย จัดงานแต่งน่ะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำของจริงเลยนะ”

“แต่เราอยู่ด้วยกันมานานแล้วนะ” เธอบอก

“อยู่ด้วยกันก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ หลายๆ คู่ก็อยู่ด้วยกันก่อนทั้งนั้น เรารักกันซะอย่างจะไปจัดงานประกาศให้ใครรู้ทำไม”

“มิ้นท์กลับบ้านทีไร พี่หมอกก็ถามเรื่องนี้ทุกที จนมิ้นท์ไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว เขาเตือนมาว่าอย่าทำให้ขายหน้าแล้วกัน”

“ไม่มีอะไรขายหน้าหรอกครับ มิ้นท์ก็คุม ผมก็ป้องกัน จะผิดพลาดได้ยังไงล่ะ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“มันก็จริง แต่ถ้าเกิดมันผิดพลาดล่ะ มิ้นท์ไม่อยากถูกเพื่อนเม้าท์หรอกว่าท้องก่อนแต่ง”

“ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง มิ้นท์ก็บอกไปสิว่าทางบ้านของเรารับรู้แล้ว งานแต่งน่ะมันไม่ได้เป็นตัววัดความรักของคนสองคนหรอก ดูอย่างคู่พี่แตมสิ จัดงานเสียใหญ่โต แต่งกันไม่ถึงสามปีก็หย่าแถมยังมีปัญหาฟ้องร้องกันอีก”

“มันก็จริง” เธอเห็นด้วยแบบเนือยๆ ปรเมศเอื้อมมือมากุมมือเธอไว้แล้วดึงไปจูบ

“ผมรักมิ้นท์นะครับ ถ้าเราจะสร้างครอบครัวกัน ผมอยากให้เราพร้อมที่สุดก่อน ลูกของเราจะได้สบาย ไม่ใช่เกิดมาแล้วต้องส่งไปให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง ต่อไปถ้าเราแต่งงาน ผมอยากให้มิ้นท์ลาออกแล้วมาเลี้ยงดูลูกของเราให้ดีที่สุด มิ้นท์พร้อมจะลาออกไหมล่ะครับ”

“ไม่ล่ะคะ มิ้นท์ชอบทำงาน” เธอปฏิเสธทันที

“เห็นไหม แค่นี้ผมก็มองอนาคตครอบครัวของเราออกแล้ว เพราะฉะนั้นรอให้พร้อมก่อนนะครับ ตอนนี้เราก็อายุยังน้อยอยู่ รอให้สักสามสิบก็ยังไม่สายครับ ตอนนั้นอะไรๆ ก็คงพร้อมแล้ว”

“ก็ได้ค่ะ มิ้นท์ตามใจปอ” เธอยิ้ม

“ดีมากครับที่รัก” เขาชมแล้วยื่นหน้ามาหอมแก้มก่อนหันไปกินข้าวต่อ มทิราลอบมองหน้าแฟนหนุ่มก่อนถอนใจบางๆ




การมีเด็กฝึกงานมาช่วยทำให้หลายคนพอใจ เพราะศุภรุจเป็นเด็กที่มีความกระตือรือร้นมากและพร้อมช่วยงานทุกอย่างแบบไม่มีบ่น มทิราถูกชะตากับเด็กหนุ่มและสอนงานเขาแบบไม่มีกั๊ก และดูเหมือนว่าศุภรุจจะชอบเข้าหาและคุยกับพี่เลี้ยงของเขาบ่อยกว่าคนอื่นด้วย

การทำงานร่วมกันและคอยสอนงานทำให้ศุภรุจเริ่มสังเกตพี่เลี้ยงของเขาบ่อยขึ้นและท่าทางของมทิราก็เริ่มจะผ่อนคลายกว่าช่วงแรกที่เขาเห็น เธอยิ้มให้เขาบ่อยขึ้นและสอนงานด้วยความใจเย็น ช่วงแรกเขาก็มีทำผิดพลาดบ้าง ลืมลงข้อมูลบางตัวไปบ้าง แต่มทิราก็ไม่เคยอารมณ์เสียใส่ ทำให้เขาเชื่อแล้วว่าทำไมมทิราถึงเป็นที่รักของใครๆ
แม้เธอจะเฉยชาและแสดงสีหน้าไร้ความรู้สึกจนเดาอารมณ์ไม่ถูกไปบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยคิดร้ายหรือมองคนอื่นในแง่ลบเหมือนที่แม็คบอกไม่มีผิด

“พี่มิ้นท์เก่งจังครับ ลองข้อมูลเป็นสิบๆ แผ่นได้แบบถูกต้องครบถ้วนไม่มีตกหล่นเลย” เด็กหนุ่มเอ่ยชมเสียงใส หลังใช้เวลาหลายชั่วโมงนั่งทวนข้อมูลที่รุ่นพี่ลงไปแล้วว่าครบหรือเปล่า ซึ่งก็สมบูรณ์ไม่ขาดตกสักตัวด้วย

หญิงสาวยิ้มเมื่อได้รับคำชม เป็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นบ่อยนักแต่น่าแปลกที่เธอมักยิ้มให้ศุภรุจ อาจเป็นเพราะเขาอายุน้อยกว่า และรอยยิ้มของเขาที่ส่งมาก็สดใสชวนให้โลกสว่างจนเธออดยิ้มตามไม่ได้

“ต่อไปถ้ารุจทำบ่อยๆ ก็จะคล่องเอง ตอนที่พี่มาทำครั้งแรกก็ทำผิดไปตั้งหลายตัว ทั้งพิมพ์ตก พิมพ์สลับ พิมพ์ขาดๆ เกินๆ”

“นานไหมครับกว่าพี่มิ้นท์จะทำคล่อง”

“ก็สักสองสามเดือน” เธอตอบ ทำเอาเด็กหนุ่มตาโต

“เก่งมากเลยนะครับ นี่ผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทำคล่องเมื่อไหร่ อาจต้องใช้เวลาเป็นปีเลยก็ได้”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก รุจก็พูดเกินไป แต่พี่ว่าอย่างรุจน่าจะทำวิเคราะห์และวางแผนมากกว่า งานลงข้อมูลแบบนี้มันพื้นๆ”

“ไม่พื้นนะครับ ถ้าลงข้อมูลผิด คนที่เอาไปวิเคราะห์ต่อก็จะผิด คนที่วางแผนก็จะผิดอีก และข้อมูลที่ส่งไปให้ฝ่ายการตลาดก็จะผิด ผมว่าการลงข้อมูลที่แหละครับเป็นหัวใจหลักเลย” เขาพูดจริงจัง มทิรายิ้มอีกครั้ง

เธอพอใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมีความละเอียด เขามองเห็นจุดเล็กๆ เสมอ ซึ่งเธอเชื่อว่าต่อไป เขาต้องเป็นนักวิเคราะห์การตลาดมือฉมังแน่ๆ

“คุยอะไรกันอยู่เอ่ย” เปิ้ลทักพร้อมเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ตอนนี้ใกล้จะบ่ายโมงตรงแล้ว พนักงานจึงเริ่มทยอยกลับเข้าประจำที่

“กำลังชมพี่มิ้นท์อยู่ครับว่าเก่ง กรอกข้อมูลเป็นสิบๆ หน้าแบบไม่มีผิดเลย”

“มิ้นท์เขาก็เก่งแบบนี้แหละ ทั้งเก่งและรอบคอบ งานละเอียดต้องยกให้เขา” เปิ้ลเห็นด้วย

“เพราะพี่เปิ้ลสอนและให้คำแนะนำต่างหากค่ะ มิ้นท์ยังจำวันแรกที่มาทำงานได้เลยนะคะ พี่เปิ้ลบอกว่า งานทุกอย่างแม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ก็สำคัญมาก เหมือนบ้านที่มีรอยร้าว แม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่ก็อาจทำให้บ้านพังได้”

“คมครับ คมมาก ผมขอยืมไปใช้หน่อยนะครับ” ศุภรุจขอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำเอาเปิ้ลหัวเราะ

“เอาสิๆ ถ้ารุจได้มาทำงานที่นี่ พี่จะมีคำคมพูดให้ฟังบ่อยๆ”

“แน่นอนครับ ผมมาสมัครที่นี่แน่ๆ อยู่ที่ฝ่ายบุคคลของพี่แล้วล่ะครับว่าจะเรียกผมมาสัมภาษณ์หรือเปล่า”

“อย่างรุจน่ะได้อยู่แล้ว เดี๋ยวพี่ประเมินให้ผ่านแบบเต็มร้อยเลยนะ” เปิ้ลบอก

“ขอบคุณครับพี่ อยากได้อะไรบอกมาเลยครับ เดี๋ยวผมจัดให้” เด็กหนุ่มพูดอย่างใจป้ำ

“แหม! พูดมาขนาดนี้ สงสัยพี่คงต้องขอสักหน่อยแล้ว” เปิ้ลพูดยิ้มๆ แบบเป็นปริศนาก่อนหันไปทางมทิรา

“พรุ่งนี้มิ้นท์ไปสาขาที่นครสวรรค์หน่อยสิ แม็คไม่ว่างน่ะ ส้มโอก็ขอลา ไปกับรุจนะ ให้เขานั่งไปเป็นเพื่อน รุจขับรถเป็นหรือเปล่า” ท้ายประโยคเปิ้ลหันไปถาเด็กหนุ่ม

“เป็นครับ”

“ดี งั้นช่วยขับรถให้พี่มิ้นท์หน่อยแล้วกัน เอกสารเยอะด้วย เผื่อว่าจะได้ช่วยกันขน เอารถบริษัทไปได้ พี่ขอพี่ชลให้แล้ว”

“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับปากแบบไม่ใช่ปัญหา

“วันนี้รุจเอารถกลับเลยก็ได้นะ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเข้าออฟฟิศ แล้วค่อยนัดเจอกับพี่มิ้นท์ระหว่างทาง ขากลับก็ไปส่งพี่เขาด้วย”

“ได้ครับพี่” เด็กหนุ่มรับคำ




เช้าวันรุ่งขึ้น ศุภรุจอาสาไปรับที่คอนโดของมทิราเพื่อความสะดวกไม่ต้องนัดเจอที่อื่นให้วุ่นวาย ทั้งสองออกกันแต่เช้า เพราะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเดินทาง
ทั้งสองเดินทางไปถึงบริษัทสาขาในช่วงก่อนเที่ยงเล็กน้อย จึงแวะกินข้าวกันก่อน กระทั่งบ่ายตรง มทิราก็เข้าบริษัท พนักงานบางส่วนมารอพร้อม เพราะเธอโทรบอกล่วงหน้าแล้ว กองเอกสารเป็นตั้งถูกลำเลียงใส่ท้ายรถจนเต็มแถมเลยมายังเบาะหลังด้วย ศุภรุจช่วยได้มาก เขาแข็งแรงและยกกล่องไปไว้ที่รถแบบไม่มีบ่น เป็นที่ถูกใจของพนักงานมาก ยิ่งรู้ว่าเป็นเด็กฝึกงาน ทุกคนต่างก็ยิ่งชมและอวยพรให้เขาได้งานเร็วๆ

ใช้เวลาขนและคุยเล่นถามไถ่สารทุกข์เกือบสองชั่วโมง มทิราก็ขอตัวกลับเพราะไม่อยากกลับเข้ากรุงเทพค่ำเกิน หากศุภรุจทำเวลาและรถไม่ติดมาก ทั้งสองน่าถึงกรุงเทพประมาณทุ่มหรือสองทุ่ม

ประมาณห้าโมง ท้องของศุภกิจก็เริ่มส่งเสียงเพราะเขาใช้พลังงานไปเยอะ มทิรายิ้มขำก่อนบอกให้เขาเลือกร้านตามใจชอบ เพราะตอนนี้เขาทำเวลาดีแล้ว เด็กหนุ่มแวะร้านอาหารริมน้ำแห่งหนึ่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขาบอกว่าเคยมากินที่นี่ รสชาติอร่อย ราคาไม่แพง จึงอยากให้เธอมาลองดู

บรรยากาศของร้านโปร่ง โล่ง และมีลานดนตรีด้วย แต่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ทางร้านจึงเปิดเพลงจากเครื่องเสียงแทน

“พี่มิ้นท์เคยมากินที่นี่ไหมครับ”

“ไม่เคย แต่เคยได้ยินชื่อ ร้านเขาดังเลยนะ ตกแต่งก็ดีด้วย รุจล่ะ มากินที่นี่กี่ครั้งแล้ว”

“สองสามครั้งครับ ผมกับเพื่อนๆ ออกต่างจังหวัดทำกิจกรรมกันบ่อย ถ้าผ่านทางนี้เราก็จะแวะตลอด ถ้ามาตอนค่ำๆ พระอาทิตย์ตกดินแล้ว จะมีดนตรีสดเล่นด้วยนะครับ นักร้องของเขาก็เสียงดีด้วย”

“คนน่าจะเยอะนะ”

“เยอะครับ บางครั้งถ้าเป็นช่วงรับปริญญาหรือปีใหม่ สงกรานต์ต้องโทรมาจองด้วยครับ แต่วันนี้เรามาเร็ว คนเลยน้อยๆ อยู่”

“ดีแล้วที่คนน้อย อาหารจะได้มาเร็วๆ รุจสั่งได้เลยนะ อะไรอร่อยก็สั่งมาเลย เดี๋ยวพี่เลี้ยง” เธอบอกแล้วเปิดเมนูเพื่อดูรายการ

“ไม่ได้ครับไม่ได้ จะให้พี่มิ้นท์เลี้ยงได้ยังไง หารครึ่งดีกว่าครับ”

“เถอะน่า ไม่ใช่เงินพี่หรอก เดี๋ยวพี่ไปเบิกกับพี่เปิ้ลอีกที”

“อ้าว” เด็กหนุ่มเก้อก่อนหัวเราะ “ไม่คิดว่าพี่มิ้นท์ก็เล่นมุกเป็นด้วย” เขาแซว มทิราไม่ได้ตอบอะไรก่อนเธอจะชะงักเล็กน้อยแล้วมองนิ่งตรงไปยังโต๊ะหนึ่งที่ไกลออกไป
ศุภรุจเห็นเธอเงียบเลยเงยหน้ามองก่อนขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ เขาหันมองตาม

“อะไรหรือครับพี่มิ้นท์” เขาถาม

“นั่นแฟนพี่...เขามากับใคร” เธอเอ่ยเสียงลอย ศุภรุจอึ้งไป เขาเพ่งมองหนุ่มสาวที่กำลังนั่งอิงแอบแนบชิดแบบไม่แคร์สายตาใคร ซึ่งดูก็รู้ว่าทั้งสองมีความสนิทสนิมกันอย่างไร เขาอยากพูดว่าคงเป็นเพื่อนแต่พูดไม่ออก เพราะภาพมันฟ้องว่าเป็นมากกว่านั้น

มทิราหายใจเข้าลึกก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเพื่อเก็บหลักฐานจากนั้นเธอก็โทรหาปรเมศ โดยเลือกนั่งที่เดิม เพราะอยากเห็นหน้าเขาชัดๆ ตอนที่รับสาย

“ว่าไงจ๊ะมิ้นท์”

“ตอนนี้ปออยู่ไหน”

“อยู่เชียงใหม่ครับ ผมก็บอกมิ้นท์แล้วนี่” อีกฝ่ายตอบแล้วก้มหอมสาวที่อยู่ข้างกาย มทิรากำโทรศัพท์แน่น “มีอะไรหรือมิ้นท์”

“ปะ เปล่า มิ้นท์จำไม่ได้ว่าวันนี้ปอไปที่ไหน แล้วจะกลับวันไหนคะ”

“น่าจะอีกสองสามวันครับ พรุ่งนี้ต้องไปเชียงรายต่อ มิ้นท์มีอะไรอีกไหมครับ”

“ไม่ค่ะ ไม่มีแล้ว”

“งั้นวางก่อนนะครับ ผมกำลังขับรถอยู่”

“ค่ะ” เธอรับคำเสียงแหบแล้วลดโทรศัพท์ลง น้ำใสๆ เอ่อล้นดวงตา ศุภรุจหันทางมองปรเมศและเห็นชายคนนั้นยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูสาวสวยข้างตัวแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ หญิงสาวคนนั้นหัวเราะคิกแล้วตีเขาเบาๆ แบบมีจริต มทิราพยายามกลั้นเสียงสะอื้นก่อนรีบลุกจากโต๊ะไปโดยเร็ว ศุภรุจรีบตามไป

“พี่มิ้นท์ เดี๋ยวครับ” เขารีบไว้เมื่อถึงลานจอดรถ

“พี่ไม่อยากกินข้าวที่นี่แล้ว รุจพาพี่ออกไปหน่อย”

“ได้ครับ” เขารับคำแล้วดึงมือเธอไปที่รถ




ภายในรถมีเสียงสะอื้นของมทิราดังมาเป็นระยะ สารถีหนุ่มเหลือบมองเป็นสักๆ เขาไม่รู้จะปลอบเธออย่างไรดี จึงปล่อยให้เธอได้ระบายความเสียใจออกมาให้หมด

“พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้” เธอเอ่ยเบาๆ “เราคบกันมาหลายปี แต่วันนี้เหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน พี่...พี่ไม่คิดเลย”

“ทำไมพี่มิ้นท์ไม่เข้าไปแสดงตัวล่ะครับ” เขาสงสัย

“เพื่ออะไรล่ะ ให้พี่ไปยื่นด่าเขาพี่ทำไม่ได้หรอก หรือจะให้พี่ไปด่าผู้หญิงคนนั้น พี่ก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน”

“แล้วพี่มิ้นท์จะทำยังไงต่อครับ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วคบเขาต่อหรือครับ” เขาถาม น้ำเสียงกึ่งไม่พอใจเล็กน้อย

“ไม่มีทาง แต่พี่มีวิธีจัดการก็แล้วกัน” เธอบอกเสียงเด็ดเดี่ยวแล้วหายใจเข้าลึกหลายครั้ง ศุภรุจลอบมองแล้วยิ้ม ท่าทางของมทิราดูเข้มแข็งกว่าตอนที่อยู่ในร้านเยอะ เธอเป็นเก่ง และเขาเชื่อว่าเรื่องนี้เธอต้องจัดการได้

“ผมเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้นะครับ”

“ขอบใจนะ พี่นี่แย่จัง เอาความรู้สึกส่วนตัวไปลงที่รุจทำไมไม่รู้ ดูสิ รุจอดกินข้าวเลย” เธอบอกแล้วพยายามขำแต่ก็ดูแห้งแล้งเหลือเกิน

“ไม่เป็นไรครับ”

“จะแวะกินก็ได้นะรุจ พี่ก็เริ่มๆ จะหิวแล้วเหมือนกัน”

“เข้ากรุงเทพก่อนแล้วกันนะครับ แล้วค่อยแวะร้าน พี่มิ้นท์ทนได้ไหมครับ”

“ได้ แต่รุจทนได้หรือเปล่า ไหนบอกว่าหิวไง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้ เดี๋ยวผมพาไปกินร้านนึง บรรยากาศดี ราคาโอเคครับ” เขาบอก มทิราพยักหน้ารับ




หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น รถยนต์ที่ศุภรุจเป็นคนขับก็เข้าเขตเมืองหลวง เขาขับไปยังถนนเส้นหนึ่งที่มีร้านอาหารเรียงรายก่อนเลี้ยวเข้าร้านหนึ่ง ซึ่งมทิราก็รู้จักและเคยมากิน เธอขอเป็นห้องคาราโอเกะขนาดเล็กเพื่อความเป็นส่วนตัว ซึ่งศุภรุจก็รู้ว่าทำไม และเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เด็กหนุ่มก็เลือกเปิดเพลงแนวให้กำลังใจและเพลงเร็วแบบสนุกสนาน เพื่อให้บรรยากาศครื้นเครง สีหน้าของมทิราดีขึ้น เธอสั่งเหล้ามากินด้วย ทำเอาเด็กหนุ่มแปลกใจ

“มันจะดีหรือครับ” เขาถาม “ถ้าพี่เปิ้ลเห็นบิลจะยุ่งนะครับ”

“ไม่ต้องห่วง มื้อนี้พี่จัดการเอง รุจสั่งเต็มที่เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” เธอบอกแล้วรินเหล้ารินโซดาใส่แก้ว

“รุจยังเด็กอย่าดื่มเลยนะของพวกนี้”

“จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไม่ควรดื่มนะครับ ยิ่งช่วงเสียใจยิ่งไม่ควรดื่ม”

“รุจจะบอกว่าพี่คิดอะไรตื้นๆ ใช่ไหม” เธอถามแล้วยิ้มเยาะ “มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหรอก แต่พี่อยากลืม พี่ไม่อยากคิดมาก ถ้าพี่ไม่ดื่ม คืนนี้พี่คงนอนไม่หลับและคงฟุ้งซ่านแน่ๆ พี่ไม่อยากเป็นแบบนั้น พี่ไม่อยากเป็นผู้หญิงที่ไม่มีเหตุผล พี่ไม่อยากเป็นผู้หญิงไร้สติ พี่...พี่...พี่”

“ไม่เป็นไรครับพี่มิ้นท์ ไม่ต้องพูดแล้ว ผมเข้าใจพี่ครับ” ศุภรุจรีบปลอบ “พี่ดื่มได้แต่ผมขอให้พี่ดื่มแค่วันนี้วันเดียวนะครับ แล้วพรุ่งนี้พี่ต้องเข้มแข็ง”

“ได้ พรุ่งนี้พี่จะเข้มแข็งและลืมทุกอย่าง พี่สัญญากับรุจ” เธอรับปากแล้วกรอกน้ำสีอำพันเข้าปากจนหมดแก้ว

กระทั่งเหล้าหมดไปเกือบแบน ร่างเล็กก็เริ่มโอนเอนพูดเสียงอ้อแอ้ ในที่สุดก็นอนฟุบกับเบาะยาว เธอบ่นฟังไม่ได้ศัพท์ถึงแฟนหนุ่มที่นอกใจก่อนเสียงนั้นจะค่อยๆ หายไป
ศุภรุจเข้าไปนั่งใกล้แล้วเขย่าเรียกหลายครั้งแต่มทิราก็ไม่รู้สึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอคงไม่ตื่น เขาจึงไม่ปลุกและนั่งมองหน้าเธอเงียบๆ

มือใหญ่เอื้อมไปลูบไล้ใบหน้าเธออย่างแผ่วเบาทนุถนอม ใบหน้าของเขาโน้มลงต่ำมาใกล้เธอ กลิ่นเหล้าลอยมาอ่อนๆ แต่กระนั้นเขาก็ยังได้กลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอ ศุภรุจสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนแตะปากเบาๆ ที่แก้มเนียนของเธอ

“ผมชอบพี่นะครับ และผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่เสียใจ ให้ผมดูแลหัวใจของพี่นะครับ” เขากระซิบแล้วแนบริมฝีปากตัวเองกับกลีบปากนุ่มของเธอ



...............................................





Create Date : 20 มกราคม 2559
Last Update : 20 มกราคม 2559 13:58:04 น. 0 comments
Counter : 520 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com