นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

<<
ตุลาคม 2558
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 ตุลาคม 2558
 

[กลพันแสง] 4 : ผู้ช่วยเฉพาะกิจ



ตอนที่ 4

ผู้ช่วยเฉพาะกิจ



พันแสงเดินออกมาเปิดประตูร้านด้วยสีหน้าแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่มากดกริ่งคือพิชชากร

“ลืมอะไรไว้ครับ” เขาถามแล้วเปิดประตูรับเธอเข้ามา

“ไม่มีค่ะ คือฉัน...ฉันแค่ คือ...ฉัน เอ่อ”

“ครับ” พันแสงเลิกคิ้ว

“ฉันอยากเข้ามาช่วยคุณค่ะ” เธอตัดสินใจบอกไปตรงๆ ขณะที่คนฟังกะพริบตาปริบเหมือนยังงงกับคำพูดนั้น

“ช่วย? ช่วยผม” เขาทวน “ช่วยเรื่องอะไรครับ”

“ช่วยคุณทำขนมค่ะ ถึงฉันจะไม่เคยทำ แต่ขอให้ฉันได้ช่วยหยิบจับอะไรนิดๆ หน่อยๆ นะคะ”

“มันจะดีหรือครับ คุณเป็นบอกเองว่าไม่อยากให้คนไม่มีความชำนาญเข้าไปยุ่งในครัว แล้วนี่คุณจะทำผิดกฎเสียเองหรือครับ”

“แต่มันจำเป็นนะคะ ขนมตั้งหลายร้อยชิ้นแบบนั้น คุณจะทำคนเดียวได้ยังไง” เธอถาม

“ทำไปเรื่อยๆ คืนนี้ก็เสร็จครับ ตอนนี้ก็อบไปร้อยชิ้นแล้ว” เขาบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“แต่ฉันกลัวว่าคุณภาพจะตก คุณทำคนเดียว นานๆ ไปอาจล้าได้ ฉันไม่เสี่ยงหรอกนะคะ คุณปุ๊กเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเรา และเขาก็คอมเม้นต์มาว่าอยากได้ขนมจากร้านคุณ ถ้าคุณภาพตกลง เราจะเสียกันหมด” เธออ้าง

“แต่ถ้าให้คนไม่เป็นงานเข้ามาทำ มันอาจจะยิ่งแย่ไปอีกนะครับ” เขายกเหตุผล

“ฉันรู้ค่ะว่าต้องทำยังไง ให้ฉันอยู่ช่วยคุณนะคะ ฉันจะได้มั่นใจว่าคุณภาพของคุณไม่ตกจริงๆ”

“ถ้าคุณเป็นห่วงขนมขนาดนั้นผมก็จะให้คุณช่วยครับ ส่วนคนทำจะเป็นยังไง ก็คงเป็นเรื่องที่คุณไม่สนใจ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจหน่อยๆ แล้วผายมือให้เธอเข้าไปด้านหลังก่อนเดินนำเข้าไป ขณะที่พิชชากรอ้าปากจะร้องค้าน

แต่...เธอจะค้านว่าอะไร จะบอกว่าเธอก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันน่ะหรือ

ก็ใช่ เธอยอมรับว่าห่วงเขาไม่แพ้คุณภาพของขนม แต่...จะให้เธอบอกแบบนั้นได้อย่างไร

พิชชากรถอนใจอ่อนก่อนเดินตามเข้าไป พันแสงเตรียมผ้ากันเปื้อนให้เธอแล้ว หญิงสาวหยิบมาคล้องคอแล้วเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อผูกเชือกแต่เพราะไม่ถนัดทำให้มัดๆ หลุดๆ อยู่หลายครั้ง

“ผมทำให้ครับ” พันแสงอาสาแล้วเดินมายืนซ้อนด้านหลัง เขาก้มตัวเล็กน้อย ลมหายใจเป่ารดต้นคอทำเอาหญิงสาวถึงกับยืนนิ่ง กระทั่งเขามัดเสร็จ เธอจึงหายใจได้คล่องขึ้น

“จะให้ฉันช่วยอะไรบ้างคะ” เธอถามพร้อมมองสำรวจโต๊ะ ซึ่งมีแป้งโดว์อยู่ในอ่างผสมชามใหญ่

“เอาแป้งตรงนั้นมานวดแล้วกันครับ” เขาบอกแล้วเดินไปที่อ่างแก้วใบใหญ่พร้อมทั้งโรยผงแป้งบนโต๊ะก่อนเทแป้งโดว์ออกจากอ่าง

“นวดแบบไหนคะ” เธอถาม ขณะที่พันแสงทำให้ดูเป็นตัวอย่าง หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนทำตาม เชฟหนุ่มยืนดูอยู่ครู่พร้อมพยักหน้าพอใจก่อนเลี่ยงไปผสมแป้งเพื่อเตรียมทำขนมล็อต ต่อไป

หลังนวดแป้งจนได้ที่ก็ต้องพักแป้งไว้อีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้เซตตัว ระหว่างนั้นพันแสงก็นำขนมส่วนหนึ่งออกจากเตาอบ กลิ่นหอมตลบไปทั่วห้องครัว จากนั้นเขาก็นำขนมอีกชุดเข้าอบต่อ ระหว่างที่รอก็ไปนวดขนมอีกชุด เขาทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่รู้จักเหนื่อย โดยมีพิชชากรทำหน้าที่นวดแป้งโดว์ไล่อากาศ

เมื่อนวดแป้งจนเริ่มเมื่อย พันแสงก็ให้เธอช่วยทาเนยบนขนมปังปอนด์ที่หั่นเป็นแผ่นแล้ว โดยเขาได้สาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างและย้ำให้เธอทาแบบสม่ำเสมอ ไม่ใช่หนาบ้างบางบ้าง จากนั้นเขาก็ยืนคุมอยู่พักนึง เมื่อพิชชากรเริ่มคล่องมือเขาก็ปล่อยเธอทำเอง แต่ระหว่างนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะอยู่ว่างๆ เพราะต้องไปเตรียมหั่นขนมปังที่อบเสร็จแล้วต่อ

“หลายขั้นตอนจังนะคะ” เธอเปรย เมื่อเขานำขนมปังที่ทาเนยและหั่นเป็นแท่งเข้าเตาอบ

“อบอันนี้เสร็จรอให้เย็นก็ใส่ถุงได้แล้วครับ” เขาบอกแล้วบุ้ยหน้าไปยังถุงกระดาษที่วางเป็นตั้งๆ

“แล้วนี่กี่โมงถึงจะอบเสร็จทั้งหมดค่ะ นี่เพิ่งทำไปได้ไม่เท่าไหร่เอง”

“ตอนนี้ก็เหลือทาเนยบนหน้าขนมปังแล้วอบต่อ ก็คงอีกสักสองสามชั่วโมงครับ” เขาคะเนหลังมองขนมปังปอนด์ที่วางเรียงราย

“ทำไมคุณไม่เอาขนมปังปอนด์สำเร็จมาทาเนยแล้วอบคะ น่าจะเสร็จเร็วกว่า” เธอสงสัย

“เราทำขนมปังเองได้ ทำไมต้องซื้อล่ะครับ และพูดก็พูด ขนมปังของผมอร่อยกว่าของที่ขายๆ กันเสียอีก ได้ทั้งคุณภาพและราคาถูกกว่าตั้งเยอะ แค่เสียเวลาทำนิดหน่อยเท่านั้น” เขาบอกแบบไว้ตัว

“เสียเวลานิดหน่อยอะไรกันคะ กว่าจะได้ขนมปังปอนด์สักแถว ใช้เวลาตั้งหลายชั่วโมง แล้วนี่คุณจะนอนกี่โมงคะ” เธอถามแล้วพลิกข้อมือดูเวลา ตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้ว

“เสร็จเมื่อไหร่ก็นอนเมื่อนั้นแหละครับ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว คุณกลับเถอะครับเดี๋ยวจะดึกไปกว่านี้ และขอบคุณมากนะครับที่มาช่วยผม”

“ไม่มีอะไรกันคะ เหลือขนมอีกตั้งเยอะยังไม่ได้อบ” เธอว่า

“เล็กน้อยแล้วครับ แค่นี้ผมรอได้ คุณกลับเถอะครับ ผมรบกวนเวลาส่วนตัวของคุณมานานแล้ว”

“ฉันอยากช่วยคุณแพ็คของ” เธอบอก

“แต่ต้องรอให้ขนมเย็นก่อนนะครับ ใช้เวลาตั้งเป็นชั่วโมง” เขาเอ่ย

“ค่ะ ฉันจะรอ” เธอยืนยันแล้วนั่งลง

“แต่มันจะดึกมาก แล้วคุณจะกลับยังไงครับ”

“ฉันมีรถ จะกลับตอนไหนก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ ถ้าคุณอยู่ได้ ฉันก็อยู่ได้เหมือนกัน”

“โอเคครับ ผมตามใจคุณ” พันแสงยอมแพ้ ระหว่างนั้นเสียงเครื่องอบก็ส่งเสียงเตือน ชายหนุ่มจึงเดินไปเปิดเตาอบแล้วนำขนมปังกรอบสีเหลืองส่งกลิ่นหอมออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็นำถาดใหม่ใส่เข้าไป

“คุณออกไปนั่งรอข้างนอกก็ได้ครับ ตอนนี้เหลือแค่อบให้กรอบ อีกสักชั่วโมงเราค่อยมาแพ็คใส่ถุง” เขาบอกแล้วเดินนำออกจากครัว

บริเวณกลางร้าน พันแสงดันเก้าอี้ไปไว้มุมหนึ่งก่อนนำเก้าอี้พับชายหาดออกมากาง
“ถ้าคุณง่วงก็นอนเล่นก่อนได้ครับ” เขาบอกแล้วผายมือให้เธอ

“ฉันนั่งเป็นเพื่อนคุณดีกว่าค่ะ” เธอบอกแล้วนั่งบนเก้าอี้ พันแสงนั่งตาม “ปกติคุณนอนที่นี่ด้วยหรือคะ” เธอถาม

“นานๆ ครั้งครับ เวลาที่ต้องเร่งทำขนม”

“เคยอยู่ดึกสุดถึงกี่โมงคะ”

“เช้าครับ จัดการครัวเสร็จก็ถึงเวลาเปิดร้านพอดี”

“ถึงเวลาเปิดร้านเลยหรือคะ” เธออุทานเสียงตกใจ “นี่คุณทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า แล้วทำไมถึงไม่หาลูกมือมาช่วยสักคนสองคนล่ะคะ”

“ไม่คุ้มหรอกครับ เพราะนานๆ ถึงจะมีออเดอร์แบบนั้นสักทีและผมก็พอทำคนเดียวได้ ไม่หนักหนาครับ และถ้าคุณเป็นห่วงเรื่องคุณภาพ ผมรับรองครับว่าทุกชิ้นเท่าเทียบกันหมด”

“ค่ะ ฉันเชื่อแล้ว” เธอบอกเสียงอ่อนและยิ้มให้เขา

เป็นรอยยิ้มแรกที่เขาได้รับจากเธอนับตั้งแต่รู้จักกัน

รอยยิ้มหวานใสนั้นเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์สะกดให้พันแสงนิ่งงัน สายตาจ้องใบหน้าหวานกับรอยยิ้มสดใสนั้นแบบไม่กะพริบจนทำให้พิชชากรรู้สึกเขินๆ ทำอะไรไม่ถูก

“ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยแล้วยิ้มตอบ

ขอบคุณสำหรับความเชื่อของเธอและขอบคุณสำหรับรอยยิ้มสดใสที่ส่งมา มันทำให้เขามีแรงขึ้นอีกโขเลย

“ฉันแพ้คุณแล้วค่ะ” เธอยอมรับ “และร้านของคุณผ่านการประเมินจากฉันแล้ว ฉันยอมรับว่าก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าคุณใช้เส้นเข้าทางพี่สุ และคิดว่าพี่สุเข้าข้างคุณเกินเหตุ แต่พี่สุพูดถูก ร้านคุณได้มาตรฐานกว่าที่เราตั้งไว้เยอะ ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณลำบากขนาดนี้” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ผมไม่ลำบากหรอกครับ และขอบคุณที่บอกความจริงกับผม”

“คุณคงเกลียดฉัน” เธอพูดแบบยิ้มๆ ตรงไปตรงมา

“ไม่เลยครับ ผมชอบวิธีการทำงานของคุณ คุณเป็นคนตั้งใจทำงานและไม่เคยปล่อยสิ่งที่ไม่ถูกใจให้ผ่านไปเฉยๆ ผมชอบคุณครับ” เขาบอก ทำเอาพิชชากรนิ่งไป ใบหน้าหวานจู่ๆ ก็ร้อนขึ้นมา อาการนิ่งงันของเธอทำให้เขารู้สึกตัว

“ผมหมายถึง ผมไม่เคยเกลียดคุณน่ะครับ” เขารีบขยายความ และเริ่มขัดเขินทำตัวไม่ถูกเมื่อเผลอพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป

“ตอนนี้ขนมคงได้แล้ว ผมไปดูก่อนนะครับ คุณนั่งรอตรงนี้ก็ได้ ในครัวไม่มีอะไรแล้ว” เขาบอกแล้วเลี่ยงเข้าครัว ขณะที่พิชชากรยังนั่งอยู่ที่เดิม เธอไม่กล้าตามเขาเข้าครัวแล้ว และเพิ่งคิดว่าได้ตอนนี้เธอกับเขาอยู่กันตามลำพังแบบสองต่อสองในร้านที่ปิดมิดชิด หากใครมาเห็นเข้าจะเอาไปพูดกันยังไง

แล้วไหนจะประโยคคำพูดชวนให้คิดนั่นอีก คำพูดประโยคสุดท้ายของเขายังติดอยู่ในหูของเธอ

ผมชอบคุณ...ผมชอบคุณ...ผมชอบคุณ...นึกถึงแล้วใบหน้าหวานก็แดงซ่านขึ้นมาอีก




พันแสงหายเข้าครัวไปนานกว่าปกติ พิชชากรนั่งเฉยๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เกิดอาการง่วง เธอหาวหวอดๆ หลายครั้งจนน้ำตาไหล พร้อมมองเตียงพับด้วยแววตาโหยหาสลับมองไปยังประตูห้องครัว เมื่อไหร่พันแสงจะออกมาเสียที หรือว่าเธอควรตามเข้าไปในครัวดี เพราะหากให้นั่งแบบนี้ มีหวังเธอหลับคาโต๊ะแน่ๆ

แต่...เธอจะกล้าสู้หน้าเขาได้หรือเปล่านะ ในเมื่อคำพูดของเขายังดังก้องอยู่ในหู เธ
อไม่อยากอายหน้าแดงให้เขาเห็นเลย หลบหน้าหลบตาด้วยการลงไปแกล้งนอนดีกว่า...หญิงสาวคิดแล้วลงไปนั่งบนเตียงพับ เธอขยับเอนพนักแล้วปรับหมอนใบเล็กให้อยู่ในตำแหน่งที่สบายก่อนกางผ้าห่มแพรออกมาคลุมตัว

พิชชากรถอนใจยาวด้วยความสบายใจก่อนหลับตา ไม่นานเธอก็เข้าสู่ห้วงนินทรา

...เกือบตีสอง ขนมปังกรอบทาเนยจำนวนสี่ร้อยชิ้นก็เสร็จเรียบร้อย พันแสงมองผลงานที่วางเรียงรายจนเต็มโต๊ะด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าแต่เปี่ยมไปด้วยความสุขใจ เขาคงต้องพักขนมให้เย็นก่อนถึงจะนำใส่ในถุงกระดาษได้ แต่ระหว่างที่รอให้เตาเย็นเพื่อทำความสะอาด เขาก็นำขนมที่เย็นแล้วใส่ถุงไปพลางๆ ก่อน และกว่าครัวจะสะอาดเหมือนใหม่ เวลาก็ล่วงไปเกือบสามนาฬิกาแล้ว

พันแสงออกมาด้านนอกและเห็นพิชชากรหลับสนิทอยู่บนเตียงพับ เขายิ้มแล้วเดินไปนั่งมองเธอใกล้ๆ คงมีแค่เวลานี้กระมังที่เขาจะได้มองเธอตรงๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าเธอจะอ่านสายตาของเขาออก แววตาของเขาทอดมองใบหน้าหวานด้วยความเอ็นดู
ชายหนุ่มเอือมมือไปใกล้คนที่กำลังหลับพริ้มก่อนชะงักมือแล้วค่อยๆ ถอยออกมา เขาอยากสัมผัสใบหน้านุ่มๆ ของเธอเหลือเกินแต่ก็รู้ว่าไม่สมควร ถ้าเธอตื่นและเห็นเข้าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

“ฝันดีครับคุณพีช” เขากระซิบเสียงแผ่วแล้วดึงผ้าแพรห่มตัวเธอ



พิชชากรรู้สึกตัวก่อนฟ้าสางเล็กน้อย เธอบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยขบ ดวงตาหวานลืมช้าๆ แล้วมองไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นชินก่อนนึกขึ้นได้ว่าเธออยู่ที่ร้านของพันแสง หญิงสาวรีบยืดตัวขึ้นแล้วยกข้อมือเพื่อดูเวลา อีกสิบนาทีจะหกโมงเช้า เธอลุกจากเตียงพับแล้วเดินไปเลิกผ้าม่านที่หน้าต่างเพื่อมองออกไปด้านนอก ท้องฟ้าเริ่มสว่าง ถนนเส้นหลักเริ่มมีรถวิ่งขวักไขว่กันแล้ว

หญิงสาวหันกลับมามองในร้านอีกครั้ง คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่อไม่เห็นพันแสง...อย่าบอกนะว่าเขายังอยู่ในครัว เธอคิดก่อนสาวเท้าตรงไปยังห้องครัว แต่ด้านในก็ไม่มีใครอยู่นอกจากขนมปังอบกรอบสีเหลืองหน้าตาน่ากินที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะโดยมีพลาสติกใสคลุมอีกชั้น เธอเหลือบมองไปที่เตาอบอย่างเคยตัวและต้องอึ้งเมื่อเห็นว่ามันสะอาดเหมือนใหม่

เธอหมดข้อสงสัยแล้วจริงๆ!

แต่ความสงสัยอีกอย่างยังคิดอยู่ในใจ..พันแสงหายไปไหน

พิชชากรออกจากครัว และยังไม่ทันมองหาเธอก็พบใครคนหนึ่งฟุบหลับอยู่หลังเคาน์เตอร์ หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ ใบหน้าหวานระบายด้วยรอยยิ้ม เขามาแอบหลับอยู่ตรงนี้เพราะเธอไปแย่งที่นอนเขา

เมื่อคืนเขาคงทำจนดึก เพราะกว่าเตาจะเย็นต้องใช้เวลานานเป็นชั่วโมงและคงเพลียมาก ขนาดเธอเดินมาใกล้แบบนี้ เขายังไม่รู้สึกตัวเลย

หญิงสาวมองคนร่างสูงใหญ่ที่ใช้หนังสือเล่มหนาต่างหมอนแล้วยิ้มนิดๆ เป็นครั้งแรกที่เธอได้มองเขาแบบเต็มๆ ตาโดยไม่ต้องหลบเลี่ยงหรือเมินไปทางอื่น

ใบหน้าขณะหลับของเขามีเสน่ห์ชวนมองไม่น้อย ดวงตาคมเข้มยามตื่นทำให้เขาดูเป็นคนมุ่งมั่นตั้งใจ แต่ในตอนนี้เปลือกตาของเขาปิดสนิททำให้ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาดูอ่อนเยาว์ เหมือนเด็กน้อยที่เล่นซนมาทั้งวันจนหมดแรงไม่มีผิด

หญิงสาวเดินไปหยิบผ้าแพรที่วางอยู่บนเตียงพับมาคลุมไหล่ให้เขา เป็นจังหวะที่พันแสงรู้สึกตัวพอดี เขาขยับตัวทำให้ผ้าห่มหล่นจากไหล่ พิชชากรคว้าเพื่อไม่ให้มันตกลงพื้น เช่นเดียวกับพันแสงที่รีบตะครุบผ้าไว้

แต่สิ่งที่เขาจับได้ไม่ใช่ผ้าแพรแต่เป็นมือเล็กของพิชชากร

“อุ๊ย!” หญิงสาวอุทานตกใจและสะดุ้งเล็กน้อย ทำให้พันแสงต้องรีบปล่อยมือ

“ขอโทษครับ ผมจะจับผ้าไม่ได้ตั้งใจจะจับมือคุณ” เขารีบพูดแล้วยืนขึ้น

แต่เพราะเพิ่งตื่น ทำให้ร่างกายของเขายังปรับตัวไม่ได้ ยังไม่ทันยืนเขาก็ถลาเกือบล้มหน้าคะมำแล้ว ยังดีที่พิชชากรคว้าตัวไว้

แต่...ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย เพราะตัวเธอเล็กกว่าเขาตั้งเยอะจะไปช่วยประคองคนตัวสูงได้อย่างไร ผลคือทั้งสองล้มกลิ้งไปด้วยกัน โดยมีร่างของพันแสงคร่อมอยู่ด้านบน

“ว้ายยยย” พิชชากรร้องเสียงหลงแล้วยกมือขึ้นกั้นระหว่างอกเพื่อกันเขาทับร่าง แต่นั่นไม่ได้หมายถึงใบหน้าของเขา!

ใบหน้าคมเข้มของพันแสงชนปะทะกับใบหน้าหวานของพิชชากรอย่างหลบหลีกไม่ได้เลย หญิงสาวหลับตาปี๋แล้วเบี่ยงหน้า ทำให้จมูกโด่งของพันแสงกดยังแก้มเนียนนุ่มของเธอ ชายหนุ่มลืมตาโตด้วยความตกใจ ก่อนยันตัวออกมา

“คุณพีช! ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ครับ” พันแสงละล่ำละลักพูดแล้วถอยตัวออกห่างพร้อมดึงพิชชากรขึ้น หญิงสาวยังคงมีอาการตกตะลึงอยู่

“ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ”

“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษครับ” เขายังพร่ำพูดซ้ำๆ

“ฉันเข้าใจค่ะว่าเป็นอุบัติเหตุ” เธอบอกแล้วสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกขวัญตัวเองก่อนพูด “ฉันต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณตกใจตื่น คุณมานอนเมื่อไหร่คะ”

“น่าจะสักตีสี่ครับ” เขาตอบพลางลูบหน้าตัวเอง ดวงตาของเขาแดงก่ำ “ผมขอไปล้างหน้าก่อนนะครับ ยังเหลือแพ็คขนมอีกนิดหน่อย”

“เดี๋ยวฉันทำให้ คุณนอนต่อเถอะค่ะ เพิ่งนอนไปแค่สองชั่วโมงเอง”

“ไม่ล่ะครับ ตอนนี้เช้าแล้ว เสร็จขนมของคุณ ยังต้องทำขนมส่งลูกค้าเจ้าอื่นอีก ถ้าพักผมกลัวจะทำไม่ทัน วันนี้ไม่มีผู้ช่วยด้วย” เขาบอกก่อนเลี่ยงเข้าห้องน้ำ พิชชากรรอให้เขาออกมาก่อนจึงเข้าไปล้างหน้าบ้าง จากนั้นก็เข้าไปช่วยเขาแพ็คขนมปังลงซองกระดาษสีสันสดใส กระทั่งแปดโมง ขนมปังจำนวนสี่ร้อยชิ้นก็สมบูรณ์และลงไปนอนในกล่องเรียบร้อย

เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี พิชชากรก็ขอตัวกลับเมื่อเวลาเกือบเก้าโมง ส่วนพันแสงยังอยู่ที่ร้านเพื่อรอทำออเดอร์ต่อไป สีหน้าของเธอแม้จะดูอ่อนล้าแต่ก็เต็มไปด้วยความอิ่มเอม เพราะขนมเป็นตั้งๆ นั้นก็เป็นผลงานของเธอเหมือนกัน ก่อนยิ้มเขินเมื่อนึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ประทับยังแก้มเนียน เธอยกมือขึ้นแตะแก้ม ใบหน้าร้อนผ่าน รอยยิ้มยังแตะแต้มอยู่บนใบหน้าหวาน



......................................



ตอนนี้สามารถโหลดฉบับเต็มในรูปแบบอีบุ๊กได้แล้วค่ะ ราคาเพียง 89.- เท่านั้น



 





โหลดจากเมพ -->> กลพันแสง

โหลดจากอีบุ๊กส์ -->>  กลพันแสง

โหลดจากอุ๊คบี -->> กลพันแสง





 

Create Date : 16 ตุลาคม 2558
0 comments
Last Update : 16 ตุลาคม 2558 13:05:38 น.
Counter : 1399 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com