Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 

ปาเน็ตโทน - Panettone

สวัสดีค่ะ...เพื่อน ๆ ทุกท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม

วันนี้.....นำสูตรของ " บะเน็ทโตเน๊ะ ( パネットーネ) " ....เพื่อน ๆ อย่าเพิ่งแปลกใจว่า ทำไมชื่อมันถึงได้ไม่เหมือนหัวกระทู้ ที่เรียกอย่างนี้ ก็เพราะถอดเสียงตามพี่ยุ่นเค้านะคร้า ซึ่งชื่อเรียกของเจ้าเนี่ย ตามภาษาสากล (ภาษาอิตาลี) ที่หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ก็คือ ปาเน็ทโทน (panettone) นั่นเองค่ะ

ที่จริง...ก็ไม่คิดจะนำสูตรมาโพสที่บล๊อคเหมือนกัน เพราะขนเริ่มงอกเสียแระ อีกทั้งใกล้จะได้ไปลั๊ลล้าเมืองไทย ช่วงนี้...ก็ต้องตระเวณไล่ล่าของฝากตามลิสต์รายการยาวเหยียดดดดดด

แต่เพราะได้เอาเจ้าเนี่ยไปโชว์อวดโฉมที่เฟส รวมทั้งเรื่อง (ประวัติศาสตร์) ที่ได้เอาไปเขียนเล่าไว้ ทำให้มีคนสนใจอยากลองทำกันมากมาย ไหน ๆ นำมาโพสเก็บไว้แล้ว ก็ขอนำประวัติ (ศาสตร์) ... ของเจ้าเนี่ยมาร่ายซ้ำอีกรอบก็แล้วกันนะคร้า

เจ้าเนี่ย...สัญชาติดั้งเดิมนั้น มาจาก เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ...นิยมทำทานกันในวันเฉลิมฉลอง X ` mas (มีชื่อเสียงติดอันดับต้น ๆ เชียวแระค่ะ) และที่สำคัญของสาว ๆ หนุ่ม ๆ โสดทั้งหลาย ในประเทศนั้นก็ครือ

เค้าเล่ากันว่า...นานแค่ไหนก็ไม่รุ เพราะอิฉาน ก็คงยังเป็นวุ้น อยู่ ณ ที่ ใดก็ไม่ทราบได้ ผู้ริเริ่ม ต้นตำหรับของเจ้าเนี่ยนั้น เกิดมาจาก ร้านขนมปังเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของร้านชื่อ "นายโทนี่" (ชื่อเล่นของเค้า ส่วนชื่อจริงคือ อันโตนิโอ) ทำขนมปังขายมานานแสนนาน ก็ไม่ได้ร่ำรวยขึ้นมากะเค้าเสียที นายโทนี่...มีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง พอโตเป็นสาว ก็ได้แต่เฝ้ารอแล้วรอเล่า ก็ไม่ยักมีใครมาสู่ขอ ตบแต่งไปเสียที สาเหตุ...ก็เพราะพ่อจน ลูกสาวเลยขายไม่ออก

และแล้วก็มีอยู่วันหนึ่งที่ "นายโทนี่" เค้าได้ลองคิดค้นสูตรของเจ้าเนี่ย โดยเริ่มตั้งแต่ การหมักยีสต์ป่า ผ่านขั้นตอนกระบวนการ ซึ่งกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ก็ใช้เวลานานเกือบ 4 อาทิตย์ ผสม (ใส่ไส้) ด้วยลูกเกด , ผลไม้แห้งต่าง ๆ ที่นำไปแช่เหล้ารัม + ผิวส้ม , ผิวมะนาว อบใส่พิมพ์ทรงสูง (โดม) พออบสุก ก็โรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง และแล้ว....ขนมปังตัวนี้ ก็กลายเป็นของฮิตติดอันดับทันที ทำให้ ร้านเล็ก ๆ ของนายโทนี่ มียอดขายเพิ่มขึ้น ร่ำรวยขึ้นมาทันทีค่ะ

พอพ่อร่ำรวยขึ้นมา ..ลูกสาวก็ขายออก อุ๊ย มีคนมาขอ ตบแต่ง ออกเรือน ไปเป็นที่เรียบร้อย มีความสุขขีสโมสร ประวัติของขนมปังตัวนี้..... เลยกลายเป็นตำนานกล่าวขานกัน ทำให้คนในประเทศอิตาลี ...โดยเฉพาะ สาว+หนุ่ม โสดทั้งหลาย ลงทุนเข้าครัว ผูกผ้ากันเปื้อน หัดทำเจ้าเนี่ย เพื่อหวังว่า...จะได้สละโสด กันทีเดียวเชียวแระคร้า

สูตรที่นำมาฝากคราวนี้.....เป็นสูตรที่ไม่ได้ใช้ "ยีสต์ป่า" แบบว่า...ถ้านำสูตรนั้นมาฝาก เกรงว่าเพื่อน ๆ จะถอดใจกันตั้งแต่เริ่มอ่าน เพราะกว่าจะได้กิน คงร้องเพลงรอร๊อรอ นานเหนียงยานทีเดียวเชียวคร้า (ซึ่งอิฉานได้ ยานมาแระ) แต่ถึงจะเป็นสูตรเร่งรัดก็ตาม เอาหัว (เห็นท่าไม่ดี ก็มุดหนีเข้ากระดองได้เนอะ ) รับประกันความอาหร่อยคร้า

เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา.... คว้าผ้ากันเปื้อนมาผูก เข้าครัว เตรียมละเลงกันดีกว่านะคะ

ส่วนผสมตัวแป้ง....สำหรับพิมพ์ขนาดใหญ่ 2 ชิ้น

แป้งขนมปัง (เคียวริคิโกะ- Kyoriki ko-強力粉)....... 230 กรัม
ยีสต์แห้ง ( ドライイースト - Instant dry yeast ) ........ 1 2/3 ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง ........ 2 ½ ช้อนโต๊ะ
หางนมผง (Skim Mill )......... 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ (ใช้ทั้งฟอง ตีให้แตกเข้ากัน)........ 1 ฟอง ( 52 กรัม)
เกลือป่น....... ½ ช้อนชา
เนยจืด................. 50 กรัม
น้ำอุ่น (อุณหภูมิประมาณ 42 - 43 องศา)........ 95 – 105 ซีซี (*)

เครื่องเคราอื่น ๆ ...โปรดติดตามด้านล่าง แต่บอกตรงนี้ไว้หน่อยก่อน คือ

อัลมอนด์สไลด์ ..... 5 กรัม
น้ำตาลไอซิ่ง (สำหรับโรยหน้า)..... 1 ช้อนชา

หมายเหตุ

* ตอนที่ผสมแป้ง ควรใส่น้ำน้อยไว้ก่อน คือ 95 ซีซี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...ก็ขึ้นอยู่กับแป้ง + สภาพความชื้นของอากาศด้วยนะคะ ตอนนวดแป้งแล้ว รู้สึกว่าแป้งแห้งไป ค่อยเติมน้ำเพิ่มทีละน้อย หรือถ้านวดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนปั้นรู้สึกว่าแป้งแห้งเกินไป ตอนที่พักแป้ง ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบีบหมาด ๆ คลุมก้อนแป้งเอาไว้ จะช่วยให้แป้งชื้นขึ้นได้

*ไข่ , เนยจืด ......ควรนำออกมาวางไว้ในห้องอุณภูมิปกติให้คลายความเย็นก่อน อย่างน้อย 30 นาที

ส่วนผสมไส้

ลูกเกด (สีเหลือง) แห้ง (サルタナレーズン) ...40 กรัม
* แช่น้ำอุ่นพอนิ่ม ซับน้ำให้แห้งสนิท
ผิวส้มเชื่อม ( オレンジピール) สับหยาบ ๆ ..... 30 กรัม
เหล้าส้ม ..... 1 ช้อนชา

* เพื่อน ๆ ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องเคราตามสูตร สามารถเปลี่ยน ใช้ของอื่น ๆ ตามที่มี + ชอบ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้แห้งรวม หรือ ผิวมะนาวเชื่อม ฯลฯ ขอเพียงอย่างเดียวคือ...เมื่อนำส่วนผสมของไส้มารวมกันแล้ว (ไม่รวมเหล้าส้ม) ให้ได้น้ำหนักที่ 70 กรัม และต้องเป็นของที่สุก พร้อมกินได้ เพราะขนมปังตัวนี้ ก้อน (รูปทรง) มันใหญ่พอควร ตอนอบ อาจจะทำให้สุกได้ไม่ทั่วถึงไส้ในได้ค่ะ

เพื่อจะได้ไม่ต้องมาตอบคำถาม นำรูปของ ลูกเกด (สีเหลือง) แห้ง และ ผิวส้มเชื่อม มาให้ชมเลยดีกว่า



นำทุกอย่างผสมรวมกัน เตรียมไว้



วิธีทำ

นำส่วนผสมของแป้ง ทุกอย่างรวมกัน แล้วนวด จะด้วยวิธีไหนก็ได้ ตามแต่เพื่อน ๆ สะดวก + ถนัด สำหรับมือใหม่...หัดทำ ขั้นตอนวิธีการนวดแป้ง ย้อนกลับไปชมได้ที่กระทู้นี้นะคะ บัตเตอร์โรล - Butter Roll

สูตรนี้...แป้งค่อนข้างเหลวพอควร อาจมีการปาดเหงื่อกันเล็กน้อย นวดตอนแรก ๆ ติดมือหนุบหนับทีเดียวเชียวค่ะ อย่าเติมแป้งนะคะ เพื่อความอร่อย ท่องเอาไว้....อดทน ๆ



นวด พร้อมกับ บี้ ให้เนยละลายเข้ากันกับแป้ง ใช้วิธีตบตี หลาย ๆ ครั้งช่วยได้ค่ะ นวดจนแป้งเนียน ประมาณ 8 ส่วน



* ในการทำขนมปังแทบทุกชนิด ที่เราจะใส่ไส้ พร้อมแป้งในตอนแรก มักจะไม่นวดแป้งจนขึงเป็นแผ่นฟิลม์ได้ ซึ่งเมื่อถึงขนานนั้น คือ 10 ส่วน


พอได้แป้งที่นวดได้ที่ (8 ส่วน) แล้ว ใช้มือกดเบา ๆ แผ่แป้งให้แผ่นสี่เหลี่ยมจตุจัส ขนาด 20 ซม. หรือจะใหญ่ก็นั้นก็ได้ ใส่ไส้ที่เตรียมไว้ให้ทั่วแผ่น กดเบา ๆ ให้เครื่องเคราติดกับแป้ง ม้วนจากด้านหนึ่ง



พอสุด ก็บีบปลายให้แน่นติดกัน พลิกอีกด้าน ม้วนตามขวางอีกครั้ง พอสุด ก็บีบปลายให้ติดแน่นเช่นกัน ยกก้อนแป้งขึ้นมา บีบตล่อมเบา ๆ เพื่อให้ไส้ เข้ากันทั่วก้อนแป้ง ทำเบา ๆ อย่าบีบแรงนะคะ

พักโดว์....ครั้งที่ 1 โดยใช้แผ่นพลาสติกใสปิดภาชนะ ทิ้งไว้ให้ขึ้น ประมาณ 1 - 1.5 เท่า (อุณหภูมิ 40 องศา ประมาณ 25 – 35 นาที)



หลักจากที่แป้งโดว์ได้ที่แล้ว ใช้กำปั้นกด (ชก) ลงไปเพื่อไล่แก๊ส ตัดแบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วน (จะได้น้ำหนักก้อนละประมาณ 260 กรัม) นำแป้งที่แบ่งไว้ มาปั้นขึ้นรูปเป็นก้อนกลม ดึงผิวด้านบนของแป้งให้เรียบตึง พักโดว์...ครั้งที่ 2 โดยใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ คลุมเอาไว้ ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง ประมาณ 10 นาที

ถ้าเพื่อน ๆ สามารถหาซื้อ "พิมพ์กระดาษเคลือบไข" แบบนี้ได้ ก็จะสะดวกขึ้น แล้วก็สวยงาม พร้อมที่จะนำแจกได้ทันที



แต่ถ้าไม่มี...สามารถใช้กระป๋องเหล็กทรงสูง ขนาดตามที่จะเขียนบอกด้านล่าง แล้วตัดกระดาษไขรองอบ ปูกรุใส่ลงไปได้ค่ะ อ๋อ...อย่าลืมวงกลม ตรงก้นกระป๋องด้วยนะคร้า



พอพักแป้งได้เวลา.....ก็ยกก้อนแป้งขึ้นมา (ไม่ต้องพลิกกลับ) กดเบา ๆ เพื่อไล่อากาศออก แล้วตล่อมเบา ๆ ให้เป็นก้อนกลม จับใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้



- สูตรที่ให้ไว้นี้ สำหรับพิมพ์ขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 9 ซม. สูง 9.5 ซม. จะได้ 2 อัน

- และถ้าใช้พิมพ์ขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลาง 6.5 ซม. สูง 5 ซม. จะได้ 4 อัน


พักโดว์รอบสุดท้าย....โดยใช้แผ่นพลาสติกใส (Warp) ปิดทับหลวม ๆ ลงไปก่อน แล้วใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ คลุมเอาไว้อีกชั้น ทิ้งไว้ในอุณหภูมิ 40 องศา ประมาณ 20 – 25 นาที

* สังเกตุได้...โดยแป้งจะขึ้นมาจนเกือบจะติดแร๊พ



ระหว่างที่พักโดว์...เรามาเตรียมเครื่องเคราที่เอาไว้แต่งหน้ากันค่ะ

ส่วนผสม

ไข่ไก่ (ใช้ทั้งฟอง ตีให้แตกเข้ากัน)......... ½ ฟอง ( 26 กรัม)
น้ำตาลทราย...... 2 ช้อนชา
แป้งเค้ก ...... 2 ช้อนชา

วิธีทำ....นำไข่ไก่ ผสมกับน้ำตาล คนให้ละลาย ค่อย ๆ เทแป้งใส่ คนผสมให้แป้งละลาย เข้ากันดี

แป้งโดว์ได้ที่...ก่อนส่งเข้าเตาอบ ก็ทาหน้าด้วยเครื่องเคราแต่งหน้าที่เตรียมไว้หนา ๆ 2 ครั้ง แล้วโรยด้วยอัลมอนด์สไสด์ ให้ทั่ว

* ทาครั้งแรกก่อนให้ครบทุกอัน แล้วค่อยย้อนกลับมาทารอบ 2 เพื่อให้หน้าขนมเป็นมันวาวยิ่งขึ้น



นำเข้าเตาอบ (อย่าลืมอุ่นเตารอท่าเอาไว้ก่อนนะคร้า) ..ที่ต้องเขียนย้ำ เพราะมีปสก. ถูกโวยทางโทรศัพท์ ว่าทำไม? พี่ไม่เขียนให้ละเอียด หรือ บอกนู๋ก่อน เพราะตอนนี้ขนมพร้อมแล้ว แต่เตายังไม่พร้อม เอิ๊ก...อิฉานอึ้งกิมกี่ ควานหายาดมแทบไม่ทัน

เตาอบไฟฟ้า (แบบที่เป็นไมโครเวฟด้วย).... .อุณหภูมิ 200 องศา ใช้เวลาประมาณ 18 – 21 นาที

เตาอบแบบใช้แก๊ส....อุณหภูมิ 190 องศา ใช้เวลาประมาณ 15 – 17 นาที

*สำหรับเวลาในการอบนั้น.....เพื่อน ๆ สังเกตุเตาของที่บ้านกันเองนะค้า ว่าเหมาะที่เวลาขนาดไหน แต่ระหว่างที่เวลายังเหลือ แต่ขนมเริ่มสีหน้าไม่สู้ดี ให้ใช้กระดาษฟอร์ยปิดทับหน้าเอาไว้ด้วย มิฉะนั้น...ขนมปังของท่าน อาจจะเป็น จรกา หรือ ขวานฟ้าหน้าดำก็ได้คร้า

อบสุก หอมกรุ่นจากเตา



ทิ้งไว้ให้คลายความร้อน (จริง ๆ ) โรยหน้าด้วยน้ำตาลไอซิ่งบาง ๆ เพื่อจะได้เข้ากับเทม่าวัน X`mas



* แต่สำหรับตัวเองแล้ว ...ไม่ค่อยชอบที่โรยน้ำตาลไอซิ่งหรอกค้า เพราะมันหวานเพิ่มขึ้น ก็เราหวานอยู่แล้วเนอะ ไม่ต้องเพิ่มความหวานอีก

ผ่าให้ดูเนื้อในกันหน่อยคร้า



ทำใส่ถ้วยเล็ก ๆ เหมาะสำหรับแจก จะได้ไม่เปลือง



* เจ้าพิมพ์กระดาษที่นำมาใช้เนี่ย....ถ้าเราฉีกแกะกระดาษออก รูปมันจะไม่ค่อยสวย เดี๋ยวขนมเราเกิดขายไม่ออกเพราะรูปลักษณ์ เพื่อน ๆ ใช้มีดตัดหั่นแบ่งตามขนาดที่ต้องการเลยจะดีกว่าค่ะ


ขนมปังตัวนี้....เนื้อใน นุ่มนิ่ม ผิวหน้ากรอบนิด ๆ เวลากัด เคี้ยวไปได้ความหอมหวานจาก ลูกเกด ออกเปรี้ยวนิด ๆ หอมหน่อย ๆ ของผิวส้ม รวมแล้ว แหล่มมั๊ก ๆ คร้า


เอิ๊ก....จบเสียที หลังจากหลังขดหลังแข็งมาหลายวัน ขอให้อิ่มอร่อย กันทุกครัวเรือนนะคะ

ลากันที่รูปนี้ ....หลายหลายสไตด์ของ ปาเน็ทโทน (panettone)



***ขอปิดการให้ Comment ในกระทู้นี้ไว้แค่นี้ก่อน***

หากเพื่อน ๆ ท่านใดมีความประสงค์ อยากเพิ่มเติม , ติ ชม หรือมีคำถามใด ๆ กรุณาแวะไปฝากข้อความไว้ได้ที่นี่ค่ะ

♥♥♥ Guestbook .....เล่มที่ 4 ♥♥♥

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียน และขออภัยในความไม่สะดวก ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ





 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2554
5 comments
Last Update : 5 ตุลาคม 2554 6:08:39 น.
Counter : 30561 Pageviews.

 

น่ากินมากค่ะพี่เต่า พี่เต่าค่ะถ้าไม่มีเหล้าส้มใช้เหล้ารัมได้ไหมค่ะ

 

โดย: เตยหอม(ลักษณ์) IP: 49.49.118.56 7 กรกฎาคม 2554 17:27:39 น.  

 

เก็บสูตรไว้แล้วค่าพี่เต่า ขอบคุณมากๆค่ะ

 

โดย: ก้อยกุ้ง IP: 101.108.22.210 7 กรกฎาคม 2554 19:27:09 น.  

 

เตยหอม....ถ้าไม่มีเหล้าส้ม ก็ใช้เหล้ากลิ่นผลไม้อย่างอื่นแทน หรือ ไม่ใส่เลยก็ได้ อย่าใช้เหล้ารัมดีกว่า เพราะกลิ่นของมันแรง จะกลบกลิ่นหอมของผลไม้หมด

ก้อยกุ้ง....รอชมการบ้านจ้า

 

โดย: เต่าญี่ปุ่น IP: 27.86.35.228 7 กรกฎาคม 2554 20:34:16 น.  

 

ขออนุญาติหยิบสูตรปาเนตโทนไปใช้น่ะคะ ขอบคุณค่าาาา

 

โดย: MommyKitchen 9 สิงหาคม 2554 15:14:14 น.  

 

คุณ MommyKitchen....ด้วยความยินดีค้า ทำแล้วอย่าลืมเอามาให้ช่วยชื่นชมด้วยนะคร้า

 

โดย: เต่าญี่ปุ่น 5 ตุลาคม 2554 6:04:47 น.  


Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมนะคะ จุดประสงค์หลักก็คือ... อยากเก็บประสพการณ์ต่าง ๆ ของชีวิตในต่างแดน (ญี่ปุ่น) ซึ่งได้อยู่มาเข้ารอบปีที่ 15 แล้ว เพื่อบันทึกความทรงจำ กันลืม เพราะแกร่แย้วววว ^o^ มีหลายเรื่องที่อยากเขียน....จนตัดใจเลือกไม่ถูกว่าจะเลือกเรื่องไหนเป็นหลัก......"รักพี่เสียดายน้อง" ไหน ๆ ก็ตัดใจเลือกไม่ได้ ก็เขียนมันเสียทุกเรื่องจะดีกว่าเนอะ.... บล๊อคนี้...ก็เลยกลายเป็น " บล๊อคจับฉ่าย " อย่างที่เพื่อน ๆ เห็นละนี้แระคร้า
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.