The Last Temptation of Christ (1988):Martin Scorsese based on list of novel baned books
ถ้าพระเยซูไม่สิ้นพระชมน์บนไม้กางเขนจะเกิดอะไรขึ้น
novel [N] นวนิยาย, See also: นิยาย, หนังสืออ่านเล่น temptation (เทมพฺเท'เชิน) n. การล่อ,การยั่วใจ,การล่อใจ,สิ่งล่อใจ., S. . al adj.
The film opens with a disclaimer stating that the film is "not based on the gospels," but upon the novel by Nikos Kazantzakis (a moot point, since the novel itself is based, however distantly, on the gospels)
The Last Temptation of Christ (or The Last Temptation; Greek: Ο Τελευταίος Πειρασμός, O Teleftaíos Peirasmós) is a novel written by Nikos Kazantzakis, first published in 1951.
The novel has been the subject of a great deal of controversy due to its subject matter, and appears regularly on lists of banned books.
Author Nikos Kazantzakis เขียนเป็ฯภาษากรีก Original title O Teleutaios Peirasmos Translator Peter A. Bien (US) คนแปล
Tomb of N. Kazantzakis in Heraklion. หลุมศพยังมีไม้กางเขน
ชั้นไม่หวังอะไร ชั้นไม่รู้สึกอะไรเลย ชั้นเป็นอิสระ
I hope for nothing. I fear nothing. I am free. inscription on Kazantakis's tomb in Heraklion, Greece
Nikos Kazantzakis (Greek: Νίκος Καζαντζάκης) (February 18, 1883, Heraklion, Crete, Ottoman Empire - October 26, 1957, Freiburg, Germany), author of poems, novels, essays, plays, and travel books, was arguably the most important and most translated Greek writer and philosopher of the 20th century. Yet he did not become truly well known
หนังเรื่องนี้ สร้างจากนิยาย Novel เขียนโดย Nikos Kazantzakis ประมาณว่านิยายเล่มนี้โดนแบน พี่น้องคริสเตียน (ปัจจุบัน คำว่าคริสเตียนใช้กับ คาทอลิกและโปรแตสแตนท์ เป็ฯพี่น้องกัน เรียกรวมแล้ว )
SIX American Filmmakers : Catholic symbolism 1ใน 6 คือ มาร์ติน สกอร์เซซี่ มาร์ติน สกอร์เซซี่ ทำหนังเรื่องนี้ โดน ด่าวิพากษ์วิจารณ์ ยับ
ความเห็นส่วนตัวของเรา มาร์ตินสกอร์เซซี่ เป็นผู้ที่ศรัทธาในคาทอลิก (เคยเรียนบ้านเณร เทววิทยา) อย่างมั่นคง กะเหมือนกะหนามหยอก เอาหนามบ่ง Nikos เขียนนิยายท้าทาย อยากดังช่ายม๊ะ ชั้นนี้แหละ คริสแท้ๆๆ จับมาสร้างหนังซ๊ะเลย โดยไม่สั่นคลอนความเชื่อของ มาร์ติน สกอร์เซซี่ เอง
กะดูเอาแล้วกัน เขียนนิยาย สั่นคลอนความเชื่อชาวบ้านเค้า ผู้ที่ไม่สั่นคลอนในความเชื่อ เอามาทำหนังซะเอง ถ้าผู้ศรัทธาในความเชื่ออื่นเอามาทำ ยิ่ง เพิ่มความดัง ให้กะ นิยายเรื่องนี้ กะไม่ต่างอะไรกะ ดาร์วินชีโคต สร้างความดังของคนเขียนนิยาย
มาร์ติน สกอร์เซซี่ เป็น คาทอลิกที่มีใจศรัทธาอย่างสูงส่ง ปัจจุบันเค้าทำงานให้กับ quickly becoming obsessed with the cinema, in particular the work of Michael Powell. Raised in a devoutly Catholic environment,
ในตอนหนุ่มๆๆเค้าเคยเรียนบ้านเณรเพื่อที่จะบวชเป็นบาทหลวงคุณพ่อ แต่เค้าก็มาเรียนด้านภาพยนต์ และเค้าก็มีความเชื่อในพระเป็นเจ้าอย่างมั่นคง he initially studied to become a priest. Ultimately, however, Scorsese opted out of the clergy to enroll in film school at New York University,
หนังสื่อประเด็นในแง่ของ พระเยซูเจ้า เป็นบุตรของพระเจ้า และมารับสภาวะ มนุษย์ บนโลก ใช่ ในความเป็นมนุษย์ของพระองค์ Human being มนุษย์ ทุกคน มีความกลัว มีความรัก มีความโกรธ มีความหลง หนังสื่อประเด็นตรงนี้อะ
หนังกะเล่าไป เรื่องราวของพระองค์ พอมาถึงฉากที่พระองค์ สิ้นพระชมน์บนไม้กางเขน เอาซะแล้ววววววววว อย่าใช้คำว่าบิดเบือนลย ขอใช้คำว่า นิยายของ Nikos เล่าว่า พระองค์ กำลังจะสิ้นพระชมน์อยู่นั้น
ปรากฎว่ามีทูตสวรรค์มาบอกว่า พระบิดาใจดี พระเยซูเจ็บทรมารมามากแล้ว ให้พระองค์สิ้นสุดแค่นี้ ไม่ต้องตายบนไม้กางเขน และทูตสวรรค์ น้อยๆๆกะพาพระองค์ไปบนโลก และให้เยซู แต่งงานกะแมรี่แมกดารีน่า ต่อมา
แมรี่แมกดารีน่าท้องแก่ตาย ทูตสวรรค์กะบอกว่า แม่รี่ ไม่ได้มีคนเดียว มีหน้าต่างของแมรี่อีก กะพาไปหาแมรี่น้อง มาร์ธา กะแต่งงานกันอีก มีลูก และแมรี่ไม่อยู่ เยซูกะได้ มาร์ธา อีก คราวนี้ลูกเป็นขโยง เลย
เยซู ได้เห็น นักบุณเปาโล ประกาศข่าวดี เล่าเรื่องที่ นักบุญเปาโล ตกม้า และได้เจอพระเยซูเจ้า และบอกนักบุญเปาโลว่า " เซาโล เจ้ามาเบียดเบียนเราทำไม" ทำให้นักบุญเปาโลกลับใจ และ
เยซูบอกว่า มันไม่ใช่ เราอยู่ที่นี้แล้ว ไม่เป็นจริง อยู่ที่นี้ เรื่องโกหก ข้าลูกโยเซฟ ช่างไม้ และมารีย์ ข้าถูกตรึงกางเขนและพระเจ้าช่วยข้าไว้ บัดนี้ข้าทำมาหากิน มีลูกมีเต้า ข้ามีความสุขกะชีวิต เข้าใจมั๊ย
นักบุญเปาโลบอกว่า ท่านเห็นคนเหล่านี้มั๊ย เค้ารอพระเยซูเจ้าฟื้นจากความตาย ข้าไม่สนว่าท่านเป็นเยซูหรือไม่ พระเยซูเจ้าฟื้นจากความตาย เพื่อไถ่บาปของโลกต่างหากนั่นคือส่วนสำคัญ
ต่อมา เยซูกะชราภาพและ นอนอยู่ในบ้าน (เตรียมตัวตายอะ) นักบุณเปรโตร นักบุญยอร์น และยูดาสก็มาหา ยูดาสในนิยายเรื่องนี้ไม่ตายแฮะ บอกกะเยซูว่า ท่านทำอะไร มีลูกๆๆ ท่านไม่ยอมตายบนไม้กางเขน ยูดาส: สิ่งดีสำหรับมนุษย์หรือสิ่งดีสำหรับพระเจ้า เขาควรที่จะเป็นพันธสัญญาใหม่ บัดนี้ไม่มีอิสราเอลแล้ว
เยซูกกะบอกว่า คนที่ช่วยเค้าไว้ คือ ทูตสวรรค์ และยูดาสกะบอกว่า ทูตสวรรค์ที่แท้จริง กะคือ พญามารนั้นเอง จากทูตสวรรค์ เด็กที่น่ารัก กลายเป็นประกายไฟที่ลุกโชติช่วง
และเยซูกะสำนึกผิดขออภัยบาปจากพระเป็นเจ้า แฮะ มีย้อนเวลาเป็น ไทม์มิชชีน พระเยซูกลับมาโดนตรึงที่กางเขนอีกครั้ง พร้อมที่จะตาย และฟื้นคืนชีพในวันที่สาม
หนังดูเอาสนุกอะ
Source : //209.85.165.104/search?q=cache:q3b-FletfwoJ:en.wikipedia.org/wiki/The_Last_Temptation_of_Christ_(film)+The+last+temptation+of+christ&hl=th&ct=clnk&cd=3&gl=th
//209.85.165.104/search?q=cache:QnuL8G74ZnUJ:www.rjgeib.com/thoughts/christ/christ.html+The+last+temptation+of+christ&hl=th&ct=clnk&cd=10&gl=th
//www.decentfilms.com/sections/articles/lasttemptation.html
//en.wikipedia.org/wiki/Nikos_Kazantzakis
//www.scorsesefilms.com/lasttemptation.htm
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 10 มกราคม 2551 18:37:29 น. |
|
30 comments
|
Counter : 13486 Pageviews. |
|
|
|
ในหนังเรื่องนี้มีฉากที่ผมชอบที่สุดคือตอนที่พระองค์เข้าไปรื้อตลาดที่ขายกันในวิหารอย่างเปิดเผย รวมทั้งด่าเรื่องการแลกเงินด้วย
พูดง่ายๆคือพระเยซูเกิดท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองเพราะยิวคือเมืองขึ้นของชาวโรมัน
การประกาศตัวว่าเป็นบุตรของพระเจ้า ประกาศไถ่บาปมวลมนุษย์ แสดงฝีมือรักษาผู้คน สั่งสอนให้มนุษย์รักกัน ประนามพวกพระยิวว่าเป็นพวกหากินกับศาสนา ทำอย่างนี้ก็เท่ากับไปทุบหม้อข้าวของพวกพระยิวเลยถูกเขม่นอย่างหนัก
กลุ่มยิวหัวการเมืองก็หวังอาศัยพระเยซูปลุกเร้าชาวบ้านให้จับอาวุธต่อสู้ปลดแอกกรุงโรม ซึ่งก็คงหวังพระเยซูมาช่วยสร้างกระแสปลุกระดมมวลชน แต่พอขัดผลประโยชน์หนักเข้าก็ทิ้งไปดื้อๆ
แต่ก็ทำให้ท่านเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลกนี้ที่ผมนับถือมากที่สุด
สกอร์เซอร์ซี่เคยพูดคำคมไว้ว่า "ถึงคุณไม่เชื่อพระองค์ แต่ก็อดคิดถึงพระองค์ไม่ได้หรอก โดยเฉพาะตอนขึ้นเครื่องบินน่ะ"
เม้นต์ยาวหน่อยนะแบร์ เพราะเราชอบหนังเรื่องนี้มากเลยล่ะ