วิกฤตซัปพรามในสหรัฐอเมริกา ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ
ตลาดหุ้นตกลงเกือบ 50% ประเทศไทยตกมากกว่า เมื่อกลางปี พ.ศ. 2551
Set index อยู่ที่ 900 จุด วันนี้ 30 ตุลาคม 2551 อยู่ต่ำกว่า 400 จุด
แล้วใครคาดว่ามันจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ได้ถึงขนาดนี้

“เงินมันหายไปไหน” หลังตลาดหุ้นโลกถล่ม !
หลายคนอาจจสงสัยว่าวิกฤตการเงินของสหรัฐที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไปทั่วโลก
จนทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มจากนิวร์ยอค ลอนดอน โตเกียว ออสเตเลีย เกาหลี สิงห์โปร์
หุ้นตกชนิดถล่มทลาย ดัชนีหายไประหว่าง 50 – 70% มูลค่าหายวับไป
หลายล้านล้านดอลลาร์ เงินเหล่านี้แท้จริงหายไปไหน ซึ่งคำตอบจากนักวิเคราะห์ก็คือว่า
เงินเหล่านี้ “ไม่ได้หายไปไหน”

โรเบิร์ต ชิลเลิอร์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมิริกา
และ จอห์น สโลมอน มหาวิทยาลัย บริสตอล บอกว่าตลาดหุ้นเพียงแต่ประสบปัญหา
“ขาดทุนทางตัวเลข” หรือ paper loss เท่านั้น ไม่ได้เป็นการหายไปของเงินสด
ดังนั้นเมื่อเราพูดว่าเงินหายไปไหน หรือสิ่งที่หายไปนั้นที่แท้จริงที่หายไปคือ “มูลค่า” ไม่ใช่ “เงิน”
ดังนั้นเมื่อคนพูดว่าเงินหายไปล้านล้านดอลลาร์นั้นเป็นการใช้คำพูดที่ผิด

ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้บอกว่า “มูลค่า” ที่ว่านี้ก็คือราคาที่คนเราพร้อมจะจ่ายในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
เช่น สมมุติว่าวันนี้เราให้บริษัทอสังหามาประเมินค่าของบ้านที่เราอยู่ว่ามีราคาเท่าใดถ้าจะขายออกไป
ซึ่งบริษัทนี้อาจประเมินไว้ที่ราคาหนึ่ง ต่อมาอีกวันหนึ่ง เราขอให้อีกบริษัทมาประเมินแล้วบริษัทนี้ประเมิน
ราคาบ้านของเราต่ำลง 10% กรณีนี้ตราบใดที่เราไม่ได้ขายข้านออกไป ก็ยังไม่ถือว่าขาดทุน ดังนั้น
ทางที่เป็นนจริงเราไม่ได้สูญเสียเงินเลย รอไปอีกสองปี เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น เราถีงจะมาขายบ้านอาจมี
ราคามากว่าราคาประเมิน ถึง 30-40%

เก็บหุ้นไว้อีกสองปีนะครับ (ต.ค. ๒๕๕๑)