|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
แสงฉานในม่านเมฆ : ดวงตะวัน
นี่เป็นนิยายของดวงตะวันที่ชอบมากๆในรอบหลายๆปีนี้เลยค่ะ
แต่ในความชอบ ก็มีบางอารมณ์ที่รู้สึกติดใจ แต่คิดว่าคุณดวงตะวันตอบเคลียร์อยู่ และคาดว่า คำตอบที่เราสงสัย น่าจะมาในบทสุดท้ายของเรื่องนั่นแหละ
แสงฉานในม่านเมฆ เป็นเรื่องราวของโคแก่กับหญ้าอ่อน ในยุคที่ผู้หญิงวัยสามสิบแต่เป็นโสดมีมากมาย เฌอปราง นางเอกของเรื่องก็ไม่ต่างกัน แม้วัยของเธอจะเกินสามสิบไปมากโข แต่เธอก็เหมือนผู้หญิงโสดสมัยนี้นั่นคือ มีความเก่ง ทรนงในตัวเอง เธอตัดสินใจบอกลาแฟนหนุ่มได้ง่ายๆเพียงเพราะว่าเขานิสัยเหมือนเด็กๆ แต่เธอไม่รู้หรอกว่า เมื่อถึงวันหนึ่งที่เธอจะต้องมาตกหลุมรักเด็กจริงๆ วันนั้น ชีวิตของเธอก็เจอปัญหาหนักหน่วงแบบที่หญิงเก่งอย่างเธอ รับมือไว้ไม่ทัน
จะว่าไป นี่เป็นนิยายเข้าสมัยเลยนะ ประเภทนางเอกแสนเก่ง มาหลงรักกับผู้ชายเด็กกว่า เราจำไม่ได้แล้วว่า พวกเขาแก่อ่อนกันเท่าไร แต่ว่า สิ่งหนึ่งที่นิยายเรื่องนี้ต่างจากแนวเดียวกันในเล่มอื่นๆก็คือ บุคลิก นิสัย ของตัวพระนาง รวมถึงเหตุการณ์รองๆ ที่ให้เขาทั้งคู่ต้องเผชิญ
ในสายตาเรา เฌอปรางก็คือผู้หญิงเก่งสมัยนี้แหละ เธออาจจะโหยหาความรัก การดูแลเอาใจใส่อยู่ลึกๆ แต่ว่าสิ่งที่แสดงออกมาคือความเก่ง การดูแลตัวเองได้ ความแข็งกร้าวแบบอ่อนหวาน เฌอปรางไม่ใช่คนหน้าตาขี้ริ้ว เธอเป็นคนสวยเลือกได้ ญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยบอกว่า ผู้หญิงสมัยนี้ ถ้าเค้าเก่งและดูแลตัวเองได้ เค้าก็ไม่ต้องการใคร เราว่าเฌอปรางก็ประมาณนั้นเลย แต่พอเจอกับครูดรณ์ เธอก็ไม่เคยพบคนแบบนี้ไง เขาเด็กกว่าเธอ ซึ่งจะว่าไป มันก็ใช้ในคำพูดเดียวกันกับตอนเธอบอกเลิกแฟนได้เลยว่าเขาเด็กไป แต่ครูดรณ์ น่าจะเป็นคนแบบที่เฌอปรางไม่เคยเจอ และพอเจอ มันก็กลายเป็นความประทับใจที่ยากจะลืมเลือน
ครูดรณ์พระเอกของเรื่องก็อายุประมาณเราเลย ซึ่งก็มีความคิดแบบเด็กวัยรุ่น ผู้กำลังเริ่มสร้างตัวเอง จากคนไม่มีอะไร ครูดรณ์ มีความสุขกับการทำงานเก็บเงิน ใช้ชีวิตในเมืองหลวง เหมือนจะสุข แต่พอเจอเฌอปราง เค้าเลยได้รู้ว่า ที่สุขยิ่งกว่ามันเป็นยังไง ดวงตะวันใช้การบรรยายเรื่องความรู้สึกทางความรักและการตัดสินใจของเฌอปราง ผ่านคำพูดที่เกี่ยวกับโยคะ (กิจกรรมที่ทำให้ทั้งคู่ได้เจอกัน) ซึ่งอ่านแล้ว ในฐานนะคนที่เคยแอนตี้โยคะ คิดว่าไม่สนุก แต่พอลองเล่นแล้วตกหลุมรักอย่างเรา ขอบอกว่า ... ตีโจทย์แตกมากค่ะ
โยคะ ไม่ใช่การออกกำลังกาบแบบรีบร้่อน โยคะ คือการออกกำลังกายแบบที่ต้องอาศัยระยะเวลา แม้แต่การหายใจ เรายังต้องมีจังหวะเลย ทำไม่ได้ อย่าฝืน แต่ให้ทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วสักวันหนึ่ง คุณก็จะทำได้เอง ไม่รู้ดิ เราว่าดวงตะวันตีโจทย์โยคะกับความรักแตกมากๆ (หรือเป็นสิ่งที่เราคิดเองก็ไม่รู้ ฮ่า) อย่างเรื่องหายใจ ใช่ค่ะ ตอนแรกที่เราเรียน ครูก็พยายามจะให้เราหายใจเป็นจังหวะเดียวกับครู บางท่า ครูอิชั้นหายใจเข้าออกแค่สามครั้ง ลูกศิษย์หายใจตามไม่ทัน ... แต่พอถึงวันหนึ่ง เราก็จะจับจังหวะหายใจของตัวเราเองได้ เราก็จะเรียนรู้ว่า ร่างกายของเรา เหมาะสมกับจังหวะแบบไหน
เหมือนที่เฌอปรางเรียนรู้ว่า ... ความรักของเธอ ไม่จำเป็นต้องใช้จังหวะของหัวใจจังหวะเดียวกับในความคิดของคนอื่นอย่างแม่ หรือน้องสาวของเธอ เธอมีจังหวะของตัวเธอเอง และเป็นจังหวะที่ทำให้เธอเป็นสุข มากกว่าที่เคยเป็นมา
การรีบเร่งในโยคะก็เหมือนกัน มันไม่ต้องรีบ ทำแค่ไหนได้แค่นั้น รู้สึกเจ็บก็หยุด ครูดรณ์จะเป็นพวกช่วยขยันช่วยจับ ในขณะที่ครูอีกคน จะไม่ค่อยจับ หรือกด แต่จะปล่อยให้ทำเอง แก้ๆให้เวลาท่าผิด ... อันนี้เราว่าดวงตะวันตีโจทย์ โยคะ-ความรักในหนังสืออกมาได้ชัดเจนเลยค่ะ เราอ่านแล้วตบเข่าฉาด นึกถึงตัวเองในคลาสเรียนเลย ใช่สิ มันต้องอย่างนี้ !!!
...
ตรงนี้จะสปอยล์แล้วนะคะ ...
ที่บอกว่าตะงิดใจ ก็คงเป็นการคลี่คลายปม คือแน่นอน ความรักระหว่างครูดรณ์กับเฌอปรางมันหนักหนาสาหัสในสายตาคนอื่นๆมาก แต่พอบทจะคลี่คลาย มันเหมือนกับว่า อ่าว แค่อีกคนนึงเป็นผู้ร้าย มีเรื่องให้เม้าท์ นินทาได้มากกว่าในที่ทำงาน เรื่องรักของสองคนนี้ก็จะลืมเลือนไปกับสายลมได้ง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ
แต่มานั่งจับประโยคดีๆ นางเอกของเรื่องชีไม่สนแล้วค่ะ ว่าใครจะมองว่ายังไง หลังจากผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมา ชีก็รู้สึกว่า มีชีวิตอยู่กับคนที่เธอรักนั้นมันดีกว่า แค่สองคน เธอก็พอใจแล้ว
เราเลยมองกลับมาว่า อ่าว แล้วถ้าเกิดผู้ชายคนนั้นไม่ได้เป็นคนร้ายล่ะ ผู้ชายคนนั้นก็ดีนะ เค้ารักครอบครัวจะตาย ถ้าเกิดคาแรกเตอร์ของเค้าบิดไปล่ะ เป็น ผู้ชายที่รักเฌอปรางจริงๆ เข้ามาอย่างหวังดีจริงๆ ไม่มีนอกมีใน เข้ามาอย่างคนที่พร้อมจะใช้ชีวิตคู่กับเธอจริงๆ เฌอปราง จะทำยังไง ... ก็แค่คิด เพราะบทสรุปตอนท้ายก็มีเหมือนเดิม ในประโยคที่เฌอปรางพูด
เธอเลือกแล้วที่จะเป็นแบบนี้ เธอไม่แคร์สายตาคนอื่นแล้ว เพราะต่อให้ในม่านเมฆมันจะโหดร้ายแค่ไหน แต่ครูดรณ์ ก็เปรียบเป็นดั่งแสงตะวันที่ฉายส่องลงมาให้ความอบอุ่นแก่เธออยู่ดี
...
เป็นครั้งแรกๆเลยนะคะ ที่อ่านแล้วจิ้นตัวละครได้น่ะ
เคยอ่านกระทู้ แล้วเค้าบอกนึกถึง แอน ทองประสม
อ่านแล้วก็ เออ เข้าเค้าอยู่นะ พอเป็นได้ ส่วนฝ่ายชาย เรานึกถึง เคน ภูภูมิเลยล่ะ เพราะว่าหุ่นบึ้กๆ เหมาะแก่การเป็นครูสอนฟิตเนสอยู่ แถมเคนก็มีลักษณะความเป็นเด็กในตัวสูง เหมือนจะซื่อๆแบบที่ครูดรณ์เป็นเลย
ว่าแต่ ทำไมตอนเราเรียนโยคะ ในคลาส ไม่มีครูหล่อๆแบบนี้บ้างว้าาาาาา
ถ้ามี คงเขินตาย จากจังหวะการหายใจแบบเนิบนาบเชื่องช้า หายใจเข้าท้องแฟบ หายใจออกท้องป่อง อิชั้นคงหายใจเป็นจังหวะแทงโก้เข้ากับการเต้นของหัวใจเข้าทันที
ฮ่าๆ
(เขียนยาวจัง เขิน)
Create Date : 05 มีนาคม 2555 |
|
7 comments |
Last Update : 5 มีนาคม 2555 20:26:18 น. |
Counter : 2335 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: มอมแมม IP: 133.141.67.229, 133.141.67.225, 203.144.204.156 30 พฤษภาคม 2555 10:50:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: rainoflove (rainoflove ) 22 กันยายน 2555 16:29:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: rainoflove (rainoflove ) 22 กันยายน 2555 16:31:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
เป็นผู้หญิง (แหงดิ) ที่มีความฝันมากมาย แต่ไม่เคยไขว่คว้ามันมา จนถึงวันนี้ ชีวิตก้าวขึ้นเลข 2 รู้ตัวแล้วว่าเวลาไม่คอยท่า เธอเลยคิดได้ว่า ถึงเวลาไล่คว้าความฝันแล้ว
คิดและกำลังลงมือทำ ...
หวังว่าวันแห่งความสำเร็จ คงจะมาในไม่ช้า
|
|
|
|
|
|
|