Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 กรกฏาคม 2559
 
All Blogs
 

วสันตดิลกฉันท์ 14

วสันตดิลกฉันท์ 14 เป็นฉันท์ที่ออกแบบฉันทลักษณ์มาได้ลงตัวที่สุดในความเห็นของ จขบ. ทั้งจังหวะ ทั้งจำนวนคำ ทั้งตำแหน่งครุ ลหุ

ฉันท์ที่ออกแบบฉันทลักษณ์ได้ค่อนข้างดีมีอีกไม่มากนัก และเป็นฉันท์ที่ จขบ. เลือกใช้เขียนมหาภารตะยุทธทั้งสิ้น

สัทธราฉันท์ 21
อีทิสังฉันท์ 20
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ 19
มาลินีฉันท์ 15
ภุชงคปยาตฉันท์ 12
โตฎกฉันท์ 12
กมลฉันท์ 12
วังสัฏฐฉันท์ 12
อินทรวิเชียรฉันท์ 11
อุเปนทรวิเชียรฉันท์ 11
สาลินีฉันท์ 11
อุปัฏฐิตาฉันท์ 11
วิชชุมมาลาฉันท์ 8 (ที่มีแต่คำครุ ล้วนๆ)
มาณวกฉันท์ 8


ฉันทลักษณ์ของ วสันตดิลกฉันท์ 14
00101110 - - - 110102
00101112 - - - 110103 .. บท1

00101110 - - - 110103
00101113 - - - 110104 .. บท2

1=ลหุ
นอกนั้น ครุ
เลขเดียวกัน = สัมผัสสระ


จะเห็นได้ว่า
วรรคหน้าคล้ายกับอินทรวิเชียรฉันท์ เพียงแต่เพิ่ม ลหุ3ตัว แทรกก่อน ครุตัวหลัง
วรรคหลังเหมือนกันทุกประการ

ยกตัวอย่างบทเก่งของสองท่าน มาวางให้ดู

อิลราชคำฉันท์
ท่านผัน สาลักษณ์

๏ เรืองรองพระมณฑิรพิจิตร - - - กลพิศพิมานบน
ก่องแก้วและกาญจนระคน - - - รุจิเรขอลงกรณ์
๏ ช่อฟ้าก็เฟื้อยกลจะฟัด - - - ดลฟากทิฆัมพร
บราลีพิไลยพิศบวร - - - นพศูลสล้างลอย
๏ เชิงบัทม์พระบัญชรเขบ็จ - - - มุขเด็จก็พราวพลอย
เพดานก็ดารกพะพรอย - - - พิศเพียงนภาพลาม
๏ สิงหาศน์จรูญจตุรมุข - - - บมิแผกพิมานงาม
พื้นภาพอำพนพิพิธตาม - - - ตละเนื่องพะนังนอง
๏ ภาพครุฑก็ยุดอุรคแผ่ - - - กรเพียงจะผาดผยอง
เทพนมขนัดกษณมอง - - - มรุเทพทิพาลัย
๏ เบื้องบรรจถรณทิพอาส- - - - นก็เอี่ยมอุไรไพ-
จิตรลายจำหลักฉลุพิไล- - - - ยพิลาสลดามาลย์
๏ ชั้นฉัตรสกาวทุกุลพัสตร์ - - - รุจิรัตน์อลังการ
เขนยขนนระคนบุษปปาน - - - รสทิพประเทืองใจ
๏ เนืองแน่นอนงค์นิกรนาฎ - - - ทนุบาทบำเรอไท
เฉิดโฉมประโลมกมลใคร - - - ยลพิศก็พิศวง
๏ แน่งนางประหนึ่งวรสุราง - - - คสอางสอาดองค์
ร่ายเรียงบำเรออมรทรง - - - สุรภพพิมานเมือง
๏ ราชูประโภคปริโภ - - - คพิพัฒนะนองเนือง
สมบัติสมบุรณเรือง - - - วรราชภิรมย์ชมฯ
.
.
.
สามัคคีเภทคำฉันท์
ชิต บุรทัต

๏ อำพลพระมนทิรพระราช - - - สุนิวาสน์วโรฬาร์
อัพภันตรไพจิตรและพา- - - - หิรภาคก็พึงชม
๏ เล่ห์เลื่อนชะลอดุสิตฐา- - - - นมหาพิมานรมย์
มารังสฤษฏ์พิศนิยม - - - ผิจะเทียบก็เทียมทัน
๏ สามยอดตลอดระยะระยับ - - - วะวะวับสลับพรรณ
ช่อฟ้าตระการกลจะหยัน - - - จะเยาะยั่วทิฆัมพร
๏ บราลีพิลาสศุภจรูญ - - - นภศูลประภัสสร
หางหงส์ผจงพิจิตรงอน - - - ดุจกวักนภาลัย
๏ รอบด้านตระหง่านจัตุรมุข - - - พิศสุกอร่ามใส
กาญจน์แกมมณีกนกไพ- - - - ฑุรย์พร่างพะแพรวพราย
๏ บานบัฏพระบัญชรสลัก - - - ฉลุลักษณ์เฉลาลาย
เพดานก็ดารกะประกาย - - - ระกะดาษประดิษฐ์ดี
๏ เพ่งภาพตลอดตะละผนัง - - - ก็มลังเมลืองศรี
มองเห็นสิเด่นประดุจมี - - - ชิวแม่นกมลครอง ฯ
.
.
.
ข้อสังเกตุในบทที่ยกมา ..
1.คำท้ายวรรคที่อยู่ในรูปวรรณยุกต์มีแค่วรรคเดียว คือ .. ภาพครุฑก็ยุดอุรค"แผ่"
2.เสียงท้ายวรรค 2 ลงเสียงจัตวาประปรายแต่น้อยกว่าเสียงสามัญมาก
3.คำที่ 3 ของวรรค 2 ไม่สัมผัสสระกับคำท้ายวรรค 1 ทุกวรรคแต่อย่างใด

เพราะนั่นคือ ข้อนิยม ที่ไม่ใช่ ข้อบังคับ


.
.
.
การใช้ 2ลหุ+คำครึ่ง ปิดท้ายวรรคหน้าจะงามที่สุดในการอ่าน เพราะเป็นลหุ ธรรมชาติ ที่ให้เสียงเบา

คำครึ่ง คือ อย่างไร ?
คือคำคู่ที่มี ลหุนำครุ .. คำลักษณะนี้จะให้เสียงลหุตัวหน้าแค่ครึ่งเสียงและจะให้จังหวะลงตัวที่สุด .. เช่น ..

พิจิตร
ประกาศ
สมัย
สมาน

2ลหุ ที่นำหน้าหากเป็นการปลดปล่อยตัวการัตน์ออกจะดีที่สุด
เช่น
ถวัลย .. อ่าน - ถะ-หวัน-ละ-ยะ
วิจารณ .. อ่าน - วิ-จา-ระ-นะ
มณเฑียร .. ลดรูปเป็น - มณฑิระ .. อ่าน - มน-ทิ-ระ
พิบูลย .. อ่าน พิ-บูน-ละ-ยะ

เรืองรองพระมณ(ฑิรพิจิตร) - - - กลพิศพิมานบน
ในวงเล็บคือ 2ลหุ+คำครึ่ง

๏ เชิงบัทม์พระบัญ(ชรเขบ็จ) - - - มุขเด็จก็พราวพลอย
อีกตัวอย่าง

ส่วนการใช้ 3ลหุ+1ครุ ตรงท้ายวรรคหน้าจะทำให้การอ่านสะดุด ไม่ลื่นไหลไพเราะเท่าที่ควร .. ดงตัวอย่าง
๏ มากมวญอมาตย์(นิกรเส) - - - วกราชกำลังหาญ
๏ ผาสุกสนุก(นครขัน) - - - ธสิมาสุมณฑล
๏ แซ่ศัพท์ผสาน(ดุริยสัง) - - - คิตพาทยเภรี


บทเอกที่ยกมา เข้าใจว่าเอามาลงในหลักสูตรการเรียนของนักเรียนด้วย หากจำไม่ผิด เลยเข้าใจกันว่า วสันตดิลกฉันท์ นิยมใช้พรรณาความงดงามของสถานที่ หรือ ธรรมชาติ

ส่วนฉันท์สัททุล ฯ นิยมเขียน ปณามคาถา ประมาณบทไหว้ครู

ซึ่งไม่จริง ..
ฉันท์อะไร จะเขียนเนื้อหาอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ..

ตัวอย่างเช่น อัสนี พลจันทร์ หรือนายผี เอาฉันท์สัททุลฯ มาเขียน "ชะนะแล้วแม่จ๋า" วรรณกรรมการต่อสู้ทางชนชั้น ซึ่งเป็นประเด็นการเมืองได้อย่างมีพลัง เป็นต้น

==================================

ชะนะแล้วแม่จ๋า
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙

อ้าราตรีขณะนี้ มิมี สิ นะสำเนียง
แสนเงียบ บ่ งึมเสียง - - - สงัด

อ้าราตรีขณะนี้ สิ พฤกษะ บ่ สบัด-
ใบ ลม บ่โลมพัด - - - และพาน

อ้าราตรีขณะนี้พิกล กล(ะ)พิการ
ดาวเดือนบันดาล หาย - - - ฤเห็น ... ใช้ 'บัน' เป็นลหุ

เห็นแต่แสง นยนา อนาถ(ะ)และลำเค็ญ
คราวปริบ กระพริบเป็น - - - ประกาย

มีแต่แม่ แลมามอง ตระกอง ก-ร(ะ) บ่ คลาย
เคลื่อนบุตรอันสุดสาย - - - สวาท ... ใช้ 'อัน' เป็นลหุ

ยินแต่บุตรอันคราง ระคาง กล(ะ)จะขาด
ใจหวาด ผวาวาบ - - - วะหวำ

อ้ออ้อ ลมยังระรวยระทวย บ่รู้จะทำ ... ใช้ 'รู้' เป็นลหุ
ท่าไรตะลึงคลำ - - - บ่คลา

หาหา ยาจะมายา แลยาก็บ่มียา ... ใช้ 'มี' เป็นลหุ
ไยหาบ่ซื้อหา - - - ฤๅเห็น

อ้ออ้อ หมอ ก็บ่มีและนี่ใครนะจะเอ็น- ... ใช้ 'ใคร' เป็นลหุ
ดู เอื้ออำนวยเป็น - - - ประโยชน์

ค่ายาแม่ก็บ่มีและนี่ใครนะจะโปรด .. ใช้ 'ใคร' เป็นลหุ
ลูกแม่ให้ปราโมทย์ - - - ฤมี .. ใช้ 'ให้' เป็นลหุ

คลำใต้เสื่อ บ่มิสบ ก็ทบ ทุข(ะ)ทวี
อกเต้นดั่งตี ปลา - - - ในแปลง .. ใช้ 'ดั่ง'และ'ใน' เป็นลหุ (เสียงเบา เสียงเอกซึ่งเบาที่สุด)

(อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/180032)

=================================

จะเห็นได้ว่า นายผีเลือกใช้คำเสียงยาวบางตัวเป็น ลหุ คือสระเสียงยาวที่ไม่มีตัวสะกด
รวมทั้งตัวสะกดแม่ กน กง ซึ่งให้เสียงเบา .. พูดได้ว่ายังมีกลิ่นอายของฉันท์โบราณอยู่พอสมควรในกวีชิ้นนี้

ยกสัททุลฯ มาพูดเพราะเป็นฉันท์ใหญ่ที่มีเสียงท้ายวรรค 1 เหมือนวสันตดิลก ทุกประการ
.
.
.
คำสัมผัสลหุ ..
อันนี้เป็นคำแนะนำของ "ครูไหวใจร้าย" หรือ "คุรุทาส" ที่คุ้นเคยกันให้ลองเล่นดู เป็นเหมือนสิ่งประดับที่ไม่จำเป็นแต่ให้ความงดงามเชิงวรรณศิลป์ได้ดีทีเดียว

สัมผัสลหุ เป็นอย่างไร ?

เป็นการสัมผัสสระ ของคำลหุที่ติดกันที่ท้ายวรรค1 .. และท้ายวรรค3 ..
เป็นลหุตัวที่ 2 กับตัวที่ 3 สัมผัสสระกันสำหรับ วสันตดิลก และ สัททุลฯ เช่น

ฤ(ตุอุ)ดม
สิ(ริพิ)ลาส
ยุ(ติวิ)วาท
ยุ(คะส)มัย
อุ(ระระ)ส่ำ
เฉ(พาะเจาะ)จง
พิ(เคราะห์เหมาะ)ความ
.
.
.
การเขียนฉันท์จะยากหรือง่ายขึ้นอยู่กับพื้นหลังของคนเขียนเป็นสำคัญ
คนชอบอ่านหนังสือ ที่อ่านมามาก กว้างขวาง หลากหลายด้าน รวมทั้ง ..
.. บทความเชิงวิชาการ
.. บทวิเคราะห์ลักษณะแบบเดียวกับบทบรรณธิการของสำนักพิมพ์

ย่อมได้เปรียบตรงที่จะรู้ภาษาทางรัฐศาสตร์ การทูต บริหาร มากหน่อย และหยิบจับมาใช้งานได้สะดวก
.
.
.
ตบท้ายด้วยงานเก่าๆสักบท ..
แยกคำอ่านให้อ่านง่ายสำหรับมือใหม่ -
จะเอาไงอีก !
.
.
.







เพลง .. ลาวเจริญศรี
กอไผ่



วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

O ศัพท์แสงแสดง-ทิ-ฐิ-วิ-กฤต
ระ-บุ-มิจฉะมากมาย
ลูบคลำพระธรร-มะ-อ-ภิ-ปราย-
ระ-บุ-คล้ายจะเคยเห็น

O กาลามะสู-ต-ระ-ประ-การ
พระ-ประ-ทานเสมอเป็น -
หลักยึดประพฤติ-ท-ศะ-ประ-เด็น
ฤ-จะ-เร้นจะเลือนสูญ

O เขาว่า .. เพาะสา-ว-กะ-ส-ภาพ
ประ-ลุ-คาบทวีคูณ
เหนี่ยวรั้งพลัง-ฐิ-ติ-วิ-ทูร
ก-ละ-กูณฑะมอดเชื้อ

O เกรงว่าจะหา-ย-นะ-พระ-ศาสน์
เพราะ-ประ-ภาษะคลุมเครือ
ลุ่มหลงพะวง-ภ-พะ-อะ-เคื้อ
อรร-ถะ-เพรื่อสิพร่ำเผย

O ไพศาลประการ-อ-ริ-ยะ-วาท
จะ-ป-ลาตะล่วงเลย
เกรงเขลาคละเคล้า-บ-ทะ-เฉลย
น-ยะ-เปรยจะปลอมปน

O ยากเย็นประเด็น-อ-ริ-ยะ-สัจจ์
ภ-วะ-วัฏฏะเวียนวน
เสกสรรคะคัน-ถะ-อ-นุ-สน-
ธิ-วิ-กลวิการเขียน

O กำจายสยายอุ-บั-ติ-จิต
ระ-บุ-ทิศะดุจเธียร
รอบกรรมะนำ-ภ-วะ-เสถียร
นิ-ระ-เปลี่ยนกระทั่งปลาย

O เห็นไกลกระไร-นั-ย-นะ-ทิพย์
กระ-แดะ-หยิบมุบรรยาย
เกรงว่าจะพา-ข-ยะ-ข-จาย
มรร-คะ-ปลายจะเปล่าเปลือง

O เหตุต้น .. เพาะผล-กรร-มะ-กระ-ทบ
ด-ละ-ภพะรองเรือง
สัมผัสกระหวัด-ร-สะ-เมลือง
ทะ-นุ-เนื่องเขษมสันต์

O การณ์เหตุและเจ-ต-นะ-ผ-จง
อุ-ป-สงคะร่วมกัน
ก่อกรรมะนำ-ทุ-ก-ระ-ทัณ-
ฑะ-ผ-ชันเผชิญชนม์

O กรรมเหตุและเด-ชะ-จะ-ส-ลาย
ก็-เพราะ-คลายระดับ..ตน..
รู้วัตรขจัด-อ-ดุ-ระ-ผล
ละ-ก-มละพ้นหมอง

O เพียงคุมผชุม-จิ-ตะ-ส-มา-
ธิ-ส-ภาวะตามตรอง
ใคร่ครวญชนวน-มุ-หะ-ละ-ออง
เฉพาะต้องจะตัดเตียน

O ติดหล่มเพราะสม-มุ-ติ-พิ-การ
วิ-ญ-ญาณะจำเนียร
สิ้นร่าง บ่ ร้าง-ภ-วะ-เสถียร
จะ-ผละ-เปลี่ยนและเวียนไป

O ดวงเดียวจะเหนี่ยว-อ-ม-ระ-ภาค
กระ-แหนะ-พากย์เพราะอำไพ
ลอยลิบกระพริบ-บ-ทะ-ไสว
ภ-พะ-ใหม่ตะบึงมอง

O แห่ตามเพราะพราห-ม-ณะ-ประ-สิทธิ์
นิ-ร-มิตะรับรอง
อวลอรรถเพาะปรั-ช-ญะ-ส-นอง
ผิ-วะ-ต้องก็เป็นตาย

O กาลล่วงก็ห่วง-ทิ-ฐิ-พิ-สุทธิ์
ธรร-มะ-พุทธจะเปล่าดาย
แผกผันเพาะคัน-ถะ-อ-ภิ-ปราย
อ-ธิ-บายะเบี่ยงเบน

O หลงมุขะยุค-อุ-ป-นิ-ษัท
พิ-เคราะห์-อรรถะโอนเอน
หลงรสประพจน์-อุ-ต-ริ-เถร
ด-ละ-เวระแฝงไว้

O แยบคายอุบาย-มุ-สะ-ประ-โยค
ระ-บุ-โลกะครรไล
พรางปมเพาะสม-มุ-ติ-พิ-สัย
ระ-บุ-ให้พิกลเห็น

O แปลกตอนสะท้อน-ร-หั-สะ-วา-
ก-ยะ-พาหะแผกเพ็ญ
ข้ามภพบ่จบ-ประ-ทุ-ษะ-เข็ญ
ต-ละ-"เป็น"เพราะกรรมปรุง

O เหตุนำเพราะคัม-ภิ-ระ-ก-ถา
อรร-ถะ-ราชะอำรุง
ภาษปวงพระร่วง-ลิ-ขิ-ตะ-ฟุ้ง
ก-ละ-รุ้งจรัสเหลือ

O ต้นเงื่อนเสมือน….วิ-สุ-ทธิ์-มรรค
เพราะ-ประ-จักษะจุนเจือ -
คลี่คลายสยาย-ภ-พะ-อะ-เคื้อ
ต-ละ-เหยื่อก็พร้อมยิน

O เหตุร้อน ณ ก่อน-ม-ร-ณะ-กาล
ฤ-จะ-ผ่านทลายภินท์
ย้อนสางมล้าง-ภ-วะ-อ-จิน-
ต-ยะ-สิ้นจะได้หรือ ?

O เมื่อเหตุเภท-ด-ละ-ประ-ภพ
ฤ-จะ-กลบซะด้วยมือ
รูปนาม ฤ ข้าม-ภ-พะ-กระ-พือ
ประ-ลุ-รื้ออดีตกรรม

O การณ์ใดกระไร-ด-ละ-เพราะเหตุ
บ-ริ-เฉทะเนื่องนำ -
ส่งผลทุรน-อ-ดุ-ระ-ล้ำ
ฤ-จะ-ห้ำประหัตหาย

O ความดับระงับ-ฤ-จะ-ประ-สบ
ผิ-วะ-ภพะวอดวาย
หนทางจะล้าง-ทุ-ระ-ส-ลาย
ฤ-จะ-หมายจะมองไหน ?

O เหตุ-ผล ณ บน-ระ-ยะ-ระ-หว่าง
ภ-พะ-ต่างจะอย่างไร ?
หรือเพียงจะเบี่ยง-ทิ-ฐิ-พิ-สัย
ระ-บุ-ไว้เพราะสับสน

O มืดมัวสลัว-รั-ฐะ-ไผท
ม-ติ-ไหนก็จำนน
แซ่ศัพท์สดับ-จิ-ตะ-ฉ-งน
เสนาะพ้นวิหคไพร !

O แม้นห้วงอรรณพนั้น - - - ไพศาล
ใช่กักทุกข์ทรมาน - - - หมดสิ้น
แต่อบายจดพรหมสถาน - - - ถ้วนหมู่
นับเนื่องเพียงกระผีกริ้น - - - รอด, พร้อม-นฤพาน !




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2559
1 comments
Last Update : 10 กรกฎาคม 2559 19:43:31 น.
Counter : 13084 Pageviews.

 

คำฉันท์ที่ไม่มีคำบาลีเลย
ชิต บุรทัต แต่ง

ปากบอน
อินทรวิเชียรฉันท์ 11

ปากบอนเถอะกูรู้
หละก็กูจะตบมึง
เรื่องนั้นจะดันดึง
และแดะแด๋เพราะเดือดดาล

รู้เห็นอะไรหน่อย
สิจะพลอยเผยอขาน
เลือกแส่จะรังควาน
เอะอะอึงตะบึงไป

ถ้าหนักกบาลมึง
จะทะลึ่งก็ตามใจ
นี่เล่าก็เปล่าใย
เสาะแสะเสือกมิเห็นสม

เรื่องกูก็เรื่องกู
ผิวะรู้ก็ควรอม
อย่าคายระบายลม
เหลาะแหละให้กะใครฟัง

ก่อนมึงก็มีคาว
ระบุฉาวกระฉ่อนดัง
กูสู้สงบบัง
มิแคะไค้กะใครเลย

หากกูมิช่วยดับ
จะระงับกระไรเหวย
ป่านนี้นะคงเผย
กระจะหมดกระจ่างเมือง

เรื่องใดก็ดีกู
เจอะและรู้แน่ะเนืองเนือง
แม้นขุ่นและครุ่นเคือง
ก็มิคิดจะไขขาน

เรื่องใครก็เรื่องใคร
เกาะแกะใยแฮ่ะป่วยการ
มีงานประกอบงาน
เฉพาะตนก็เย็นใจ

เรื่องกูกระนี้มึง
สะเออะอึงกะใครใคร
เป็นไรก็เป็นไป
เถอะจะตบมินับหน

แก้ปากกะเยอคัน
มิฉะนั้นจะเคยตน
ต่อไปอะไรดล
ก็จะแดงเพราะมึงบอนฯ

 

โดย: สดายุ... 15 ตุลาคม 2559 19:03:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.