มีการศึกษา (Education) ไม่ได้แปลว่า มีความรู้ (Knowledge)
กระดาษหนึ่งแผ่น..ไม่ได้ทำให้คนฉลาดขึ้น การเรียนรู้..ไม่ได้มีอยู่แต่ในห้องเรียน
การต่อยอดจากสิ่งที่ดี ย่อมได้สิ่งที่ดีกว่า
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
3 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 

07-ด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ..แม่รักเธอ ตอนที่1

โดย.. "ธีรวุฒิ"
ruetaisuk@hotmail.com


เรื่องนี้เขียนจากเรื่องจริงที่ได้พบเจอมา ซึ่งผมเองก็ยอมรับ ว่าอาจจะเขียนได้ไม่ดีนัก เพราะรู้ตัวเองว่า ไม่ใช่นักประพันธ์ หรือนักเขียนที่เป็นมืออาชีพ แต่ที่เขียนออกมา ก็เพราะความรู้สึกซาบซึ้ง ถึงความรักของผู้เป็นแม่ ที่แม้จะเป็นแค่ "แม่หมา" ก็ตาม จึงอยากจะเอาความรู้สึกนี้ มาแบ่งปันให้กับผู้อ่านทุกคนด้วย

"พวงมณี" อาศัยอยู่ที่บ้านพักตากอากาศ ชายทะเลที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง กับลูกๆ ทั้ง 4 ของเธอ ร่างกายเธอผ่ายผอม จนแทบจะเห็นซี่โครง มีอยู่ส่วนเดียวที่เห็นได้ชัดก็คือ เต้านมพวงใหญ่ ที่พองและบวมแดง โตงเตงไปมา เพราะลูกๆ ทั้งสี่ของเธอดูดจนบวมเป่ง เนื่องจากไม่มีน้ำนมเพียงพอ ที่จะให้ลูกนั่นเอง

แต่กระนั้นก็ตาม ลักษณะท่าทางโดยรวมของเธอ ก็ยังดูสวยและสง่างาม คงเป็นเพราะพวงมณีเป็นหมาพันธุ์มีสกุลนั่นเอง เธอมีขนยาวสวย และมีหางเป็นพวง สาเหตุที่พวงมณีมาอยู่ที่นี่ เพราะเจ้านายของเธอ มักมาท่องเที่ยวพักผ่อน เป็นเวลานานๆ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขื้น เมื่อเจ้านายเธอกลับกรุงเทพฯ เขาไม่พาพวงมณีกลับไปด้วย หรือว่าเขาจะหมดรักกับหมาตัวนี้เสียแล้วไม่ทราบได้

แต่ก็ช่างเถอะ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็คงไม่พ้นให้พวงมณีเปลี่ยนสถานะทางสังคม จากการเป็นหมามีเจ้าของ กลายมาเป็นหมาจรจัด ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา



จากหมาที่เคยมีเจ้าของ คอยเลี้ยงดูด้วยอาหารชั้นดี (ที่เหลือจากนาย) ทั้งขนม นม เนย บัดนี้ต้องช่วยเหลือตัวเอง ในเรื่องอาหารการกิน เรื่องการกินอยู่หลับนอน ต้องทำอะไรด้วยตนเอง

ในระยะแรกๆ คงจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต แต่สัญชาติญาณการเอาตัวรอด และสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ทำให้ต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้

พวงมณีต้องปรับตัวเองอย่างมาก อย่างแรกคือเรื่องอาหาร เธอกินทุกอย่างเพื่อทำให้มีชีวิตอยู่รอด เธอยังมีลูกๆ อีกสี่ตัว อาศัยอยู่ใต้ถุนบ้าน ที่ผมมาพักอยู่ (บ้านเตี้ยๆ พื้นเกือบติดดิน) ซึ่งเธอขุดหลุมไว้เป็นโพลง เพื่อให้ลูกๆ ของเธอหลบซ่อนเพื่อความปลอดภัยและอบอุ่น

ตอนที่ผมพบเธอครั้งแรก เธอแสดงความเป็นมิตร และเข้ามาเคล้าเคลีย (ผมเพิ่งจะกลับจากการสำรวจตลาดเช้าของท้องถิ่น ซึ่งจะชอบไปเสมอๆ ทุกครั้งที่ไปตามต่างถิ่น เพราะมันทำให้ผมได้เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่นั่น และอีกหลายๆ อย่าง ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับชีวิตในเมืองหลวง วันหน้าถ้ามีโอกาส ผมคงจะได้ขยายความให้ได้ฟังกันต่อไป)

วันนั้นผมไม่มีอะไรติดมือมาเลย เพราะไม่รู้ว่าจะต้องมาพบกับเพื่อนใหม่ คงมีแต่ขนมหม้อแกงหนึ่งชิ้น (ซึ่งผมได้กินไปเล็กน้อย ทดสอบรสชาดของขนมท้องถิ่น ซึ่งก็ไม่ค่อยจะถูกใจนัก จึงได้ห่อเก็บเอาไว้)

เธอเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง สายตาที่วิงวอนเหมือนจะบอกกับเราว่า วันนี้ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเธอเลยนะ ผมรีบแกะห่อขนมแล้ววางให้เธอ

เธอดม... แล้วหันหลังให้ คงไม่เคยชินกับกลิ่นของอาหารชนิดนี้เลยในชีวิต (จะเคยได้อย่างไร คงจะมีผมคนเดียวล่ะมั้ง ที่อุตริเอาขนมหม้อแกงให้หมากิน) แต่ในที่สุด คงด้วยความหิว ประกอบกับความรัก และความรับผิดชอบ ที่มีต่อลูกๆ ของเธอทั้งสี่ เธอหันหลังกลับมาคาบขนมนั้น ไปให้ลูกน้อยของเธอ ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ลูกๆ ของเธอจะกินได้หรือไม่

เอาเถอะ คงจะมีการปรับพฤติกรรมการกินได้บ้างแหละน่า อย่างคำโบราณกล่าวไว้ว่า "ขนาดหมามันยังไม่ยอมอดตาย ..????????.." ประโยคต่อไป ผู้อ่านต่อเอาเองก็แล้วกัน

ผมต้องมาพักที่นี่หลายวัน เพราะภาระหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องงาน หรืออาชีพ หรือจะเรียกว่า เรื่องความอยู่รอดก็คงไม่ต่างกัน สำหรับทุกชีวิตที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ขอเพียงแต่ว่า ใครจะมีหน้าที่อะไร ก็ขอให้ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน เมื่อตายไปพบกับบรรพบุรุษ เพื่อนฝูง หรือใครๆ จะได้มีเรื่องราวดีๆ ไปเล่าให้เขาฟังได้อย่างไม่ละอายใจ

เอาล่ะ...! มาต่อกันดีกว่า เพื่อไม่ให้เสียเวลา

ผมได้สังเกตเห็นลูกน้อยทั้งสี่ตัว ซึ่งแตกต่างจากแม่ของมันโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ ทั้งสี่ตัวเป็นหมาหลังอาน หางดาบ สีน้ำตาลเข้มเม็ดมะขาม เป็นเงามัน นี่ถ้าพวงมณีเป็นคน เธอคงจะต้องเผชิญชะตากรรมในสังคมเพียงลำพัง แต่เพราะเธอเป็นหมา ก็เป็นธรรมชาติของสัตว์ที่ไม่ต้องคำนึงว่า
หมาตัวผู้ตัวนั้นจะมาจากไหน?
จะรับผิดชอบต่อชีวิดของเธอหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องไปตรวจ DNA ให้ปวดสมองเหมือนกับคนเรา


เธอรู้เพียงแต่ว่า ลูกมาจากสายเลือด และออกมาจากท้องของเธอ เธอต้องรัก ดูแล และเอาใจใส่รับผิดชอบ จนถึงเวลาที่ลูกๆ ของเธอเป็นผู้ใหญ่นั่นล่ะ จึงจะหมดภาระของเธอ เป็นเช่นนี้เสมอและตลอดไป ในวิถีทางของสรรพสัตว์

ตั้งแต่วันนั้นมา ผมพยายามหาอาหาร ติดไม้ติดมือมาฝากพวงมณีเสมอ เพราะศรัทธาในความรักอันยิ่งใหญ่ของเธอ แต่ก็ใช่จะทุกมื้อเสมอไป

บางครั้งผมอยู่คนเดียว บางครั้งก็มีพื่อนร่วมงานมาสมทบด้วย จึงต้องไปพึ่งร้านอาหารเป็นครัวไปวันๆ บางวันก็เป็นอาหารจานเดียวอิ่ม ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผักซะมาก ซึ่งวันนั้นพวงมณีก็จะอดได้อาหารไปด้วย

มีอยู่วันหนึ่ง ผมไปทานอาหารกับเพื่อน เพื่อนๆ ลงความเห็นกันว่า จะทานอาหารมุสลิม เพราะเห็นเนื้ออบน่ารับประทาน อีกคนเลือกข้าวมันไก่ ส่วนผมเลือกเอาข้าวคลุกกะปิ ซึ่งจะถูกปากกว่า (เพราะไม่ทานเนื้อ)

พอตักข้าวเข้าปาก ก็ให้นึกถึงพวงมณีขื้นมา เมื่อเห็นกระดูกน่องไก่จากข้าวหมก ผมคิดในใจว่า จะต้องเอาติดไปฝากพวงมณี เพราะกระดูกกับสุนัขเป็นของคู่กันเสมอ

ผมหันไปถามคนขายอาหารมุสลิมว่า สามารถสั่งเกาเหลาเป็ด จากร้านอื่นมารับประทานด้วยได้ไหม ซึ่งก็ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ คือ "เขาอนุญาต"

ไม่ได้หรอกครับ เพราะการไปอยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมต่างถิ่น ไม่ว่าจะพูดจา หรือร่วมรับประทานอาหาร อะไรที่เราไม่แน่ใจ ก็ควรสอบถามกันก่อน

เพื่อนของผมเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น ได้ไปเที่ยวในท้องถิ่นของมุสลิม ไปหาซื้อหมวก (ดูเหมือนจะเรียกว่า กะบิเยาะ) ของชาวมุสลิมมาใส่กันทั้งกลุ่ม พอตกเย็นก็ร่วมดื่มสุรากันเป็นธรรมเนียม โดยลืมถอดหมวก ที่เป็นสัญลักษณ์ของชาวมุสลิมออก
ขณะที่กำลังดื่มกันนั้น ก็มีชายชาวมุสลิมคนหนึ่ง เดินเข้ามายกมือไหว้แล้วพูดว่า "คุณจะดวด หรือจะอาบสุรา ก็สุดแล้วแต่คุณ แต่ช่วยกรุณา ถอดหมวกออกก่อนก็แล้วกัน"

เพื่อนของผมรู้สึกอับอาย ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ (เพราะความประมาท และคาดไม่ถึงนั่นเอง)

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ผมก็ได้รวบรวมอาหาร เพื่อมาฝากเธอและลูกๆ แต่ดูแล้วเห็นว่าน้อยเกินไป จึงขอให้เพื่อนไปขอเศษกระดูก และอาหารที่เหลือทิ้ง จากเจ้าของร้านอีกหน่อย เพื่อจะได้พอไปฝากเธอและลูกๆ คนขายก็ใจดีให้มา ผมบอกกับเพื่อนว่า "หน้าตาของคุณคงจะเหมือนกับคนมุสลิม เขาเลยให้มา"

เพื่อนแย้งว่า "ไม่ใช่หรอก ไอ้การไปขอกระดูกเขานี่ เขายิ่งรู้ใหญ่เลยว่าไม่ใช่คนมุสลิม เพราะคนมุสลิมเขาไม่ชอบเลี้ยงหมากันหรอก"

แต่ก็ช่างเถอะ จะอย่างไรก็ตาม มื้อนี้พวงมณีกับลูกๆ คงจะมีการฉลองปาร์ตี้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ตั้งแต่ลืมตามาดูโลก (ตามภาษาหมาๆ)

ผมไม่ได้เขียนเกินจริงเลยนะครับ เพราะชีวิตปกติประจำวัน แม่ของพวกมันมีหน้าที่ไปหาอาหาร ซึ่งห่างไกลจากที่อยู่มาก ถ้าวันไหนมีนักท่องเที่ยวมาประปราย เศษอาหารที่ได้ก็จะน้อยเต็มทน เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จะรับประทานอาหารกันที่คลับเฮาส์ หรือข้างนอกรีสอร์ท

ผมสังเกตเห็นว่า บางวันคงจะได้อาหารไม่เพียงพอ จึงดูเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง เพราะเธอต้องให้นมลูกทั้งสี่ตัว ซึ่งคาดว่าน้ำนมที่ให้กับลูกๆ ของเธอ ก็คงจะไม่เพียงพอด้วย นมทั้งพวงน่าจะถูกรีดออกมา จนจะเป็นเลือดก็ว่าได้

วันหนึ่งผมกับเพื่อนๆ ไปเล่นฟุตบอลกันที่ชายหาด เธอเดินตามไปด้วย เธอคงคิดว่าพวกเราจะไปทานอาหาร เผื่อจะได้เศษอาหารจากพวกเราบ้าง

แต่เปล่าเลย ผมเข้าใจผิดถนัด เธอเดินลุยน้ำทะเลตื้น เพื่อหาอาหาร ไม่ว่าจะเป็นปูหรือหอย เท่าที่เธอจะมีแรง สามารถจับสัตว์เหล่านั้นเป็นอาหารได้ เพื่อชีวิตของเธอและลูกๆ เท่านั้น เธอไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านั้น และเธอก็ไม่ต้องการอาหารสุดเลิศ อย่างหูฉลาม สเต๊ก เนื้อลูกวัวอบ หรือสุดยอดอาหารใดๆ

ด้วยปัจจัยและเงื่อนไขที่จำกัด พวงมณีจึงได้ชื่อว่าเป็นหมาพันธุ์ใหม่ของโลก คือ "หมาทะเล" สามารถจับปลา ปู หอย เป็นอาหารได้ แต่ก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน ใช่ว่าเธอจะปฏิบัติการเช่นนี้ได้ตลอดทุกวัน เพราะถ้าวันไหนน้ำทะเลขึ้นมากจนท่วมตัว ถึงแม้เธอจะสามารถว่ายน้ำได้ แต่ก็คงยังไม่เชี่ยวชาญ ถึงขนาดว่ายน้ำจับปลาได้

แต่ก็ไม่แน่นะครับ ถ้าเป็นความจำเป็น ที่ต้องแลกด้วยชีวิตทั้งสี่ของลูกๆ เธอ อีกสัก 4-5 ปีถ้าเธอยังไม่แก่เกินไป คุณอาจจะได้เห็น ทางหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ก็ได้ว่า
"พวงมณีสุนัขตัวแรกของโลก ว่ายน้ำและดำน้ำจับปลา
เป็นอาหารได้"


เมื่อถึงตอนนั้น พวงมณีคงจะเป็นเดอะสตาร์ (The Star) คงจะมีคนมากหน้าหลายตา เสนอตัวเข้ามาเพื่อทำโปรโมชั่นรายการ เพื่อสร้างรายได้สูงสุดอย่างงาม อนิจา...! ไม่อยากจะคิดต่อแล้ว โอ้แม่เจ้า

โปรดติดตามตอนต่อไป





หมายเหตุ : ภาพประกอบบางส่วนจากอินเทอร์เน็ต




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2551
5 comments
Last Update : 31 มกราคม 2552 16:22:30 น.
Counter : 646 Pageviews.

 

หวัดดีจ๊ะ เมืองไทยก่อนเที่ยง และเมกาก่อนเที่ยงคืน
ยังไม่ได้อ่านนะจ้ะ แต่เรื่องน่าสนดี ขอเม้นท์ก่อนค่ะ

 

โดย: Opey 4 มิถุนายน 2551 11:45:44 น.  

 

สวัสดีค่ะ ครูเอก
ไม่ได้มาเยี่ยมซะนานเลย หมู่นี้ไม่ค่อยได้เข้าบล็อกค่ะ
อ่านเรื่องของพวงมณีแล้วซาบซึ้งนะคะ
แล้วก็พาให้นึกถึงพวกวัยรุ่นที่ไม่มีความรับผิดชอบ
ท้องโดยไม่ตั้งใจแล้วก็ไปทำแท้งเอาลูกออก "อายหมามันเน๊อะ"

อัพบล็อกตอนต่อไปยังเป็นเรื่องของพวงมณีอีกหรือเปล่าคะ
ถ้าใช่ แวะไปบอกมาอ่านบ้างนะคะ
คิดถึงค่ะ
......................
แอบอัพเดต blog ย้อนอดีตหนังจีนกำลังภายใน แล้วไม่ส่งข่าวแจ้ง เดี๋ยวมีงอนนะ ก็รู้ๆ อยู่ว่า ของชอบของครอบครัว แต่..เวอร์ชันนี้ ผมจำได้ว่า เล่นตอนกลางคืนนะ ไม่ใช่ตอนเย็น
......................
สอบถามผู้รู้ที่บอร์ดหนังจีนมาแล้วนะคะ
หนังเรื่องนี้ฉายครั้งแรกทางช่อง 3 ตอนสี่ทุ่มจริง ๆด้วยค่ะ ในปี 2528
แต่หลังจากนั้นก็มีการเอามาฉายใหม่ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนค่ะ วันจันทร์ - ศุกร์ค่ะ

 

โดย: ฝากเธอ 5 มิถุนายน 2551 13:46:48 น.  

 

อ่านแล้วจ๊ะเขียนดีจังเศร้าน??ค่ะ ไม่ไหวสงสารมัน ครูเอกชอบนำเรื่องจริงมาลง ต่อไปจะเป็นเรื่องน๊ๅๅๅๅ

 

โดย: Opey 5 มิถุนายน 2551 15:30:32 น.  

 

ได้อ่านเรื่อง พวงมณี แล้วรู้สึกสงสารมากๆคะ
พวงมณีคงจะรักลูกมากๆๆๆ เป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ
รู้สึกซาบซึ้งในความรักที่พวงมณีมีให้ลูกจริง
แล้วจะติดตามตอนต่อไปนะคะ

 

โดย: เจ้าเตี้ย 5 มิถุนายน 2551 16:16:31 น.  

 

นิยาม...หมา หมา



หมามีเจ้าของ ไม่ต้องบรรยายมากมาย เพราะหมาพวกนี้สบายอยู่แล้ว มีเจ้าของคอยเลี้ยงดูอย่างดี

หมาวัด หมาพวกนี้แม้ไม่มีเจ้าของ แต่อย่างน้อยก็มีที่อยู่ ก็คือ วัด มีข้าวให้กิน แม้จะอดมื้อกินมื้อ ก็ยังสบาย ถ้าโชคดีหน่อย อาจมีผู้ใจบุญนำไปเลี้ยง ก็จะกลายเป็น หมามีเจ้าของ ไปในทันที

หมาจรจัด ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง พเนจรไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังพอมีคนให้อาหารกินอยู่บ้าง และที่สำคัญ ก็ยังมีหมาที่ได้ร่วมชะตากรรมจรจัดด้วยกัน หรือบางที อาจจะมีคนเก็บเอาไปเลี้ยง กลายเป็นหมามีเจ้าของอีก

หมาเห็นปลากระป๋อง อย่างน้อย ก็ได้แตะต้องปลากระป๋องล่ะ ได้เห็นหน้าตาปลากระป๋อง ว่าเป็นอย่างไร และที่สำคัญ ถ้ามีใครใจดี ก็อาจจะเปิดปลากระป๋องให้กินก็ได้ อย่างน้อยก็ยังได้ลิ้มรสปลากระป๋อง ล่ะ

หมามองเครื่องบิน ก็เป็นหมานี่หว่า.. ได้แต่แหงนหน้ามองล่ะ คือได้เห็น แต่ไม่ได้สัมผัส เพราะเครื่องบินมันอยู่สูงเกินเอื้อม น่าสงสารชะตากรรมตัวเองสิ้นดี ได้แต่แหงนหน้ามอง ช่างไม่เจียมตัว ช่างไม่เจียมใจ อยากได้ของเกินเอื้อม รู้ทั้งรู้ว่า ไม่มีวันที่จะได้ขึ้นเครื่องบิน สมน้ำหน้าตัวเองนัก

เจ้าหมาขี้เรื้อน ไม่รู้เหรอว่า...เค้ารังเกียจเรา

ขอขอบคุณเรื่องและภาพจาก แมงปอ....ปีกบาง

 

โดย: ครูเอก 6 มิถุนายน 2551 12:09:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ครูเอก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 112 คน [?]




เนื้อหาบทความ ภาพประกอบ ไฟล์ตัวอย่าง ทั้งหมดใน blog นี้ "สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗" อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ได้ โดยต้องระบุแหล่งที่มาของเนื้อหาให้ชัดเจน เพื่อแสดงถึงการรับรู้ในความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ไม่อนุญาตในการนำไปใช้เพื่อการแสวงหาผลกำไรทางธุรกิจ โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร

ส่งข้อความหลังไมค์ถึงครูเอก
MSN : ysamroeng@hotmail.com
ชมรมนักเรียนสาธิตเสริมสมอง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
กิตติกรรมประกาศ

ผมใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรก โดยมีหนังสือชื่อ "เรียน DBASE III PLUS ด้วยตนเอง" ของ พ.ต.ประพัฒน์ อุทโยภาศ เป็นเสมือนอาจารย์ และมี บร.โรเบิร์ต ปาแนสโต (ซดบ.) เป็นผู้ให้โอกาส และ้คำแนะนำ ถือเป็นก้าวแรก ที่้ผมจับคอมพิวเตอร์ และสนใจเรียนรู้ มาตั้งแต่วันนั้น นอกจากเรื่อง "การเขียนโปรแกรมด้วย Clipper" แล้ว ผมไม่เคย ไปเรียนคอมพิวเตอร์ จากสถาบันใด อาศัยที่เป็น คนชอบอ่านหนังสือ และซื้อหนังสือเยอะมาก บวกกับลงทุน ซื้อเครื่องไว้ใช้งานเอง (เครื่องแรก Intel 386DX-40) จึงได้ฝึกฝน เรียนรู้ ต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้
มีของมาขาย

1. หนังสือ "Excel for HR"


การใช้ไมโครซอฟต์เอ็กเซล ในงาน HR แบบมืออาชีพ พิมพ์ครั้งที่ 2 เป็นหนังสือที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากงานจริงๆ มาเป็นวัตถุดิบ เป็นหนังสือคอมพิวเตอร์เล่มแรก ที่เขียนขึ้นมาเพื่อ นักบริการทรัพยากรมนุษย์ (HR) โดยเฉพาะ เป็นตัวอย่างของการใช้โปรแกรม MS Excel ในงานประจำวันของ HR หาซื้อได้ที่ ร้านซีเอ็ดบุ๊ค ทุกสาขา, HR Center, ศูนย์หนังสือ สสท., ศูนย์หนังสือจุฬา, Thailand Book Tower, B2S เป็นต้น
หรือสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ 02-347-1066, 081-423-9828
ราคาเล่มละ 200 บาท จัดส่งฟรี

2. CD รวมไฟล์ตัวอย่าง Excel จากงานจริง


มีไฟล์ตัวอย่างมากที่สุด สามารถนำไปใช้งานได้ทันที หรือใช้ศึกษาเทคนิคการเขียนสูตร Excel อัพเดตใหม่ทุกสัปดาห์
ของแท้ไม่มีวางจำหน่ายที่ไหน
สนใจสั่งซื้อโดยตรงที่ 02-347-1066, 081-423-9828
ราคาแผ่นละ 200 บาท ค่าจัดส่งฟรี

หมายเหตุ : ปัจจุบันมีจำหน่ายทั้งสิ้น 3 ชุด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://sites.google.com/site/excel4hr/product
กิจกรรมของพวกเราที่ผ่านมา

โครงการห้องสมุดเพื่อน้อง รร.บ้านซับงูเหลือม จ.ลพบุรี

โครงการห้องสมุดเพื่อคนพิการ มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ ปากเกร็ด
รูปภาพหรือข้อความแสดงความเห็น เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยอิสระ ของบุคคลทั่วไป และถูกส่งขึ้นแสดงในหน้า blog โดยอัตโนมัติ เจ้าของ blog มิได้มีส่วนรู้เห็น หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งไม่จำเป็นต้องร่วมรับผิดชอบ ต่อทุกความคิดเห็นใดๆ
Friends' blogs
[Add ครูเอก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.