ความรู้มีไว้แบ่งปัน

CM Triplets
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add CM Triplets's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 

Forward Mail อุทาหรณ์จากการยัดเยียดการเรียนเกินไปทำให้เด็กสติขาด

Forward Mail ที่ได้รับมาค่ะ
โปรดอ่านให้จบเป็นประโยชน์กับทุกๆท่าน เรื่องจริงที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต

หวัดดีค่ะ... ก่อนอื่นจะเล่าเรื่องให้ฟังค่ะ...เพิ่งได้รับทราบมาเหมือนกันจากปากของเพื่อนทั้งน้ำตา...และคิดว่ามีประโยชน์ไม่มากก็น้อย... เพื่อนคนนี้ไม่ได้ติดต่อมานาน ประมาณเกือบๆ 4 ปีเห็นจะได้ คือไม่สนิทเท่าไรแต่พูดคุยกันได้และตอนนี้เพื่อนมีลูกแล้วค่ะ...แต่มีเพื่อนน้อย เพื่อนแต่งงานกับวิศกร(สามี)ที่เก่งมากค่ะ และตัวเพื่อนเองก็จบมหาลัยเอกชน ก็เกียรตินิยมอันดับ 2 ด้านภาษาต่างประเทศค่ะ คือเหมาะสมถึงไม่รวยมาก แต่ก็เกินปานกลางนะคะพอแต่งงานก็ไม่ได้ติดต่อใคร แต่ทราบว่ามีลูก ณ.ปัจจุบันก็ 7 ขวบกว่าแล้วค่ะ

โทรไปหาเพื่อนเพราะตอนนี้เรามีลูก 4 ขวบกว่าค่ะ ก็หาข้อมูลเรื่องการเรียนในนี้เป็นหลักและ อาศัยถามคนอื่นด้วยและไม่อายที่จะถามด้วย เพราะคิดว่ายิ่งรู้มากก็ยิ่งดีจึงได้โทรไปหาเพื่อนค่ะ และถามเรื่องลูกสิ่งที่ได้รับ คือการปล่อยโฮอย่างแรง ร้องไห้จะเป็นจะตายเดี๋ยวนั้นเราก็ตกใจ เฮ้ยแกเป็นไรว่ะเป็นไร.... มันบอกว่ามันอึดอัด มันจะบ้าอยู่แล้วปรึกษาใครก็ไม่ได้ทุกวันนี้ มันถูกตราหน้าว่าเป็นคนผิด... ' ผิดอย่างร้ายกาจ ' จากครอบครัวสามีและแม่ตัวเองมันปรึกษาใครก็ไม่ได้ เพราะพื้นฐานคือ...ทั้งสามีและเพื่อนเป็นคนเสียเงินเท่าไรเท่ากัน แต่อายหรือไม่สมบูรณ์ไม่ได้ดังนั้นมันจึงไม่ปรึกษาใครเลย เพราะมันอายและไม่อยากให้ใครดูถูกมัน เรื่องคือ... ลูกชายเข้าเรียนตอน 3 ขวบกว่านิดๆ ได้เข้าเรียนในระดับโรงเรียนดังเลย ค่าเทอมเป็นแสน คอมพร้อม เพื่อนดี สังคมดูดี เพอร์เฟ็กและโรงเรียนเป็นที่หมายตามากค่ะ
ที่นี้โรงเรียนดังก็พ่อแม่ต่างก็ผลักและดันกันสุดฤทธิ์(มันบอกอย่างนี้ค่ะ) เงินพร้อมซะอย่างก็คุยกันต้องติวอย่างนั้น
ต้องครูคนนี้ ฝรั่งคนนี้ ต้องเรียนนี้เสริมเจ๋งค่ะ เพื่อนก็เป็นเช่นนั้น

ที่นี้... ลูกเรียนวันจันทร์ – ศุกร์ยัน 6 โมงเย็น และเป็นอย่างงี้มาตั้งแต่อนุบาล 1 ถึง 3...
เข้านอน ไม่เกิน 3 ทุ่มเพราะต้องตื่นเช้าไปส่งตื่นตอน... ตี 5 ครึ่ง
เพราะเพื่อนมีบ้านในหมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่นอกเขตและห่างจากโรงเรียนค่อนข้างมาก
ออกจากบ้านไม่เกิน 6 โมงเช้าเท่านั้น และไปถึงโรงเรียนประมาณเกือบ 7 โมง
วันเสาร์...เรียนพิเศษเสริมเริ่ม 8 โมงเช้าถึงบ่ายโมง และ ตอนบ่าย 3 เรียนว่ายน้ำจึงได้กลับบ้าน
ส่วนวันอาทิตย์...ครึ่งวันเช้าเรียนที่สถาบันคุมองต์เสริม ครึ่งวันหลังผักผ่อน...
ตอน 1 ทุ่มวันอาทิตย์ต้องทบทวนงานและเตรียมความพร้อม เพื่อไปเรียนวันจันทร์ไม่เกิน 3 ทุ่มเข้านอน
และเหตุการณ์ที่มันเล่าแบบสะเทือนใจตอนหลังคือ.... ลูกไม่มีเพื่อนในหมูบ้านเลยสักคนเดียว...
เพราะไม่ได้คุยกับใครอยู่แล้วสังคมเมืองของแท้ ปั่นแต่จักรยานของเค้าเท่านั้น
วันนั้น...วันอาทิตย์ลูกก็ปั่นจักยานไม่ยอมเข้าบ้าน แม่ก็เรียกให้มาอาบน้ำได้แล้ว 6 โมงเย็นแล้ว
เตรียมกินข้าวและทบทวนการบ้าน.ลูกก็ไม่ฟังเพื่อนและสามีโมโหบอกว่า ' เข้าบ้านเดียวนี้เข้าบ้านเลยทำไมดื้ออย่างนี้ยิ่งโตยิ่งดื้อ ' ( เพื่อนว่าลูก) จะไม่ให้ขี่จักรยานอีกต่อไป ตัวสามีก็ไปดึงจักรยานออกจากลูกและแม่มาจับลูกเข้าบ้าน
สามีบอกว่า...ป๋าจะโยนจักรยานทิ้งซะถ้าทำอย่างนี้อีก ลูกชายเข้าไปกอดขาพ่อ...และยกมือไหว้ป๋า อย่าทำหนูไม่มีเพื่อนที่ไหนจักรยานคือเพื่อนของหนู หนูมีจักรยานเป็นเพื่อนเท่านั้น...ป๋าอย่าทำนะทั้งเพื่อนและสามีก็ไม่ใส่ใจอะไร
เพียงต้องการให้เข้าไปอ่านหนังสือเท่านั้ั้น

และ...อีกเหตุการณ์หนึ่งกว่าจะจับใจความได้ มันร้องไห้ไม่หยุดเพื่อนร้องไห้เหมือนจุดพลุเลย...
ลูกกลับจากบ้านคุยกับพ่อและแม่ อยากดูอุลตร้าแมนมดเอ๊กช์บ้างเพื่อนๆคุยกันที่โรงเรียน..
เค้าไม่รู้เรื่องเลย เพื่อนยังบอกว่าที่บ้านไม่มีทีวีหรือไง(เด็กอนุบาลนะค่ะ) ทำให้เค้าไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ...
เค้าได้ดูแต่การ์ตูนเสริมความรู้เช่น ถ้าดู UBC ก็ประมาณ ดอร่าหมาบลู ประมาณนี้...สามีและเพื่อนบอกว่า
ลูกอย่าทำตัวไร้สาระได้หรือเปล่าตอนนี้เพื่อนๆ ลูกอยากทำอะไรก็ปล่อยเค้าไปการ์ตูนมีแต่ความรุนแรง
ไม่เสริมความรู้อะไรเลย เราได้เปรียบ...เราใช้เวลาทบทวนและเรียน...ในขณะที่คนอื่นเค้าไร้สาระ...ลูกลองคิดดู..โตขึ้น
ลูกก็จะเป็นนายของคนพวกนี้และคนพวกนี้จะไม่เหนือลูกเด็ดขาด การสอนจะประมาณนี้ตลอด... แต่เพื่อนบอกว่า
เค้าและสามีทำดีที่สุดและให้ในสิ่งที่ดีที่สุด ที่คนทั่วไปบางทีก็ให้ไม่ได้ด้วยซ้ำไป...ที่นี้หนักสุด...ต้องติวเข้า ป. 1
ที่นี้เวลาเล่นแทบน้อยมาก...แต่ก็ได้ติดที่ ป. 1 ตามที่หวังไว้แต่ก็ต้องเรียนเสริมเหมือนเดิม...ฯลฯ

จนถึงวันที่ลูกทนไม่ได้...จนลูกโกรธจนตัวสั่น..และพูดว่าเค้าจะไม่เป็นคนดี...เค้าเบื่อที่สุดแล้ว...เค้าอยากเล่นฟุตบอล...เค้าอยากวิ่งเล่น...อยากดูการ์ตูน...อยากอ่านขายหัวเราะให้พ่อแม่อนุญาตอ่านให้ฟัง เค้าเกลียดพ่อและแม่...ทำไมต้องบังคับ...ทำไมต้องอาย...ทำไมเค้าจะเป็นคนชั่ว...
( เพื่อนมันบอกว่าลูกพูดจนลิ้นพันกันตัวสั่นไปหมดจับลำดับคำพูดยาก) อะไรก็พูดๆๆๆๆออกมา ร้องไห้หน้าแดง
กำหมัดขว้างข้าวของเสียงดังในระหว่างนั้นสามีและเพื่อนก็ใช้เสียงดังเพื่อหยุดพฤติกรรมแต่ไม่เป็นผล
ยิ่งดังก็ยิ่งดังใส่จนเด็กเป็นลมคงสะสมมานาน พอผ่านไปสักระยะ...
จนทางโรงเรียนมีจดหมายมาถึงเพื่อเชิญผู้ปกครองไปพบพอไปถึงโรงเรียน ทางครูบอกว่า...ตอนนี้น้องมีอาการเหม่อลอย...ไม่มองกระดาน... และไม่มีปฎิสัมพันธ์กับเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว...ให้ทำอะไรทำได้หมดแต่ทำไปอย่างให้จบไป ไม่มีอารมณ์ร่วมแม้แต่น้อยบางครั้งก็มีน้ำตาเอ่อ...แต่ไม่ไหลออกมาเป็นระยะและพูดน้อยลง ใช้สายตาและท่าทางคิดมากขึ้น....ฯลฯ

เพื่อนและสามีไม่ยอมรับและไม่เชื่อ ก็สักพักใหญ่ๆ จึงไปพบหมอที่สมิติเวช
หมอแจ้งว่า...น้องกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างแรง บวกกับเก็บกดภายในสิ่งที่ฝืนความรู้สึกมานาน...
จนระเบิดออกมาเหมือนคนเสียสติ เค้าไม่ได้บ้า...หรือพิการทางสมอง... แต่เค้าปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างเอง...ไม่รับเอง...ไม่เอาเอง... ซึ่งตรงนี้น่าวิตกคือแล้วเมื่อไรเค้าจะรับและเปิดใจกลับมาเหมือนเดิม สมาธิและจิตใจได้ถูกตัดด้วยตัวเค้าเอง... เค้าอยากอยู่แต่ในโลกจินตนาการที่เค้าคิดว่านั้น คือความสุขของเค้า...ไม่อยากออกมาเลยด้วยซ้ำ...
คงต้องใช้เวลามากเพราะถ้าเรารู้ว่าเค้าสมาธิสั้น... เรามีทางแก้ ถ้าเค้าเป็นดาวน์...เรารู้วิธี แต่เค้าเลือกเองที่จะปิดตัวเองอย่างเด็ดขาด...ถ้าปล่อยไว้จะกลายเป็นคนวิกลจริตทางความคิดในอนาคต

ทุกวันนี้ผลคือ...สามีก็ยอมรับในระดับหนึ่ง แต่ก็เริ่มโทษภรรยามากกว่าโทษตัวเอง ตอนนี้มันรับกรรมเต็มๆ ลูกไม่สามารถเรียนได้แล้วคะ...
ต้องพบจิตแพทย์เด็กโดยตรง ถึงตรงนี้มันบอกว่ามันเรียกลูกกลับมาไม่ได้แล้วจริงๆมันเศร้ามาก มันก็กำชับไม่ให้ดิฉันบอกใครเพราะมันอาย แต่เรื่องนี้มีความรู้มากไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าอาย...
เมื่อทุกท่านได้อ่านเรื่องนี้จบแล้ว อย่าเก็บเรื่องนี้เอาไว้คนเดียว...กรุณาส่งเมลล์
ไปบอกกับใครก็ได้หรือญาติพี่น้องของเราก็ได้ เผื่อว่าเหตุการณ์ที่เล่ามานี้จะได้ไม่เกิดกับบุคคลที่ท่านรัก...เป็นรายต่อไป




 

Create Date : 19 ตุลาคม 2552
2 comments
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 11:15:37 น.
Counter : 743 Pageviews.

 

เศร้าใจแทนเด็กค่ะ ไม่มีโอกาสได้เล่นเลย อยากจะสมน้ำหน้า พ่อแม่ที่เห็นแต่หน้าตาเหลือเกินแต่ เราก็เป็นแม่หัวอกแม่คงช้ำใจสุดบรรยาย

 

โดย: saranrat 19 ตุลาคม 2552 20:40:25 น.  

 

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ อย่างนี้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เลวร้ายไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้เกิด (แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว) แต่ก็เป็นอุทธาหรณ์ให้พ่อ ๆ แม่ ๆ คนอื่น ๆ ที่พยายามเคี่ยวเข็ญลูกจนลืมธรรมชาติของเด็ก ที่ต้องการสนุก ต้องการเพื่อน ...น่าสงสารครอบครัวเขาจังเลยค่ะ หวังว่าสักวันน้องเขาจะกลับมาเป็นลูกคนเดิมของคุณพ่อคุณแม่

 

โดย: น้อง (Nony_T ) 29 มกราคม 2553 12:34:22 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.