|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|
กระทบ กระแทก กระเทือน !
กระทบ กระแทก กระเทือน ! โดย: รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์
อุบัติเหตุจากความไม่รู้และความประมาทเกิดขึ้นได้เสมอ
ลูกของใคร ใครก็รัก ลูกของใคร ใครก็ห่วง
แสนรักแสนห่วงใยยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ ที่แม้ชีวิตของตนก็ยอมสละให้ได้ แต่อาจเป็นเพราะความไม่รู้และความประมาท หัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่จึงต้องถึงคราแหลกสลาย
กระทบ-กระแทก-กระเทือน ...ทารกน้อย
ที่น่าเป็นห่วงและพบได้บ่อยที่สุดคือ การกระทบกระเทือนถึง สมอง ครับ เพราะสมองนั้นเปรียบเหมือนศูนย์บัญชาการทั้งร่างกาย และ จิตใจ สมองคือสิ่งมหัศจรรย์ ที่มีการพัฒนาเรื่อยมาตั้งแต่เด็กยังอยู่ในท้องแม่ และพัฒนาอย่างรวดเร็วหลังจากคลอดแล้ว แต่สมองของเด็กน้อยมีโอกาสได้รับการกระทบกระเทือนได้โดยง่าย เพราะศีรษะของเขามีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับสัดส่วนของลำตัว การพลัดตกหกล้ม ศีรษะจึงมักจะลงก่อน การกระเทือนถึงสมองจึงเป็นเรื่องน่าห่วงอย่างยิ่ง
นอกจากการพลัดตกยังมีอีกกรณีที่หลายๆ ท่านอาจนึกไม่ถึง ทั้งที่เป็นเหตุร้ายที่เกิดขึ้นบ่อยจนน่าตกใจ นั่นก็คือ เด็กที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองจนถึงกับตาบอด พิการอื่นๆ หรือ เสียชีวิตเนื่องจาก โดน...เขย่า!!!
หลายสิบปีก่อนผู้คนทั่วโลก แม้แต่แพทย์เองก็ยังงงกับอาการของเด็กในวัยแค่ไม่กี่เดือน ที่ผู้ใหญ่อุ้มมาพบด้วยอาการชัก หยุดหายใจเป็นช่วงๆ เนื้อตัวเขียว แถมหลายคนกลายเป็นเด็กพิการในเวลาต่อมา และหลายรายถึงกับสิ้นใจตาย เมื่อแพทย์ทำการผ่าชันสูตรก็พบว่า เด็กมีเลือดออกในสมองเป็นจำนวนมาก ทั้งๆ ที่ดูภายนอกแล้วก็ไม่มีบาดแผล หรือริ้วรอยการถูกทำร้ายแม้แต่น้อย
เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง จึงมีการสืบสาวราวเรื่องอย่างจริงจัง จึงพบความจริงว่าเด็กที่เสียชีวิตดังกล่าวนั้น เกิดจาก การโดนเขย่าอย่างรุนแรง! ( Shaken Baby Syndrome)
เหตุใดการเขย่าจึงถึงกับทำให้ทารกน้อยพิการ หรือ เสียชีวิต?
อย่าลืมนะครับว่า เด็กวัยแบเบาะนั้นศีรษะจะโตและหนัก หนำซ้ำกล้ามเนื้อและกระดูกส่วนคอก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง การโดนผู้ใหญ่เขย่าๆๆๆ ไปๆ มาๆ อย่างไม่ปรานีปราศรัย จะมีผลให้เนื้อสมองแกว่งไปๆ มาๆ แล้วไปกระทบกระแทกกับกะโหลกศีรษะ จนสมองชอกช้ำเสียหาย รวมทั้งแรงเขย่าทำให้เส้นใยประสาทต่างๆ ในสมองมีการฉีกขาดได้
นอกจากนั้นเส้นเลือดที่ต่อจากเนื้อสมองไปยังเยื่อหุ้มสมองที่ยังไม่แข็งแรงของเด็กอ่อนก็จะเกิดการแตกปริฉีกขาดมีเลือดออก รวมทั้งเส้นเลือดขนาดเล็กบริเวณเส้นประสาทตาก็อาจฉีกขาดได้เช่นกัน ไม่แต่เท่านั้นนะครับ ยังมีเด็กน้อยอีกมากมาย ที่นอกจากโดนเขย่าอย่างรุนแรงแล้ว ยังถูกจับไปกระแทกกับที่นอนอย่างรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง นั่นเท่ากับทำให้เลือดออกในสมองมากขึ้นอีกถึง 50 เท่า!
กระทบ-กระแทก-กระเทือน ... เด็กเล็ก
แม้ว่าจะพยายามรณรงค์กันจนปากเปียกปากแฉะ เพื่อให้เห็นถึงความไร้ประโยชน์และโทษภัยของรถหัดเดิน แต่เมื่อเดินเที่ยวห้าง หรือแม้แต่เปิดดูในอินเตอร์เน็ต ก็เห็นวางขายกันอยู่เกลื่อน จึงต้องขอบอกกันอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อยว่า ใครที่คิดอยู่ว่ารถหัดเดินนั้น ช่วยให้เด็กเดินเป็นเร็วขึ้นเป็นคนตกยุคครับ
ความจริงก็คือ เด็กที่ใช้รถหัดเดินเป็นประจำกลับทำให้มีพัฒนาการเดิน การเคลื่อนไหวช้ากว่าปกติ หนำซ้ำรายงานการวิจัยยังพบว่า เด็กที่ใช้รถหัดเดินนั้น 1 ใน 3 ต่างก็เคยได้รับบาดเจ็บจากรถหัดเดินมาแล้วทั้งสิ้น ที่พบบ่อยๆ ก็คือ พลิกคว่ำจากพื้นบ้านที่มีการเล่นระดับสูงๆ ต่ำๆ หรือการที่เด็กไถรถไปอย่างเร็ว แล้วสะดุดกับอะไรก็ตามกระทั่งเกิดพลิกคว่ำ ทำให้แขนขา ใบหน้าได้รับบาดเจ็บ และหลายๆ ราย ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนจนมีเลือดออกในสมอง
ดังนั้น บ้านที่มี 2 ชั้นขึ้นไป และบ้านที่มีใต้ถุน แล้วยังนิยมให้เด็กใช้รถหัดเดิน ขอเตือนว่า บัดนี้ ภัย กำลังคืบคลานมาสู่ลูกหลานของคุณแล้ว...
กระทบ-กระแทก-กระเทือน ... เด็กวัยเรียน
เด็กวัยนี้ชอบที่จะได้เล่นในสนามเด็กเล่น ได้เล่นเครื่องเล่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชิงช้า กระดานหก กระดานลื่น ราวโหน ม้าหมุน ฯลฯ ก็ล้วนแต่มีประโยชน์แก่เด็กๆ อย่างมาก เช่น ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง จิตใจสดชื่นรื่นเริง แถมยังช่วยในการเรียนรู้ การแก้ปัญหา พัฒนาทักษะในการเคลื่อนไหว แต่ทั้งหมดนี้จะต้องตั้งมั่นอยู่บนมาตรฐานความปลอดภัย
อันตรายจากสนามเด็กเล่นนั้น สาเหตุการตายส่วนใหญ่เกิดจากการล้มทับของเครื่องเล่น สำหรับการบาดเจ็บนั้นกว่า 70% เกิดจากการพลัดตกหกล้ม
ดังนั้น เครื่องเล่นที่ติดตั้งอย่างมั่นคง จะต้องอยู่บนพื้นสนามที่ปลอดภัยด้วยนะครับ นั่นหมายถึงพื้นสนามจะต้องมีความหนานุ่ม เช่นเป็นทรายอย่างน้อย 30 ซม. หรือเป็นยางสังเคราะห์ ไม่ใช่เป็นพื้นแข็งๆ อย่างพื้นซีเมนส์ ยางมะตอย ทรายอัดแข็ง พื้นหญ้า หรือที่พบเห็นอยู่ไม่น้อยก็คือพื้นที่เกลื่อนไปด้วยก้อนกรวดก้อนหิน เศษอิฐ เศษปูน (เผลอๆ ก็มีเศษแก้ว เศษตะปูด้วย)
เครื่องเล่นที่เป็นประเภทแกว่งไกวไปมา มีการเหวี่ยงการชนเกิดขึ้นได้เสมอ คือชิงช้า ...ที่นั่งชิงช้าที่โยกไปมาควรทำด้วยผ้า ยาง หรือวัสดุที่อ่อนนุ่ม มีขอบมนและมีผิวเรียบซึ่งย่อมปลอดภัยว่าที่นั่งชิงช้าที่ทำด้วยโลหะหรือไม้แข็ง ที่เสี่ยงต่อการโดนกระแทกหากมีเด็กวิ่งตัดหน้าตัดหลัง
ชิงช้าที่จัดวางใกล้กันเกินไป หรือใกล้กับเสาคานด้านข้างมักเกี่ยว ชนกัน หรือ กระแทกเสาคานข้างได้ตามมาตรฐานระยะห่างของที่นั่งชิงช้ากับโครงด้านข้าง จะต้องไม่น้อยกว่า 75 ซม. และรายะห่างระหว่างที่นั่งต้องไม่น้อยกว่า 60 ซ.ม. สอนลูกว่า การนั่งชิงช้านั้น ห้ามขึ้นไปยืนหรือคุกเข่าบนที่นั่งโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจตกลงมาจนได้รับบาดเจ็บ
เด็กวัยเรียนที่โตขึ้นไปอีกหน่อยจะมีความเสี่ยงมากขึ้นจากแรงกระทบกระแทกจากอุบัติเหตุจราจร ในบ้านเราแต่ละปีจะมีเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 15 ปี ได้รับอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ถึงปีละราว 100,000 คน โดยบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นนอนโรงพยาบาลกว่า 13,000 คนและที่น่าตกใจก็คือ เด็กเล็กตั้งแต่วัยแรกเกิด ถึง 14 ปี ต้องเสียชีวิตจากจักรยานยนต์ถึงปีละ 440 คน สาเหตุการตายที่สำคัญและมากที่สุดก็คือ ...ศีรษะกระแทกพื้น ทำให้ สมองได้รับการกระทบกระเทือน บวม-ช้ำ และมีเลือดออกในสมอง
เด็กๆ ที่ได้รับการกระทบกระเทือนสมอง มักจะเสียชีวิตได้โดยง่าย หรืออาจจะพิการไปตลอดชีวิต...หมวกนิรภัย คือนวัตกรรมเดียวที่มีอยู่ในปัจจุบัน ที่มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ศีรษะได้รับการการกระทบกระแทก โดยทุกวันนี้มีหลายขนาดเพื่อให้เหมาะกับทั้งผู้ใหญ่ และเด็กๆหลายวัย
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญไม่ว่าลูกจะโดยสารหรือขับขี่เอง ไประยะใกล้หรือระยะไกล ก็ต้องให้ความสำคัญกับหมวกนิรภัย ไม่ใช่รอดจากแรงเหวี่ยง แรงกระแทกอื่นๆ แล้วต้องมาจบกันด้วยแรงจากมอเตอร์ไซด์นี่เอง
จาก: รักลูก
Create Date : 12 มีนาคม 2553 |
Last Update : 12 มีนาคม 2553 8:31:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 769 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|