MY LIFE, MY OPINIONS
<<
พฤษภาคม 2558
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
23 พฤษภาคม 2558

กล้า สมุทวณิช : เรือบรรทุกมนุษยธรรมของเรา

ปรมาจารย์ผู้ได้รับการนับถืออย่างยิ่งในทางกฎหมายมหาชนท่านหนึ่งได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่าทำไมมนุษย์จึงมี "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" ที่มีคุณค่าที่สูงส่งกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายอื่น ถือเรียกเป็น "สัตว์ประเสริฐ" นั้น ก็เพราะว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่มีความสามารถในการ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" โดยอนุมานว่ามนุษย์คนอื่นจะรู้สึกเจ็บปวดร้อนหนาวเหมือนกันกับตน ด้วยเหตุนี้มนุษย์ส่วนใหญ่จึงมักจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่อยากให้ผู้อื่นปฏิบัติกับตน และไม่ปฏิบัติต่อผู้อื่นในสิ่งที่ไม่อยากให้ใครปฏิบัติต่อตนดุจกัน

การรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรานี้น่าจะเป็นรากฐานหนึ่งของความเป็นมนุษย์ หรือ "มนุษยธรรม" (Humanity) ก็ว่าได้

สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสัปดาห์แห่งการถกเถียงกันเรื่อง "มนุษยธรรม" ว่าด้วยปัญหาเรือมนุษย์และมนุษย์เรือชาวโรฮีนจา ที่แบ่งแยกผู้คนออกเป็นสองข้างสองฝ่าย - ระหว่างฝ่ายที่เอาใจไปอยู่ในทะเลที่เห็นว่าควรจะต้องเร่งหาวิธีช่วยเหลือมนุษย์เรือเหล่านั้นให้พวกเขาพ้นทุกขเวทนาโดยเร็วที่สุดกับฝ่ายที่ตั้งอยู่บนบก ที่เห็นว่าเราควรตั้งอยู่บนความมั่นคงและดูแล "คนของเรา" และผลประโยชน์ของชาติเราไว้เป็นหลักมากกว่าไปเห็นอกเห็นใจใครก็ไม่รู้ที่ลอยทะเลมา ส่วนใหญ่ก็โดยความสมัครใจด้วยซ้ำ

ไม่ว่าจะมีความเชื่อทางสังคมการเมืองเหลืองแดง จะศรัทธาในสิ่งใด ซาบซึ้งอยู่หรือตาสว่างอย่างไร แต่สำหรับประเด็นเรื่องโรฮีนจาแล้ว คล้ายว่าทุกคนถอดเสื้อถอดสีและแว่นอุดมการณ์ออกหมดแล้ว ไปยืนคละกันใหม่คนละฝั่ง ซึ่งแต่ละฝั่งมีทั้งสองสีสองฝ่ายอยู่ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน

มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดกันหนอ ผู้คนที่เพิ่งจะ Pray for Nepal กันไปหมาดๆ ทว่าคนกลุ่มเดียวกันนั้นเองบางส่วนที่ยื่นคำขาดขึ้งเครียดว่าควรผลักไสเรือมนุษย์ให้ออกไปไกลจากแผ่นดินของเราได้ไกลและเร็วเท่าไรยิ่งดีและยังลามไปเย้ยหยันเสียดสีผู้คนที่เห็นควรไปในทางที่จะช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวโรฮีนจาด้วย - ทำไมกัน?

มีข้อสังเกตส่วนตัวว่า แม้มนุษย์ทั้งหลายนั้นจะมีความเอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่ "ใจเขา" ที่มนุษย์ส่วนมากนิยมเอามาใส่นั้น จะเป็น "ใจเขาที่เรามีส่วนร่วม"

นั่นคือ เรามีโอกาสอย่างมากที่จะเอา "ใจเรา" ไปวางใน "ใจเขา" หาก "เรา" มีความพ้องตรงแม้สักส่วนใดส่วนหนึ่งกับ "เขา" ไม่ว่าจะเป็นคนชาติเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน นับถือศาสนาเดียวกัน มาจากท้องถิ่นเป็น "คนบ้านเดียวกัน" บางครั้งก็เป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยเช่น เชียร์ฟุตบอลทีมเดียวกัน ขับรถยนต์หรือใช้โทรศัพท์ยี่ห้อเดียวกัน แน่นอนว่าลามรวมไปถึงเรื่องความคิดทางการเมืองด้วย ที่เราพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้อย่างคุ้นเคยสนิทสนมเมื่อได้ทราบว่าเขาเชียร์ลิเวอร์พูลเหมือนกัน หรือเป็นคน "สีเดียวกัน" ยินดีช่วยเหลือเจือจานกับคนแปลกหน้าหรือแม้แต่เป็นคนต่างชาติแต่ร่วมศาสนากันก็ด้วยเหตุผลนี้

จุดร่วมบางครั้งอาจจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ทั้งที่มีอยู่แล้วหรือมีโอกาสที่จะมีร่วมกันเช่นดังสำนวนไทยว่า "เข้าใจหัวอกกัน" เช่นพ่อแม่ที่มีลูกเล็กจะรู้สึกปริวิตกตามเมื่อเห็นข่าวเด็กหาย นั่นก็เพราะสามารถจินตนาการไปได้ว่า หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเราเองลูกเราบ้างจะรู้สึกอย่างไร จุดร่วมระหว่างกันไม่ว่าเรื่องใดนี่แหละ ที่จะทำให้ "เห็นเราในเขา" ที่ง่ายต่อการ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" และในทางกลับกัน หาก "ไม่เห็นเราในเขา" เอาเสียเลย โอกาสที่ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจในอีกฝ่ายหนึ่งก็ลดลงไปด้วย

ดังนั้น การปลุกปั่นด้วยวาทะสร้างความเกลียดชังที่ได้ผลเสมอ คือการกล่าวหาว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ใช่คน เป็นแมลงสาบหรือขยะแผ่นดิน หรือถึงเป็นคนก็แตกต่างจากเราเหลือเกิน เป็นพวกต่างชาติต่างผิวต่างภาษา นอกรีตต่างศาสนา เพื่อป้องกันมิให้ผู้ถูกกล่อมเกลานั้นแวบตระหนักขึ้นได้ว่าคนอีกฝ่ายที่ประจันหน้ากันนั้นเป็น "คนเหมือนกัน" และเรากำลังจะฆ่า "คนอย่างเรา" ที่อยู่อีกฝ่ายฝั่ง

เช่นนี้เอง ที่อาจจะทำให้เราบางคนนั้น "รู้สึกถึงตัวเรา" ในคนเนปาลได้มากกว่า ว่าถ้าสักวันเรานั่งกินอาหารกลางวันอยู่บ้านดีๆ เกิดแผ่นดินไหวบ้านถล่มถูกฝังทั้งเป็นเราจะรู้สึกอย่างไร แต่เรานั้นหาจุดร่วมใดๆ กับมนุษย์โรฮีนจาในเรือไม่พบเอาเสียเลย ทั้งรูปร่างหน้าตา ศาสนา เชื้อชาติ และวิถีชีวิต เราเข้าใจได้ยากว่าความลำบากแร้นแค้นหรือถูกกดขี่อย่างไรจึงทิ้งถิ่นฐานล่องเรืออย่างแออัดมาแสวงหาฝั่งที่ไม่มีใครปรารถนาให้เหยียบรู้เช่นนี้ก็แล้ว ยังจะออกเรือมาทำไม - นี่คือประสบการณ์ที่ยากต่อการทำความเข้าใจหรือมีส่วนร่วม

ไม่ต้องนับเรื่องราวข่าวคราวแง่ลบที่เคยรู้ ว่าคนที่ไม่เหมือนเรานั้นกินข้าวไม่ล้างจาน เรียกร้องขนมหวาน งานการไม่ชอบทำ ในขณะที่ "พวกเรา" คนชาติเดียวกับเรา อยู่บนแผ่นดินเดียวกับเราต่างหากหรือไม่ ที่ควรได้รับการเจือจานมากกว่ากัน รวมถึงบุคคลนามธรรมอย่าง "รัฐ" ที่เราต้องรักษาผลประโยชน์ให้ ก็เป็นรัฐเป็นชาติของเรา

กระนั้นบางคนนั้นอาจจะแอบเห็น "ความเป็นเรา" อยู่ในมนุษย์ตัวดำๆ ที่แออัดในเรือนั่น หลายคนระลึกถึงเรื่องเล่าของอากู๋อาก๋งผู้ลงเรือที่ไม่ได้มีสภาพดีกว่านี้เท่าใดนักมาจากเมืองจีนเมื่อหลายสิบปีหรือเกือบร้อยปีก่อนหลายคนอาจจินตนาการไปถึงอนาคตของประเทศที่แยกเป็นเสี่ยงๆ เพราะสงครามกลางเมือง และอาจเป็นพวกเราที่ต้องขึ้นเรือหนีตายไปบ้าง หรือบางคนอาจจะด้วยเหตุผลที่เรียบง่ายว่าเห็นสีหน้าแววตาของเด็กเล็กเด็กหญิงคนหนึ่งบนเรือที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวของตัวเองแล้วก็นึกเวทนาว่าทำไมเด็กวัยเดียวกันนั้นถึงต้องไปอยู่ในเรือที่ไม่มีทั้งน้ำทั้งอาหารและตากแดดอยู่เป็นเดือนๆ

แม้ว่ามนุษยธรรมเองก็ต้องชั่งน้ำหนักกับวิธีปฏิบัติไม่ให้ "เรา" ที่อยู่บนฝั่งต้องยุ่งยากเดือดร้อนหากคิดจะดึงเอา "เรา" ในทะเลขึ้นมาเพื่อให้ความช่วยเหลือ แต่หากใครเห็น "เรา" ใน "เขา" แม้สักแวบหนึ่ง เราคงจะคิดนานขึ้นก่อนจะย้อนถามอย่างหงุดหงิดว่า "ถ้าบ้านคุณว่างก็รับพวกเขาไปซิ - บ้านเราไม่ว่าง" หรือรั่วผรุสวาจาว่า "ยิงมันจมไปทั้งลำเถอะให้จบเรื่อง"

เพราะจุดร่วมระหว่าง "เรา" และ "เขา" นั้นก็คือความเป็น "มนุษย์" ด้วยกัน

ที่มา : //www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1432286217



Create Date : 23 พฤษภาคม 2558
Last Update : 23 พฤษภาคม 2558 9:40:08 น. 0 comments
Counter : 805 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

popcorn2519
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หวัดดีครับ สำหรับ คนที่หลงเข้ามาใน blog นี้ ^^ ตอนนี้ผมได้ทำการ แบ่ง blog ออกเป็น 3 กลุ่มนะครับ

กลุ่มแรก คือ My Blog ก็จะเป็นเรื่องต่างๆ ที่อยากจะเขียน ทั้งหนังที่ชอบ เรื่องที่อ่านมาแล้วโดน หรือ อาจจะสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน ที่อยากจะระบาย

กลุ่มที่ 2 คือ 2,900 ไมล์ ไกลบ้าน เป็นบล็อคที่สร้างมาเพื่อเขียนเรื่องราวช่วงหนึ่งของชีวิตที่จะต้องไปใช้ชีวิตในต่างแดนครับ ซึ่งสิ่งที่ผมประสบมาและถ่ายถอดอาจจะไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ก็ได้ อันนี้อาจเกิดได้จากความอ่อนแอทางภาษาซึ่งอาจจะทำให้เกิดผมเกิดความเข้าใจผิดได้ หรือเหตุการณ์และช่วงเวลาที่ตัวเองได้สัมผัส หรือสังคมที่ผมได้เข้าไปคลุกคลีด้วย แต่ข้อมูลทั้งหมดที่เขียนก็คือสิ่งที่ผมเข้าใจอย่างนั้นจริงๆครับ

และกลุ่มที่ 3 สังคม-การเมือง-การปกครอง ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่เนื่องจากช่วงหลัง มีการนำข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการเมือง สังคม การปกครอง มาใส่เยอะ ก็เลยคิดว่าน่าจะแยกกลุ่มไปจากเรื่องส่วนตัวดีกว่า

ข้อความทุกข้อความทั้งที่นำมาจากที่อื่น และที่เขียนเอง ทั้งหมดเป็นความคิด ความรู้สึกส่วนตัว และความชอบของผมเองนะครับ ไม่ได้แปลว่าต้องถูกต้องเสมอไป ฉะนั้นกรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านล่ะกัน ทุกคนสามารถโต้แย้งได้ครับ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชม และคอมเมนต์ ครับ
POP
New Comments
[Add popcorn2519's blog to your web]