25. เพื่อนเก่า
25. เพื่อนเก่า



(TONO part)


คนตัวเล็กพยายามดิ้นรนปัดป้องให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการ แก้มหอมนวลสีแดงปลั่ง ส่ายไปมาหลบปากจมูกของผมที่ตามไปพรมจูบจนทั่วใบหน้า แต่จู่ๆ เค้าก็หยุดดิ้น หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า เอ่ยคำพูดที่ท้าทายชวนงง

“อยากได้ใช่มั้ย”

“หืม?”

แทนคำตอบ สองมือเล็กบิดที่แก้มสองข้างของผมจนหน้าโย้ เขย่งตัวเองขึ้น ริมฝีปากทาบทับกับปากของผม ก่อนจะผลักอกอย่างแรงจนเกือบหงายหลัง แล้ววิ่งปรู๊ดหนีเข้าห้องน้ำ

ผมยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง ใช่ว่าเราจะไม่เคยจูบกัน แต่นี่คือครั้งแรกที่เค้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน รู้สึกวาบหวาม ตื่นเต้นระคนสุขใจ ทำอะไรไม่ถูก ทิ้งตัวลงนอนตะแคง คลี่ผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง คู้ตัวให้เล็กที่สุด ไอร้อนผ่าวๆ จากริมฝีปาก เริ่มลามขึ้นมาถึงแก้มทั้งสองข้าง ซุกหน้าลงกับหมอนนุ่มกัดริมฝีปากตัวเองจนชา สลับกับฉีกยิ้มกว้างที่สุดจนรู้สึกตาเล็กหยีลงมองอะไรแทบไม่เห็น ใครก็ได้ช่วยบอกผมที ความรู้สึกหวิวๆ วูบๆ วาบๆ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวนี้มันคืออะไร

ก่อนที่จินตนาการอันเพลิดเพลินพิสดารจะพาผมเตลิดไปไกล ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ เป็นเสียงเคาะประตูห้องน้ำจากด้านใน

“พี่โน่...ริทลืมหยิบผ้าเช็ดตัว”

“หืม...”

ผมดีดตัวขึ้น ลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัว

“ได้แล้ว”

ประตูห้องน้ำค่อยๆ แง้มเปิดออก มีเพียงมือเล็กยื่นออกมารับ อยู่ๆ ความคิดโลดโผนก็เกิดขึ้นในหัว ผมกระตุกชายผ้าไว้ แรงยื้อยุดจากชายผ้าอีกด้าน ดันประตูห้องน้ำเปิดผ่างออกอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพที่เห็นปรากฏต่อหน้าต่อตาทำเอาอ้าปากค้าง ร่างเปลือยเปล่าผิวขาวนวลเนียนไร้ที่ติมีหยดน้ำเกาะพราวอยู่ทั่วตัว

“ปล่อย!!”

มือเล็กกระชากผ้าจากมือ แรงดึงทำให้ผมเซถลาไปข้างหน้า จังหวะที่ยังไม่ทันตั้งหลัก ทำให้ร่างเราปะทะกันอย่างจัง ผมคว้าเอวของเค้าไว้ได้ทัน ก่อนหลังจะกระแทกกับผนัง ลมหายใจอุ่นของกันและกันจ่อรดอยู่บนใบหน้า เปลือกตางามหลับพริ้มอวดแผงขนตางอนงาม งามจนผมอยากจะหยุดลมหายใจของตัวเองไว้เพียงเท่านี้ ผมกอดกระชับร่างบางให้แน่นขึ้น แตะจูบแผ่วเบาที่หน้าผาก

“โอ๊ย!!”

เสียงของแข็งกระแทกโป๊กข้างทัดดอกไม้ ดวงดาวระยิบระยับหมุนวนรอบศีรษะ รู้สึกร่างตัวเองหมุนคว้างผงะหงาย ภาพสุดท้ายก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดลงเสียงดังปัง ผมเห็นขวดแชมพูขนาดใหญ่อยู่ในมือของเค้า ดวงตาดำขลับมองมาอย่างเย็นชา

...............................................................

เรานั่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้งด้วยบรรยากาศอึมครึม ผมพยายามชวนคุยเพื่อคลี่คลายบรรยากาศ เรื่องเพื่อนๆ ที่ขอนแก่นและสถานที่ๆ จะพาเค้าไปขับรถเล่นวันนี้ เค้าเองก็ไม่ได้นิ่งเงียบซะทีเดียว ตอบรับทุกท้ายประโยคคำถามด้วยคำพูดสั้นๆ “อืม...” คำพูดยาวสุดก็มีแค่ “แล้วแต่พี่โน่”

...............................................................

ผมพาเค้าขับรถเล่นไปทั่วเมือง สองมือเล็กที่โอบรอบเอวให้ความรู้สึกหนาวเยือกเย็นพิกล หนูริทพูดน้อยผิดปกติ ผมอยากขอโทษเรื่องเมื่อเช้า แต่ก็ปากหนัก หากพูดขึ้นมาก็กลัวจะว่ารื้อฟื้นให้อาย ความจริงควรเป็นผมสิที่ต้องอาย อายที่ทำไม่ดีกับเค้า…

หลังจากไหว้พระทำบุญที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองขอนแก่นหลายแห่งเพื่อความเป็นสิริมงคล ผมก็ขอแวะดูแลกิจการที่ฝากหุ้นส่วนไว้บ้าง ธุรกิจตู้เติมเงินกำลังไปได้สวย เพื่อนผมมันอุตริอะไรไม่รู้ เอารูปผมไปทำสติ๊กเกอร์มาแปะที่ตู้ นัยว่าจะช่วยเรียกลูกค้าให้มาเติมเงินเยอะๆ ผมว่ามันบ้า แต่เพื่อนยืนยันว่าได้ผลจริงๆ เอากะมันสิ เฮ้อ...

ระหว่างที่อยู่บ้านเพื่อน หนูริทดูร่าเริงแจ่มใสขึ้น พูดคุยสนุกสนานเฮฮา หัวข้อสนทนาก็หนีไม่พ้นเรื่องหน้าแตกต่างๆ นานาของผมสมัยอยู่ขอนแก่น ถึงหนูริทจะพูดเยอะขึ้น แต่ผมก็สังเกตได้ว่าเค้าเลี่ยงที่จะคุยกับผมตรงๆ

“พรุ่งนี้จะมีออดิชั่นเดอะสตาร์” เพื่อนของผมพูดขึ้นมาลอยๆ เป็นเชิงบอกเล่า

“แล้วไง คนสมัครเป็นหมื่น มึงจะมีหวังเหรอ” ผมรู้มันมีความสามารถทั้งร้องและเล่นดนตรี แต่หน้าโจรๆ ของมันกับการแข่งขันสูงขนาดนั้น ผมก็ไม่อยากให้มันคาดหวังนัก ผิดหวังมาจะได้ไม่เจ็บ

“ริทอยากไปดู” เสียงคนตัวเล็กพึมพำเบาๆ

“พรุ่งนี้เราก็กลับบ้านแล้ว” ผมพึมพำตอบกลับไป

“เออ มึงจำเก่งได้มั้ย อย่าว่างู้นงี้เลยนะ ได้ข่าวว่าเที่ยวไปหลอกพวกที่มาสมัครว่าจะพาเข้าวงการได้ กลายเป็น 18 มงกุฎไปแล้วมัน”

เก่ง...วาโย ทำไมผมจะจำไม่ได้ รูมเมทสมัย ม.ต้น เค้าเป็นคนเก่งสมชื่อ เพื่อนที่เคยดีที่สุดคนหนึ่งของผม หากจะไม่มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนไป…

...ผมตื่นขึ้นมาตอนเกือบบ่ายด้วยอาการเมาหัว มีทติ้งปาร์ตี้ส่งท้าย ม.ต้น การลิ้มลองแอลกอฮอล์ครั้งแรกในชีวิตวัยรุ่น อาการเมาค้างทำให้รู้สึกแย่จริงๆ แต่ก็ไม่เท่ากับการตื่นมาพบสภาพเปลือยเปล่าของตัวเองที่มีร่างเปลือยเปล่าของใครอีกคนกอดก่ายทับอยู่บนตัว จะเป็นใครถ้าไม่ใช่รูมเมทของผม นอกจากร่องรอยแดงช้ำกระจายเต็มทั่วหน้าอกแล้ว ร่างกายของผมคงสภาพปกติดี ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่มากเกินไปทำให้ผมหลับไม่รู้เรื่องมากกว่าที่จะกระตุ้นให้ผมสู้...กับอะไรบางอย่างที่คงทำให้เสียใจไปตลอดชีวิต อารมณ์โกรธผสมโมโห ทำให้ผมตะโกนใส่หน้าเค้า ว่าผมชอบผู้หญิงเท่านั้น และนั่นเป็นวันสุดท้ายที่เราสองคนได้อยู่ร่วมห้องกัน

ตลอด 3 ปีที่ผมไม่เคยระแคะระคายเลยว่านอกจากเค้า ทำไมผมไม่มีเพื่อนสนิทคนอื่นๆ อีก เรื่องเล่าใส่สีตีไข่ต่างๆ นานาระหว่างเรา คำล้อเลียนเรื่องผัวๆ เมียๆ ที่ผมมองว่าเป็นเรื่องตลกที่สุดแสนจะธรรมดาของเพื่อนผู้ชายที่เป็นรูมเมทกัน คู่ไหนๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ถ้ามันจะไม่เกิดจากปากของเก่งเองที่เที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าผมมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเค้าเกินเพื่อน ไม่ใช่จากการล้อเลียนด้วยความคึกคะนองตามวัย จะว่าผมไม่แคร์ก็ไม่ถูกนัก หลังเหตุการณ์วันนั้น ผมก็กลายเป็นคนเจ้าชู้จีบสาวไม่เลือกหน้า คบผู้หญิงแบบฉาบฉวยผ่านมาผ่านไปอยู่หลายคน ไม่ใช่เพราะไม่รู้ใจตัวเอง...แต่เพราะมีใครบางคนที่ผมรอคอยและเค้ารอคอยผมอยู่...

แววตาระยิบระยับของหนูริทบ่งบอกให้รู้ว่าเค้าอยากรู้เรื่องราวของเก่งไม่ใช่น้อย เรื่องเก่ายังไม่สะสาง ผมจะสร้างเรื่องใหม่ขึ้นมาให้ตัวเองเจ็บตัวเพิ่มอีกทำไม เลยตัดบทลาเพื่อนกลับเพียงเท่านั้น

……………………………………………..

“หิวมั้ยครับ”

“.........”

เมื่อคำถามที่ส่งไป ไม่มีสัญญาณตอบรับ ผมเลยตัดสินใจเอง เลี้ยวรถเข้าห้างเล็กๆ แถวบ้านเพื่อน หาอาหารเบาๆ รองท้องก่อนจะกินมื้อเย็นแบบจริงจัง

สาคูไส้หมูกับน้ำเก๊กฮวยเย็นถูกวางลงตรงหน้าคนตัวเล็ก

“ริทอยากกินลูกชิ้นปิ้ง”

ผมมองตามสายตาของเค้าไปยังร้านลูกชิ้นปิ้งใกล้ๆ ในฟู้ดคอร์ท

“ร้านนี้แป้งเยอะ ร้านนู้นหมูล้วน อร่อยกว่า”

ผมพยักเพยิดไปร้านลูกชิ้นปิ้งอีกร้านที่อยู่ไกลลิบจนสุดสายตา อารามรีบร้อน อยากเอาใจ ไม่รอช้ารีบลุกไปสั่งทันที

ระหว่างทางเดิน...สายตาของผมสะดุดเข้ากับใครบางคน เก่ง วาโย คนที่เพื่อนผมเพิ่งพูดถึงนั่งอยู่ในร้านไก่ทอดกับใครอีกคนที่ผมรู้จักดี “เซน”

จากคำบอกเล่าของเพื่อน “หลอกลวง 18 มงกุฎ” ทำให้ผมไม่ลังเลเลยที่จะเดินเข้าไปทัก ทั้งสองคนกับท่าทางเคร่งเครียดกับบทสนทนาที่ผมได้ยินไม่ถนัด

“เซน...”

“คิน..” เสียงพึมพำเบาๆ จากชายหนุ่มหน้าตาดีผิวขาวจัดที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“พี่ภาคิน...เหลือเชื่อ เป็นไปได้ยังไง บังเอิญจริงๆ โลกกลมจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่คิดเลยว่าจะเจอพี่ภาคินที่นี่”

“แล้วเซนกับ...” ยังไม่ทันจบประโยค เซนก็แทรกขึ้นมาด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยด้วยคำบอกเล่ายืดยาว

“เซนกับ เอ่อ...จะมาออดิชั่นเดอะสตาร์ แต่พอดีเจอพี่เก่ง...” เจ้าของแก้มยุ้ยฉีกยิ้มกว้าง หันไปแนะนำผมกับคู่สนทนาก่อนหน้าที่เริ่มมีท่าทีลุกลี้ลุกลน…

ได้ความว่า เซนจะมาออดิชั่นเดอะสตาร์ที่ภาคอีสาน บังเอิญเจอเก่งที่เป็นโมเดลลิ่ง เข้ามาชักชวนให้เข้าสังกัดโดยไม่ต้องประกวด คงกำลังอยู่ในช่วงเจรจาเกลี้ยกล่อมกระมัง ตรงตามกับที่เพื่อนผมเล่าไม่มีผิด

ไม่นาน เก่งก็ขอตัวกลับ โดยไม่ทักทายหรือพูดคุยกับผมซักคำ เพื่อความสบายใจ อย่างน้อยๆ เราก็เคยมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันมาก่อน ผมก็ไม่ควรฉีกหน้าเค้าต่อหน้าเซน เรื่องการตักเตือนให้เลิกพฤติกรรมก็ให้เป็นเรื่องภายหลังระหว่างเรา ผมแนะนำให้เซนไปออดิชั่นตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก ดีกว่าหาทางลัดที่เสี่ยงกับการถูกหลอก รู้สึกแปลกใจนิดๆ เค้าชอบทำกิจกรรมก็จริงอยู่ แต่เซนก็ไม่ใช่คนที่ร้องเพลงดีนัก เอาเถอะทุกคนก็มีความฝันได้ทั้งนั้น ผมเองก็ไม่ได้เก่งพอที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ใคร

เซนดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัดทันทีที่ผมขอแยกตัวไปทำธุระต่อ เดาได้ไม่ยาก เค้าคงมาออดิชั่นกับกัน ผมไม่รู้ว่าทำไมกันไม่มาด้วยหรือมาแต่หลบหน้าผม ถ้าผมยังอยู่ต่อ อีกไม่นานคงเจอกัน และคนที่อึดอัดที่สุด ไม่ใช่ผม ไม่ใช่กัน แต่คงเป็นเซนนี่แหละ

.........................................................................................

ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งถือจานลูกชิ้นปิ้งรีบกลับไปหาหนูริท กะจะเอาใจซะหน่อยกลับมาเสียเวลากับเก่งและเซน

ให้ตายเหอะ ภาพที่ผมเห็น โลกจะกลมมากไปมั้ย

เก้าอี้ที่ผมเคยนั่ง ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยใครบางคนที่เพิ่งแยกตัวจากผมในร้านไก่ทอด

“เก่ง...” ใบหน้าขาวจัดหันมามองผมด้วยความตกใจ

“เอ่อ...พี่เค้าเป็นโมเดลลิ่...”

“หนูริท...ขอโทษจริงๆ พี่มีธุระที่จะต้องเคลียร์ หนูริทกลับไปรอพี่ที่บ้านเพื่อนก่อนนะครับ”

ผมกดไหล่กำต้นแขนของคนที่กำลังจะลุกหนีไว้แน่น มือนึงกดโทรศัพท์หาเพื่อนให้มารับหนูริท บ้านใกล้แค่นี้ ไม่นานก็ถึง

ผมกึ่งเดินกึ่งลากเก่งมาที่ลับตาคน ก่อนผลักเค้าหลังกระแทกกำแพง

“เลิกพฤติกรรมแบบนี้ได้แล้ว คิดว่ากูไม่รู้เหรอ ว่ามึงกำลังทำอะไร หลอกลวงคนมันบาปนะ”

“หนูริท...น่ารักดีนะ แต่ดูยังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิง” น้ำเสียงเยาะสีหน้าแววตาไม่สำนึกซักนิด

“ถ้ามึงไม่เลิก กูจะแจ้งความ”

“ไหนหลักฐาน...หึๆ”

ก็จริงของเค้า แค่คำบอกเล่าจากเพื่อน จะหาหลักฐานอะไรมาเอาผิด ผมก็แค่ไม่อยากให้เค้าหลอกลวงใคร ยิ่งมาเห็นต่อหน้าต่อตากับคนที่ผมรู้จัก เซน แล้วที่ผมยอมไม่ได้ หนูริท

“มึงเป็นคนเก่งนะ ครอบครัวมึงก็ดี อะไรทำให้มึงเลือกเดินเส้นทางนี้”

“ยุ่งไรด้วย...มึงเพื่อนกูเหรอ ก็แค่คนเคยรู้จัก”

“กูเตือนด้วยความหวังดี กูจะเป็นเพื่อนมึงหรือไม่ นั่นก็แล้วแต่มึง แต่ไม่ว่ายังไง มึงเป็นเพื่อนกูเสมอ และจะเป็นตลอดไป”

ผมหันหลังกลับ แต่อะไรบางอย่างหยุดผมไว้ อ้อมกอดจากด้านหลังและเสียงสะอื้นไห้

“อย่าหันมา..กูไม่ต้องการความสงสารหรือสมเพชจากมึง”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ทำไมมึงไม่ลืม...”

คำถามสั้นๆ แต่กลับทำให้อ้อมกอดกลับกระชับยิ่งกว่าเดิม

“พอเถอะ กูต้องการแค่นี้ ถ้ามึงบอกว่ากูเป็นเพื่อน ก็ยืนเฉยๆ กูขอร้อง”

ผมแกะมือเค้าออก ประคองแก้มแดงจัดที่ชุ่มด้วยน้ำตา ซับให้เบาๆ

“กูขอโทษ”

“ดูแลดีๆ นะ คนที่มึงละเมอถึงทุกคืนน่ะ” ปากแดงพยายามฝืนยิ้มทั้งน้ำตา

“หืม...”

“หนูริทของมึงไง กูนอนฟังทุกคืน...ได้เห็นตัวจริงซะที หึๆ”

“เชี่ย...กูอายเป็นนะ ลืมๆ มั่งก็ได้” ผมขยี้หัวเก่งเบาๆ ความรู้สึกคั่งค้างที่ผ่านมานานหลายปีดูจะคลี่คลายลงได้บ้าง เราแลกเบอร์กันก่อนจาก

“มึงโสดป่าววะ”

“เสือกไร”

ผมมองใบหน้าขาวแก้มแดงจัด ที่คิดเข้าข้างตัวเองว่า ไม่ใช่แดงเพราะร้องไห้ แต่เค้ากำลังเขิน


“เชี่ยคิน มึงจะชวนกูปีนต้นงิ้วเหรอ”


“ป๊าว...ไม่มีไร๊ แค่จะบอกว่าเพื่อนมึงน่ะแข็งแรงนะ มีไรให้ช่วยก็บอก ฮ่า...”

.........................................................................








Create Date : 13 ธันวาคม 2554
Last Update : 13 ธันวาคม 2554 1:33:06 น.
Counter : 496 Pageviews.

0 comments

Phoenix_x
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เราเป็นคนขี้เกียจแล้วก็ชอบนอนมากๆ
วันๆ เราไม่ทำอะไรเลย เคลื่อนไหวได้ด้วยแรงเฉื่อย

ธันวาคม 2554

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
13 ธันวาคม 2554