ขอฟีน่านอกเรื่องจากนิยายสักนิดค่ะ เพราะหลังจากที่จิตใจปั่นป่วนและหดหู่ใจกับสถานการณ์ของบ้านเมืองที่บอกตรงๆว่าดูข่าวไปก็ร้องไห้ไปหลายคน หากแต่วันหนึ่ง ข่าวที่คนในกทม.ทั้งหลายรวมใจกันทำเพื่อพลิกฟื้นกทม.ก็ทำให้ฟีน่าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปด้วยคืองานวันทำความสะอาด กทม.ค่ะ เรื่องราวและความประทับใจดีๆจะเป็นเช่นไร ฟีน่าจะเล่าให้ฟังค่ะ กาทู้นี้จะยาวมาก ใครอยากอ่านทำใจนิดหนึ่งนะคะ แต่ขอเริ่มด้วยคลิปวีดีโอนี้ก่อนค่ะ ชอบมากเลยค่ะ ในสถานการณ์แบนี้มีเพลงและคลิปมากมายแต่อันนี้เป็นคลิปหนึ่งที่กินใจฟีน่ามากๆพูดตรงๆว่าหลังเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านเข้ามาในประเทศไทยจนถึงขีดสุดในวันที่ 19 พ.ค. หลายครั้งที่ฟีน่าอาจจะยังสงสัยว่าคนไทยจะยังรักกันเหมือนเดิมอีกไหม ประเทศไทยของเราจะเดินไปทิศทางใด แต่ ณ วันนี้ วันที่23 พ.ค. วันที่กทม.ได้เลือกให้เป็นวันทำความสะอาดใหญ่ของกทม. จากที่คนกทม.มากมายต้องการจะช่วยกันทำให้เมืองที่น่าอยู่ของเรากลับมาเป็นกรุงเทพเมืองฟ้าอมร ฟีน่าและเพื่อนก็เดินทางไปร่วมด้วยค่ะ จากข่าวสารตามช่องๆ ที่ให้ทุกคนที่มีใจเดียวกัน สีเดียวกันมารวมกันที่ลานพระรูปรัชกาลที่หก หน้าสวนลุมพินีกันตอนเก้าโมง ฟีน่าออกจากบ้านแต่เช้า แต่รถเมล์ที่นั่งก็ไปถึงแค่แยกนราธิวาส เราสองคนก็ลงเดินเท้าเข้าไปในเส้นสีลม ตั้งแต่เกิดมาฟีน่าก็ไม่เคยเห็นถนนเส้นนี้ปราศผู้คนและรถราได้ขนาดนี้ เราสองคนเดินไปคุยไปถึงบ้านเมืองจนไปถึงหน้าสวนลุมตอนแปดโมงครึ่ง ผู้คนมากมายที่มาจากทั่วทุกสารทิศค่ะ สองสาวยืนเก้ๆกังๆ ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร จนมีคุณน้าคนหนึ่งบอกให้ไปลงทะเบียนเพื่อรับหมวกมาไว้กันแดด หลังจากฟังท่านผู้ว่ากล่าวถึงงานคร่าวๆ ตอนนี้ก็ได้ลงมือทำงานค่ะ ฟีน่าไม่รู้หรอกค่ะว่าเขาแบ่งกันไปทำอย่างไร แต่จากเท่าที่เห็นในตอนนั้น สายแรกไปทำในเส้นสีลมขาเข้าและออก สายที่สองคือตั้งแต่หน้าสวนลุมไปจนถึงเพลินจิต ชิดลม ฟีน่ากับเพื่อนไปในสายนี้ค่ะ ในใจที่คิดไปในสายนี้คือ ฟีน่าอยากไปดูเซ็นทรัลเวิร์ลค่ะ สถานที่แห่งความทรงจำ สองสาวที่ไม่มีอุปกรณ์ทำความสะอาดใดๆติดตัวมาเพราะไม่สะดวกในการขน มีเพียงผ้าขี้ริ้ว แปรงเล็กๆ คัตเตอร์และใจ ก็ได้พบน้ำใจของคนไทยเริ่มแรกตั้งแต่มีคนมาคอยยืนแจกผ้าปิดปาก เลยไปอีกนิดหน่อยก็จะมีครอบครัวเล็กๆมายืนแจกน้ำเปล่า ที่จะพบได้ตลอดทางการทำความสะอาดของพวกเรา คุณเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ค่ะ เผอิญไม่มีรูปตัวเองเพราะถ่ายแต่รูปชาวบ้านค่ะการทำความสะอาดของพวกเราก็เริ่มจากการตัดเชือกที่ห้อยระโยงระยางไว้เต็มไปหมด ทั้งป้ายรถเมล์ เสาไฟฟ้า ต้นไม้ และทุกๆที่ที่เอาไว้ทำอะไรบ้างอย่าง แต่ด้วยความว่าเห็นคนทำมากแล้วก็ค่อยๆเดินผ่าน สวนลุม จนไปถึงรถของสน.เขตยานนาวาที่แจกอุปกรณ์ทำความสะอาด ฟีน่ากับเพื่อนก็หยิบที่ขัดพื้นมาคนละอัน เป็นอาวุธประจำกายของพวกเราทั้งสอง แต่ยังไม่ใช้ประโยชน์อะไร แต่รอบข้างทุกคนกำลังลงมือเก็บขยะ จากเกาะกลางถนน ขัดถูเสา กำแพงที่การติดสติกเกอร์ และพ่นคำพูดมากมายกันอย่างขมีขมัน จนฟีน่าไปบริษัทบางกอกเคเบิ้ล ก็ได้เริ่มลงมือทำจริงจังล่ะเพราะขยะตามฟุตบาทเริ่มมากขึ้น ที่ขัดพื้นก็แปรเปลี่ยนเป็นไม้กวาด กวาดไปพอสะอาดไม่เกะกะ เพราะเราไม่มีถุงดำ ไม่มีโกยผง ไม่ต้องบอกว่าสกปรกแค่ไหน เพราะขยะที่ไม่ได้เก็บและทำความสะอาดพื้นที่มาหลายวัน ทั้งเสื้อผ้าที่ไม่ได้เก็บไป เปียกน้ำ เปียกฝนส่งกลิ่นไม่น่าพิสมัย อาหารบูดเน่าตามกล่อง ตามพื้น เศษซากพืชผักมากมายที่ทิ้งขว้าง ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ขวดเบียร์ ขวดเหล้า ขวดโซดา เศษผ้าอนามัย เศษแก้วทั้งจากขวดแก้วที่ถูกขว้างปาด้วยเหตุใดมิอาจทราบได้ เศษหลอดไฟ ไม้ไผ่เหลาแหลม และมากมายเต็มไปด้วยขยะ แหล่งบ่มเพาะเชื้อโรคร้ายมากมาย สุขลักษณะไม่ไหวเลยค่ะ เพราะนอกจากขยะก็ยังมีกลิ่นของเสียจากร่างกายมนุษย์ปะปนมาด้วยค่ะ เราสองคนก็เดินไปคุยไป ทำไปพร้อมกับคนไทยที่รักเมืองไทยมากมาย น้ำใจที่พบเห็นได้ทั่วทุกที ยามที่สองสาวเอื้อมไปตัดเชือกไม่ถึงก็จะมีคนตัวสูงกว่ามาช่วย เริ่มต้นปฏิบัติภารกิจแล้วค่ะขยะจะมากมายกองสูงแค่ไหน สู้น้ำใจคนไทยไม่ได้ค่ะอีมห์ๆๆ จน เครียด กินเหล้าฟีน่าและเพื่อนเดินทำไปเรื่อยๆจนถึงไปหยุดแบบจริงจังตรงโรงแรม Four season เพราะออฟฟิศดั่งเดิมเคยอยู่ในซอยข้างๆโรงแรมนี้และตรงสวนหน้าโรงแรมน่าจะเป็นที่พักของบรรดาพระสงฆ์ค่ะ เพราะมีแต่จีวรพระเหลืองไปหมด จนเหมือนเป็นสำนักสงฆ์หรืออะไรสักอย่าง ลุยกันขึ้นไปตัดเชือก เก็บกวาดขยะ แม้ในใจจะกลัวๆบ้างเพราะมีต้นไม้อยู่กลัวจะเจอของไม่ค่อยดีเข้าค่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เก็บตามความสามารถของเราภาพนี้ไม่ขอบรรยายแล้วกันค่ะบนถนนราชดำริมีแต่ขยะค่ะ เรียกได้ว่าทุกมุมจริงๆมีไปอีกหนึ่งรูกระสุน เพื่อเติมชีวิตที่ดีกว่า(ตรงไหน)เก็บๆๆ ตรงนั้นเสร็จเราก็ลงมา กวาดถนน เก็บขยะไปเรื่อยๆจนถึงสี่แยกราชประสงค์ค่ะ เราสองครั้งก็หยุดพักเพราะเหนื่อยและหิวน้ำ หิวข้าวล่ะ น้ำใจคนไทยแสนน่ารักก็มาถึง ตรงกลางสี่แยกราชประสงค์มีคนนำน้ำมาแจกมากมาย รวมไปทุกหลายๆอย่าง สองสาวขอพักร้อนกลางสี่แยกที่ปกติพลุกพล่านไปด้วยรถรากลับมีแต่ผู้คน ฟีน่าปล่อยให้เพื่อนไปหาอะไรกิน ส่วนตัวเองปลีกตัวไปที่เซ็นทรัลเวิร์ลค่ะ เพื่อถ่ายสถานที่แห่งความทรงจำของฟีน่า มันน่าหดหู่มากกว่าที่เห็นจากในทีวี ฟีน่ายืนมองห้างที่บอกได้เลยว่าตัวเองใช้ชีวิตกับที่นี้มากกว่าห้างอื่น รำลึกถึงความทรงจำสักครู่ก็หลบแดดไปหามุมกินข้าวค่ะ ฟีน่าเอาข้าวกล่องมากินเองเพราะคิดว่าที่นี้คงจะหาของกินได้ยากและก็จริง แต่น้ำ ขนม ของกินเล่นมากมายจนกินไม่หมดค่ะ ฟีน่าขึ้นไปบันสะพานที่ข้ามจากเซ็นทรัลเวิร์ลเข้าสู่เกสรพลาซ่า บนนี้เราได้พบชาวต่างชาติคนนี้ที่ขมีขมันในการเก็บขยะบนสะพานลอยจนเป็นที่สะดุดตาของทุกคน นักข่าวและช่างภาพอิสระต่างๆพากันเก็บภาพเขากันมากมาย ถึงคุณจะเผา เราก็จะสร้างใหม่ จากหัวใจไทยทุกคนค่ะวันนี้ไม่ใช่แค่คนไทยที่มีทั้งเด็ก วัยรุ่น คนวัยทำงาน คนสูงวัย คนพิการที่บ้างคนขาของเขาไม่เอื้ออำนวย คนแคระ แต่มีชาวต่างชาติมากมายที่เข้าร่วมช่วยกันทำความสะอาดด้วยค่ะ ฟีน่ากินข้าวสักพักก่อนจะลงมาหางานทำต่อ ตอนนี้เริ่มได้ทำงานแบบหนักหน่วงแล้วค่ะ เมื่อรถน้ำของกทม.ที่กำลังฉีดน้ำที่แยกราชประสงค์ คนมากมายก็ลงมือช่วยกันขัด ช่วยกันกวาด แต่ตรงนี้มีแต่น้ำมันค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าตรงนี้คือที่ตั้งของเครื่องปั่นไฟ เราช่วยกันขัดนานมาก ผงซักฟองมากมายถูกโรยลงไป หรือแม้แต่โซดาไฟก็ยังมี แต่ก็ล้างน้ำมันเครื่องที่เกาะได้ไม่หมด แต่ก็ยังดีกว่าจะไม่ทำอะไรชื่นใจค่ะ เหนื่อยแค่ไหนไม่ท้อค่ะ คนไทยรักกันเสมอค่ะตรงนี้ใครไปขัดก็จะได้พบกับแกนนำม็อบทำความสะอาดของพวกเราค่ะ เสียดายว่าเจ้าชื่อคุณป้าไม่ได้ แต่คุณป้าจะเป็นสีสันของการทำความสะอาดมากค่ะ จะคอยส่งเสียงเรียกกำลังของทุกคน ช่างหามุกต่างๆมาให้ขำขัน จนคุณป้ากลายเป็นคนดังไปในชั่วพริบตาไปเลยค่ะคุณป้าคนนี้ค่ะ หัวหน้าม็อบของพวกเรา ใครดูเรื่องเล่าเช้านี้ก็คงได้เห้นตอนคุณสรยุทธ์สัมภาษณ์ค่ะเรากวาดไปเรื่อย ผ่านรพ.ตำรวจ ไปสักพักรถน้ำก็เปลี่ยนไปในถนนฝั่งข้างเซ็นทรัลเวิร์ลบ้าง ก็ย้ายกันไปค่ะ ขัดไปจนถึงวัดปทุมฯค่ะ น้ำหมดอีกแล้ว แต่เพื่อนฟีน่าหิวข้าวแล้วเพราะเธอกินไปนิดหน่อย เมื่อน้ำหมด ตอนแรกก็คิดจะกลับบ้านเพราะเพื่อนอยากกินข้าว สองสาวจึงเดินไปถึงแยกเฉลิมเผ่า ตรงนี้ป้อมตำรวจโดนเผาจนไหม้ไปหมดค่ะ มีคนช่วยกันกวาดเศษกระจก เศษซากพังทลายกันอย่างแข็งขันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่สองสาวเริ่มเหนื่อย นั่งพักเพื่อวางแผนหาของกิน จู่ๆก็มีคนยื่นโยเกิร์ตและนมให้ค่ะ ดัชมิลล์นะเองค่ะ สองคนที่กำลังหิวก็จัดการอย่างหิวโหย เมื่อหมดก็เดินไปหน้าสยามค่ะ มีรถกระบะหลายคันแจกน้ำ ผ้าเย็น ขนม และมีรถคันหนึ่งของคุณป้าจากราษฏร์บูรณะทำหมูทอดกระเทียม ไก่ทอดกระเทียมมาแจกค่ะ ไปรอบแรกข้าวหมด ก็เลยกินเงาะของคุณป้าแทน โดยมีน้องคนหนึ่งคอยส่งเสียงเรียกให้คนมากินข้าวของคุณป้า รวมทั้งเงาะถุงใหญ่ๆ เมื่อข้าวหมดสองสาวก็เดินไปต่อค่ะ เอาน้ำลูบท้องกันไปจนถึงหน้าโรงหนังสยาม ฟีน่าหยุดถ่ายรูปไว้สักพักก่อนจะเดินกลับ คราวนี้ได้กาแฟแบล็คแคนยอนคนละแก้วค่ะ และตอนนี้ข้าวของคุณป้ามาแล้วค่ะ สองสาวไม่รอช้ารับมาคนละจาน ไม่มีที่กินก็ยืนกินก็ได้ค่ะ อิ่มแล้วค่ะ น้ำดื่มหาไม่ยากค่ะ มองไปที่ไหนก็มีค่ะ อิ่มแล้วมีแรงค่ะ คุณป้าคนนี้ล่ะค่ะ มาจากราษฎร์บูรณะ ทำกับข้าวมาแจก เงาะอีกต่างหาก.สองสาวกลับไปทำงานกันต่อค่ะ คราวนี้รถน้ำที่ไปขนน้ำมาเต็มอัตราก็เริ่มกันต่อตั้งแต่จากหน้ารพ.ตำรวจมาจนถึงหน้าสนง.ตำรวจแห่งชาติค่ะขัดๆถูๆ คุยๆกันไปกับเพื่อนร่วมทางหลายคน ข้างทางคุณจะพบมิตรภาพของคนที่แตกต่างกันอย่างเห็นชัด ไม่ว่าคุณจะรวยจะจน จะสวยจะไม่สวย จะเด็กจะผู้ใหญ่ เกื้อกูลกัน มีน้ำใจให้กัน ที่เห็นคือสาวสวยลูกครึ่งคนหนึ่งน่าจะโดนอะไรบาด คุณป้าคนหนึ่งก็กุลีกุจอจะไปหายามาให้ใส่ แต่พอดีฟีน่ามีพลาสเตอร์ปิดแผลอยู่เลยยื่นส่งให้ คุณป้าก็จัดการปิดแผลให้และก็ยืนคุยกัน ตรงนี้ระหว่างที่ขัดก็ได้เสียงเฮ ฟีน่าก็หันไปดูจึงได้เห็นขวัญใจตัวเองค่ะ คุณสรยุทธ์ออกพื้นที่มาทำข่าว และไม่พลาดจะสัมภาษณ์หัวหน้าแกนนำทำความสะอาดด้วยค่ะและลงมือมาทำความสะอาดนิดหน่อยพอเป็นพิธีคุณสรยุทธ์กับการสัมภาษณ์คนมาช่วยกันทำความสะอาดหลังจากคนดังผ่านไปเราก็มุ่งมั่นขัดพื้นกันต่อไป ความทรมาณที่แท้จริงเริ่มต้นแล้วค่ะ รองเท้าเริ่มทำพิษ แต่ไม่เท่าน้ำร้อนๆค่ะ เพราะน้ำที่ฉีดลงพื้นซีเมนต์ในตอนเที่ยงวันมันร้อนมากค่ะ ทั้งดำและสกปรกเต็มไปด้วยเชื้อโรค แถมด้วยฟองน้ำผงซักฟอก นึกง่ายๆก็คือกาแฟร้อนใส่ฟองนมค่ะ ยังไงยังงั้น แต่เราไม่ท้อค่ะ คิดเสียว่าน้ำร้อนเชื้อโรคไม่มี แต่เท้าจะสุกเอา ขัดจนถึงแยกเฉลิมเผ่าเราก็เลี้ยวเข้าถนนอังรีดูนังต์ค่ะ ขัดๆๆๆ กันไปแบบไม่ต้องคิดมาก กาแฟร้อนใส่ฟองนมก็ท่วมมาถึงข้อเท้า เหนื่อยก็พักดื่มน้ำที่มีคนคอยหยิบยื่นให้ตลอดทาง ขัดไปจนถึงหน้าแยกแถวโคคาก็เลี้ยวมาขัดฝั่งโคคาบ้าง ไม่ต่างกันค่ะ น้ำร้อนเท้าแทบสุก เพื่อนร่วมขัดบางคนเริ่มส่งไม้ขัดให้ต่อกันเพราะบางคนมีธุระ แต่ฟีน่ากับเพื่อนยังอึดอยู่ขัดๆๆๆ ไปจนเสร็จสิ้นค่ะ เอ้า กาแฟร้อนสตาร์บัคส์มาบ้างค่ะ แต่ไม่ได้ลองชิมเพราะตอนนี้อยากกินน้ำเย็นๆมากกว่าค่ะ ไม่ต้องหานานค่ะ มาถึงมือค่ะ ไอติมเย็นๆก็มีค่ะ ขนมนมเนยไม่อั้น บางคนลงแรงไม่สะดวกก็ลงเงินซื้อน้ำซื้อขนมเล็กน้อยๆ แต่รวมกันหลายๆคนแล้วยิ่งใหญ่มาแจกให้ค่ะ อิ่มไปเลยค่ะ คราวนี้เราวกกลับไปหน้าวัดปทุมต่อค่ะ แต่บางส่วนไปที่แยกเพลินจิตค่ะ ฟีน่ากับเพื่อนหยุดพักกินไอติมหน้าวัดปทุมก่อนจะลงมือช่วยขัดสักพัก ล้างความหวานด้วยโออิชิกรีนทีที่มาจอดรถแจกฟรี ก่อนจะเดินไปแยกเพลินจิตค่ะ เดินไปจนถึงข้างเซ็นทรัลเวิร์ลหยุดถ่ายรูปป้ายฟิตเนสที่ตัวเองมาเล่น เดินเรื่อยๆไปตามทาง จนไปถึงแยกชิดลมหน้าเซ็นทรัลชิดลม ตรงจุดนี้มีการเผายางกันอย่างมากเลยค่ะ เพราะมันเหม็นยางสุดๆค่ะ เหม็นกว่าทุกที่ที่ผ่านมา เมื่อลงมือขัดแยกชิดลมก็จะได้รับรู้ถึงความสกปรกมากยิ่งขึ้นค่ะ เพราะขัดเท่าไรก็ไม่ออก โดยเฉพาะหน้าป้อมตำรวจตรงแยกชิดลมค่ะ ยางที่ระดมเผามันฝังติดลงบนพื้นถนนค่ะ มองไปข้างบนรางรถไฟฟ้า ก็มีแต่เขม่าจากยางรถค่ะ ส่งกลิ่นยางไหม้คละคลุ้ง ตรงนี้จะเจอคนมุงอะไรสักอย่างนิสัยขี้สงสัยถึงเข้าไปดูบ้าง ก็งงว่าใครฟะมีคนรุมถ่ายรูป หันมาถามเพื่อนถึงได้รู้ว่าคือเดอะสตาร์แต่อย่าถามว่าชื่ออะไรเพราะฟีน่าไม่สนใจค่ะแต่ที่จำได้คือคุณถกลเกียรติ วีรวรรณค่ะ ถนนสีดำเหมือนใจคนเผาค่ะ แต่น้ำใจคนไทยก็มาช่วยกันอย่างเต็มที อ่ะคนดังไม่สนใจเท่าไรไปขัดถูทำความสะอาดกันดีกว่าค่ะ ขัดถูกกันยาวนาน จนน้ำหมดและแกนนำก็ให้ไปที่หลังสวน ฟีน่ากับเพื่อนเดินไปได้ครึ่งทางก็ถอดใจค่ะ เพราะสี่โมงเย็นแล้ว ก็คิดว่าต้องกลับบ้านแล้วเพราะบ้านฟีน่าอยู่ไกลกลับช้าไม่สะดวกเลย แต่เมื่อกลับมาถึงแยกชิดลม หน้าป้อมตำรวจ ก็ยังมีคนช่วยขัดอยู่อีก ฟีน่ายังไม่อยากกลับบ้านเลยช่วยเขาขัดแยกชิดลมกันต่อ ตรงนี้จะเจอคุณป้า คุณน้า คุณลุง พี่ๆ ชาวต่างชาติช่วยกันขัด คุณป้าบางคนบ้านอยู่แถวนี้ คุณน้าบางคนลูกเรียนอยู่ที่มาแตร์ก็มาช่วยกันขัด มีคุณป้ายื่นผ้าเย็นให้เช็ดหน้าเช็ดตา ระหว่างที่ฟีน่าขัดๆ จนถึงเวลา เก็บไม้กวาดละ มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมายื่นโอวัลตินและขนมให้ น้ำใจของน้องๆน่ารักเสมอค่ะ และตรงนี้เซ็นทรัลชิดลมก็เอารถน้ำของตัวเองมาช่วยฉีดให้คนที่กำลังทำความสะอาดได้สะดวกขึ้นค่ะ เอาล่ะงานนี้สองสาวหมดแรงจริงๆค่ะ และเย็นมากแล้ว เราทำกันตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นแล้ว เท้าระบมสุดๆแล้วค่ะ ก็เดินกลับเพื่อหวังจะหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลาะน้ำสกปรก เสื้องี้ขึ้นขี้เกลือเลยค่ะ ไม่ต้องบอกว่าตัวเองจะกลิ่นเช่นไร เดินย้อนกลับเรื่อยๆแต่ไม่มีที่ไหนพอจะเปลี่ยนเสื้อผ้าได้จนถึงเกษรพลาซ่าค่ะ ตรงนี้มีคนมุงกันเพียบ แวะไปดูหน่อย เจอคุณปัญญา นิรันดร์กุล และคุณตุ้ย ธีรภัทรมั๊งค่ะถ้าจำไม่ผิด มองๆแต่ไม่ได้สนใจเพราะหนูจะกลับบ้าน ข้ามมาหน้าองค์พ่อพรหมที่ไม่คนเลยค่ะ สองสาวที่หมดแรงข้ามไปนั่งที่เกาะกลางถนน จัดการทำความสะอาดตัวเองคร่าวๆค่ะ เพราะขามีแต่น้ำสกปรกและแช่น้ำมานานค่ะ ไม่รู้มีเชื้อโรคอะไรบ้างค่ะ พระเจ้าเท้าที่ถอดออกจากรองเท้า ซีดและเป็นสองสีค่ะ อิๆๆๆ เช็ดพอให้หายสกปรกก็เดินหมดแรงกันไปเรื่อยๆ เหมือนขามา จนไปถึงแยกศาลาแดงเพื่อนั่งรถเมล์กลับบ้านค่ะ ไม่มีที่ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าก็ช่างมันค่ะ คนนั่งข้างๆก็ทนหน่อยแล้วกัน 5555 แต่ความเหนื่อยและเริ่มมืดดันขึ้นรถผิดค่ะ ต้องลงและต่อรถใหม่ค่ะ โชคดีว่าไม่ต้องรอนานแต่ว่าฝนมาแล้วค่ะ ไล่หลังเรามาเลย จนต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ไม่รู้ว่าคนที่ยังทำความสะอาดแยกราชประสงค์จะเป็นไงนะ เพราะยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะค่ะ เพราะบางคนเลิกงานแล้ว แดดร่มลมตกแล้วค่ะ และเหมือนโชคช่วยค่ะ รถแท็กซี่จอดหน้าตึกฝนลงค่ะ เลยไม่เปียกเท่าไร แต่กลัวจะเป็นหวัดแดดแทนค่ะ เพราะเริ่มปวดหัวและเท้าก็เจ็บชะมัดเลยค่ะ ต้องรีบแช่น้ำอุ่น หยอดตาเพราะบางครั้งขัดพื้นก้จะมีน้ำกระเด็นเข้าตาบ้าง ในที่สุดก็จบวันทำความสะอาดกรุงเทพของฟีน่าค่ะ ตบท้ายว่าวันจันทร์และอังคารเท้าและมือพองหมดค่ะ 555 มือพองเพราะจับด้ามไม้กวาดทั้งวัน ส่วนเท้าพองเพราะแช่น้ำร้อนนานมาก นี้ล่ะคะสภาพเท้าหนุฟีน่าตอนจะกลับบ้านค่ะ ความทรงจำ ความประทับใจและตื้นตันใจที่ได้เห็นคนไทยออกมาร่วมพลังรักกรุงเทพกันไม่จบลงค่ะ ฟีน่ายังเชื่อว่าคนไทยยังรักกันเสมอค่ะ น้ำใจคนไทยยิ่งใหญ่ค่ะ ชาวต่างชาติที่ได้เห็นก็คงจะประทับใจไม่ต่างจากเราค่ะ แรงมีช่วยแรง เงินมีช่วยเงิน ใครมีอะไรก็เอามาช่วยกันค่ะรักกันไว้นะคะคนไทย แล้วเราจะฝ่าฝันอุปสรรคไปด้วยกัน เรามีสีเดียวกัน เลือดไทยเหมือนกันค่ะ รู้รักสามัคคีแบบที่ในหลวงบอกพวกเราค่ะ ทำให้ไทยเป็นสยามเมืองยิ้มเช่นเดิมค่ะ วันนี้ใครอาจจะกวาดน้ำสกปรกมาใส่อีกคน เหยีบบเท้าใครบ้างตอนทำความสะอาด ไม้กวาดไปฟาดโดนคนอื่น ทุกคนต่างมีคำว่าขอโทษและไม่เป็นไรค่ะ และยังยิ้มให้กันเสมอ ไม่มีใครโกรธใครแม้แดดจะร้อนเปรี้ยงแค่ไหน ฟีน่าบอกได้เลยว่ามั่นใจว่าคนไทยรักกันเสมอค่ะ