แบกกระเป๋า หนีเที่ยวอัมพวา (ต่อ)
ไปเที่ยวกันต่อนะค่ะ
หลังจากที่ฝากสัมภาระ (แถมหนักมาก) ไว้ที่บ้านลุงตือแล้ว ก็เหลือเพียงแค่ร่มกันแดด กะกระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์มือถือ ส่วนอุปกรณ์เสริมที่ต้องพกไปเป็นกรณีพิเศษคือ ผ้าเย็น ผ้าเปียก (แบบใช้แล้วทิ้ง) ผ้าเช็ดหน้าที่ชุบน้ำสำหรับโปะคอ (ขอแนะนำให้พกถุงผ้าไปด้วย เวลาซื้อของที่ตลาดจะได้ช่วยกันอนุรักษ์ลดการใช้ถุงพลาสติก)
เดินออกทางด้านหลังไปตามถนนเล็กๆ ข้ามสะพานเลี้ยวซ้าย แล้วเดินเลียบตามบ้านเรือนริมน้ำไปเรื่อยๆ ร้านค้าขายของจะมีตลอดสองฝั่ง จะมีสะพานข้ามเพียง 3 แห่ง แต่สำหรับคนเดินเพียง 2 แห่งเท่านั้น จุดแรกจะอยู่ใกล้บ้านพัก ฐาณิชฌา เดินเลยทางโค้งจากสะพานมาหน่อย จุดที่สองจะอยู่ที่ตลาดเลย เวลาเดินชมแนะนำให้เดินเป็นวงกลม ขาไปเดินฝั่งขวา ขากลับเดินฝั่งซ้าย จะได้เที่ยวได้ครบ
ร้านค้าในช่วงแรกจะเป็นของจำพวกโชว์ห่วย ของเล่น ขนมสมัยเมื่อ 20 กว่าปีก่อน อย่างพวกเจลลี่สติ๊ก (ถ้าใครจำโลโก้สิงห์โต ที่หน้าตาคล้ายๆ โคโดโม) ขนมไข่จิ้งจก แล้วก็ของเล่นจากสังกะสี ไฟเย็น หิ่งห้อยจำลอง เสื้อผ้าสกรีนโลโก้อัมพวา มีสารพัดแบบให้เลือก
แวะจอดที่บ้านครูเอื้อ นักดนตรี+นักร้องทรงคุณค่า ยืนมองๆ เหล่ๆ ว่ามีเพลงอะไรที่ยังพอจะร้องได้บ้าง ก่อนจะตัดใจเดินออกมา เพราะหิวข้าว ข้างบ้านครูเอื้อเป็นซอยเข้าโครงการอัมพวา-ชัยพัฒนานุรักษ์ แต่ตอนกลางวันยังไม่มีอะไร เดินเข้าไปชมรอบๆ แล้วก็ผ่านได้เลย ไว้ค่อยมาใหม่ตอนเย็นๆ
พอยิ่งเดินเลยขึ้นไปจะเป็นร้านขายอาหาร สเต็ก ปลาหมึกย่าง หอยดอง น้ำพริก และจุดขายเรือล่องไหว้พระ ค่าเรือท่านละ 50 บาท ชมหิ่งห้อย จำราคาไม่ได้ค่ะ เพราะปกติจะเหมาเรือชมหิ่งห้อยไปเลย 600 บาท เพราะจะได้เลือกเวลาเที่ยวชมเอง เวลาช่วงที่เหมาะสมในการไปดูหิ่งห้อย ประมาณ 2 ทุ่มครึ่งไปแล้ว เพราะเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ลาลับ และบรรยากาศเริ่มเย็นสบาย แสงจากหิ่งห้อยจะเห็นได้ชัดเจนมากกว่า ยิ่งช่วงวันที่ฝนตก พอกลางคืนจะเห็นหิ่งห้อยเยอะมากๆๆๆ เหมือนมีใครเอาไฟกระพริบมาประดับต้นคริสตมาสเลย
เดินจนถึงสะพานที่ 2 จะมีทางเลือก 3 ทาง คือ 1. เลี้ยวขวาไป อุทยาน ร.2 จะมีขายพวกของแห้ง ขนมไทย ผลไม้ 2. ตรงไปจะเป็นตลาดน้ำ แต่สุดทางจะเป็นทางตัน เส้นทางนี้คนเยอะ เดินต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะกระเป๋าสตางค์ แล้วก็เวลาเดินต้องดูทางด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวพลาดตกลงไปในน้ำได้ 3. ข้ามสะพาน จะเป็นตลาดเทศบาล อาหารการกินตลอดสองข้าง สำหรับตลาดเทศบาลแนะนำว่าให้มาเดินหลัง 6 โมงไปแล้ว เพราะพ่อค้าแม่ค้าจะมาขายจนเกือบถึงสถานีตำรวจ
ร้านกาแฟหัวมุมสะพาน เป็นร้านที่ชอบเอาไปโฆษณาพอสมควร แต่อย่าหวังจะหาที่นั่งได้ง่ายๆ เพราะร้านเปิดยังไม่ทันไรเก้าอี้ก็เต็มแล้ว ส่วนถ้าใครอยากนั่งทานอาหารแบบสบายๆ ก็แนะนำ 2 ร้าน คือร้านข้าวแกง+ขนมจีนป้าแจ๊ค กับร้านกำปั่น เพราะมีที่นั่งด้านใน แถมพัดลมด้วย ร้านกำปั่นด้านหน้าจะมีเคาน์เตอร์ขายน้ำ และขนมของฝาก น้ำที่ขายนอกจากชา กาแฟ คาปูชิโน เอสเพรสโซ่ ก็ยังมีที่เรียกว่า น้ำมะเน็ด คือ น้ำโซดาผสมน้ำหวาน มีเป็น 10 อย่างให้เลือก เท่าที่ลองชิมมาก็ต้องบอกว่า.......... (หุ หุ อยากรู้ว่ารสชาดเป็นอย่างไรต้องไปลองเอง )
แต่ถ้าอยากกินเอาบรรยากาศต้องนั่งบนบันได สั่งอาหารจากแม่ค้าในเรือขึ้นมานั่งทาน รสชาดอาหารธรรมดาแต่อร่อยตรงที่ต้องนั่งยองๆ ลงไปกินนี่แหละ ค่าอาหารในร้านกับเรือต่างกันเกือบเท่าตัว
ร้านค้าขายของก็จะเป็นของที่ระลึก เสื้อ หนังสือ ที่ห้อยของตกแต่ง ขนมไทยอย่าง เสน่ห์จันทร์ ทองเอก ขนมลูกชุบ และที่ไม่เคยเห็น แต่ได้ยินมาตั้งแต่สมัยเรียนประถมคือ มะม่วงหาว มะนาวโห่ เค้าเขียนมาอย่างนี้ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่รสชาดสุดยอดเลย ทั้งหาว ทั้งโห่แทบไม่ทัน ซื้อมาไปแกล้งคนในออฟฟิสเล่น นอกนั้นก็จะมีพวกแช่อิ่มทั้งหลาย เช่น มะเขือเทศ มะนาว มะระขี้นก กระชาย มะกรูด มะเฟือง ลองนึกรสชาดดูนะ ว่าอันไหนจะอร่อยที่สุด
ส่วนรูปประกอบก็ขยับไปดูอีกหัวข้อแล้วกันนะค่ะ จะทยอยแปะให้ พยายามเรียงลำดับไปเรื่อยๆ เพราะต้องไปอัมพวาหลายรอบเลย
Create Date : 28 พฤษภาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 13:52:37 น. |
Counter : 1035 Pageviews. |
|
|
|