-'@'-Journey Of Love-'@'- เมื่อหัวใจเดินทาง
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
25 มิถุนายน 2553
 
 
US Visa...ได้มาไงเนี้ยะ??? (ตอน 2)

หลังจากมะรุมมะตุ้มกับการทำ Online ไปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการเตรียมเอกสารกันบ้าง

คำเตือน ***เอกสารที่เราบอกไว้จะเป็นเพียงเอกสารที่แนะนำว่าควรจะต้องเตรียมไว้ ไม่ได้เป็นการระบุจากสถานฑูตว่าจำเป็นต้องมี

เพราะในเว็ปไซต์ของสถานฑูตระบุเพียงแค่ว่าให้เตรียม Support Documents แล้วทางสถานฑูตจะเป็นคนตรวจพิจารณาเอง ว่าต้องการดูอะไรบ้าง

1. รูปถ่าย ขนาด 2 x 2 นิ้ว ฉากหลังสีขาว ถ้าไปถ่ายที่ร้านถ่ายรูป ก็เพียงบอกว่า รูปถ่ายยื่นวีซ่าอเมริกา เป็นอันใช้ได้แล้ว

ถึงแม้ว่าในระบบการทำ Online จะมีการ Upload รูปถ่ายของเราลงไปแล้ว แต่ก็อาจจะมีการผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรติดไปด้วย

2. พาสปอร์ต อันนี้รวมถึงพาสปอร์ตเล่มเก่าๆ ที่มีทุกเล่ม เอามารวมกัน แต่ห้ามใช้ที่เย็บกระดาษให้ติดกันเด็ดขาด ให้ใช้เพียงหนังยางรัดประกบระหว่างปกหลังและปกแรกของเล่มเก่าเท่านั้น

3. ทะเบียนบ้านตัวจริง พร้อมสำเนา

4. สำเนาบัตรประชาชน ส่วนบัตรประชาชนตัวจริงจะใช้ตอนฝากของที่ Security ด้านหน้า

5. จดหมายการทำงาน ที่มีการระบุตำแหน่ง ระยะเวลาเริ่มตั้งแต่เข้าทำงานจนถึงปัจจุบัน อัตราเงินเดือน ช่วงระยะเวลาที่ต้องการลาพักเพื่อท่องเที่ยว และที่สำคัญ!!! ควรจะมีประโยคที่บอกว่า เมื่อเสร็จสิ้นการเดินทางแล้ว ผู้เดินทางจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในการทำงานต่อแน่นอน

ถ้าเป็นนักเรียนก็ให้ไปขอ "ใบรับรอง" จากโรงเรียนตั้งแต่เนิ่นๆ ยิ่งถ้าใกล้ช่วงปิดเทอม ควรทำให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จะขอ 2 - 3 ใบก็ดี เผื่อไว้เกิดคุณพ่อคุณแม่ใจดี พาเที่ยวอเมริกา แล้วต่อไปยุโรป

สำหรับท่านที่ทำงานเปิดร้านเป็นของตัวเอง ก็เตรียมใบจดทะเบียนการค้า ใบทะเบียนพาณิชย์ ที่มีชื่อของท่านติดอยู่ด้วย

ถาม : ถ้ายังไม่ได้งานทำละ??? แบบว่าเพิ่งเรียนจบมาสดๆ
ตอบ : อันนี้ก็เอาใบสำเร็จการศึกษามาให้เจ้าหน้าที่ดู แจ้งว่าเพิ่งสำเร็จการศึกษา ยังอยู่ในช่วงพักเหนื่อยเตรียมทำงาน (แบบว่ามีเงินให้ไปเที่ยวพักสมองอ่ะ)

6. เอกสารด้านการเงิน สมุดบัญชีเงินฝากประจำ ออมทรัพย์ กระแสรายวัน หรือพันธบัตร ที่มีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป มีเล่มเก่าก็เอาติดไปด้วย ส่วนตัวเลขจำนวนเงิน ถ้ามีถึง 11 หลักขึ้นไป อย่าเอาไปโชว์เลย เดี๋ยวเค้าหมั่นไส้ แต่เอามาแบ่งเราใช้บ้างก็จะดี ขอแค่เศษ 6 หลักสุดท้ายก็พอ

หุ หุ...สรุปเอาเป็นบัญชีที่มีเงินเข้าออก ให้เห็นการเคลื่อนไหว จะมากจะน้อยก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้มันน่าเกลียดมากนัก ไม่ใช่จะไปเที่ยวต่างประเทศ แต่มีเงินติดบัญชีไม่ถึงหมื่น รวมบัญชี 5 เล่มแล้วยังไม่พอค่าตั๋วเครื่องบิน อันนี้ก็ไม่ไหวนะ

7. ใบจองโรงแรม (ถ้ามี)

8. ใบจองตั๋วเครื่องบิน (ถ้ามี) กรณีระบุวันที่จำเป็นต้องเดินทางจริง

9. จดหมายเชิญจากที่ดูงาน ที่เรียนต่อ หรือจากญาติพี่น้องที่ท่านจะไปพำนักด้วย

10. ใบทะเบียนสมรส หรือ ใบหย่า (ถ้ามี)

11. ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี) ถ้าเปลี่ยนหลายรอบ ก็ต้องเอาไปให้ครบทุกใบด้วย เรียงลำดับการเปลี่ยนตั้งแต่เกิด จนถึงปัจจุบัน (เคยเห็นบางคนเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุลไม่ต่ำกว่า 4 - 5 ครั้ง ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนหนีหนี้ หรือบ้าเชื่อหมอดู เฮอะ เฮอะ)

12. ใบ Appointment Confirmation Info

13. ใบ DS-160 Confirmation

จัดเอกสารครบเรียบร้อยแล้วก็เก็บใส่ซองให้เรียบร้อย เตรียมคลิ๊ปหนีบกระดาษติดไปด้วย ก่อนวันสัมภาษณ์ก็ค่อยมาเปิดทวนดูอีกรอบ

จากนั้นก็จัดการไปจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า จำนวน 140US$ หรือ 4,620 บาท ที่ไปรษณีย์ ทางไปรษณีย์จะคืนใบธนาณัติสีฟ้า (เก็บไว้เป็นหลักฐาน) พร้อมใบเสร็จอีก 1 ใบ (สำหรับให้สถานฑูต) จะได้วีซ่าหรือไม่ได้ยังไงก็ต้องเสีย

ตรวจเช็คเส้นทางการเดินทางจากบ้านไปสถานฑูต ว่าควรจะใช้เส้นทางไหนก่อน จะได้เพิ่มความมั่นใจว่าไปถูกที่ ถูกเวลา หากท่านใช้บริการรถไฟฟ้า BTS ก็เลือกลงสถานีเพลินจิต ถ้าเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็ลงสถานีลุมพินี แล้วนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 20 บาท แต่ถ้าขับรถมาเองคงต้องไปหาที่จอดไกลหน่อย ถ้าจะเอาสะดวกก็รถแท็กซี่ แต่สบายสุดก็ให้คนที่บ้านขับรถมาส่ง

คืนก่อนวันสัมภาษณ์ ตรวจเช็คเอกสารครั้งสุดท้ายว่าไม่ลืมอะไรแน่แล้ว

***หยิบพาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน + (เล่มเก่า+เล่มเก๊าเก่า+เล่มโครตเก่า) + Appointment Confirmation + DS-160 + ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่า มาหนีบไว้รวมกัน เป็น 1 ชุด อย่างอื่นยังไม่ต้องใช้

จากนั้นก็เข้านอนซะ อย่าไปตื่นเต้น เดี๋ยวนอนไม่หลับ ตอนเช้าจะลุกไม่ขึ้นนะจ๊ะ ตื่นมาตอนเช้าก็หาอะไรทานซะก่อน ต่อให้ยังไม่รู้สึกหิว ก็ควรจะทานรองท้อง เป็นขนมปังแซนด์วิช หรือจะทานข้าวเลยก็ดี เดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อน ตั้งนาฬิกาปลุกเรียบร้อยแล้ว 5.30 น. 5.45 น. 06.00 น. เผื่อไม่ตื่น

หลายคนเป็นห่วงเรื่องการแต่งกาย...ต้องใส่สูท ผูกเนคไท หรือกระโปรงหรือเปล่า????

แต่งให้ดูสุภาพเรียบร้อย ไม่ต้องถึงขนาดต้องใส่สูทเต็มยศ จะใส่กางเกงยีนส์ก็ได้ แต่อย่าให้มันมีรูระบายอากาศ ฉีกขาดเป็นแฟชั่น รองเท้าก็ตามสะดวก ไม่ต้องถึงขนาดเป็นคัชชูรุ่นเด็กปีหนึ่ง หรือรุ่นเตรียมรับปริญญา แต่ก็ไม่ใช่รองเท้าแตะคีบ ถ้าจะใส่เสื้อยืดก็เอาแบบมีปกด้วยจะดีกว่า สรุป คือ แต่งให้เกียรติกับสถานที่ และกาลเทศะเป็นอันใช้ได้

****
เมื่อถึงวันสัมภาษณ์

มองดูฤกษ์การย่างเท้าซ้ายก่อนออกจากประตูบ้านในเวลา 06.59 น. ตรงดิ่งไปขึ้นรถไฟฟ้า (แบบว่าบ้านใจกลางเมืองเลยมีรถไฟฟ้าผ่าน)

ไปถึงหน้าสถานฑูตอเมริกาก่อนเวลาที่ระบุไว้ อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ถ้าไปถึงแล้วเห็นคนยืนเรียงแถวยาวเหมือนต่อคิวซื้อ Ipad อย่าเพิ่งตกใจ ไปเข้าแถวต่อคิวได้เลย เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่มาจัดการคัดแยกรอบสัมภาษณ์ พร้อมเช็คใบ Confirmation เอง

พกกระดาษทิชชู่ติดตัวไว้ด้วยนะค่ะ ทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย

ถาม : ทำไมต้องพกกระดาษทิชชู่ไว้ด้วยอ่ะ
ตอบ : เอาไว้ซับเหงื่อไง หุ หุ เผื่อยืนนาน อากาศร้อน

ถาม : พูดจริงเปล่าเนี้ยะ (ทำหน้าตาไม่ค่อยหน้าเชื่อถือเลย)
ตอบ : ที่บอกให้พกกระดาษทิชชู่ติดตัวไว้ เพราะตอนที่เข้าไปสแกนลายนิ้วมือ จะได้หยิบขึ้นมาเช็ดจอภาพไงจ๊ะ แล้วก็เช็ดเหงื่อที่นิ้วออกด้วย อย่าบอกนะว่าจะลงทุนใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองอ่ะ

คอย...คอย...คอย...กระดึบ...กระดึบ...ขยับจนถึงหน้าประตูทางเข้า Security แล้ว เจ้าหน้าที่จะให้เข้าไปทีละ 5 คน นอกจากมาเป็นคณะ อาจจะเกินบ้างนิดหน่อย จากนั้นก็จัดการยื่นเอกสารที่บอกให้ใช้ คลิปหนีบเป็นชุดไว้*** ยื่นให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจอีกครั้ง (ตรวจครั้งที่ 1) แล้วก็ต้องฝากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ต่างๆ พวงกุญแจรถที่มีรีโมท เครื่องคิดเลข โทรศัพท์มือถือ (ที่ปิดเสียงแล้ว) อุปกรณ์ของมีคมต่างๆ ไว้กับเจ้าหน้าที่ และวางบัตรประชาชนไว้เป็นตัวประกันด้วย

กระเป๋าสะพาย ย่าม เป้ ซองเอกสาร ฯลฯ ส่งให้เจ้าหน้าที่เอาไปเอ็กซเรย์ แล้วรอเดินผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ เข้าด่านต่อไปเลยค่ะ เดินตามเส้นทางเข้าไปข้างใน แล้วต่อแถวอีกรอบเพื่อตรวจเอกสารครั้งที่ 2 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรับเอกสารที่หนีบเป็นชุดจากจุดตรวจที่ 1 ไปดูและอาจจะสอบถามเล็กน้อย แล้วจะนำเอกสารใส่แฟ้มเพื่อเตรียมสำหรับจุดตรวจที่ 3

เสร็จจากตรวจครั้งที่ 2 ก็ถูกส่งไปต่อ ตรวจครั้งที่ 3 จะมีช่องหมายเลข 1, 2, 3 ก็เดินตามๆ คนข้างหน้าไปเรื่อยๆ เมื่อถึงคิวก็จัดการยื่นแฟ้มจากการตรวจครั้งที่ 2 ให้เจ้าหน้าที่ได้เลย

***Tip***
1. อย่ายืนต่อคิวช่องสัมภาษณ์ ถ้าคนข้างหน้าเรามาด้วยกันเกิน 2 คน เพราะจะเสียเวลานานกว่าคนที่มาคนเดียว แอบขยับๆ เบี่ยงเข้าอีกแถว

2. จำไว้ว่า จงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ซื่อสัตย์ น้ำเสียงดังชัดเจนและมีหางเสียงด้วย เพื่อเพิ่มความสุภาพ และทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่บอกด้วยความตั้งใจ ซึ่งจะมีการสแกนลายนิ้วมือทั้งสิบนิ้วด้วย อ่านวิธีการให้เข้าใจ หยิบกระดาษทิชชู่ที่เตรียมไว้มาเช็ดนิ้วมือให้แห้ง และเช็ดจอภาพสแกนให้สะอาด เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง

3. พยายามเงี่ยงหูฟังว่า คนก่อนหน้าเรานับขึ้นไป 10 คน เลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาอะไร ระหว่าง อังกฤษ กับ ไทย ถ้าอัตราส่วนคนเลือกภาษาไหนมากกว่า จงเลือกอีกภาษา เพราะท่านจะได้ไม่ต้องรอคิวสัมภาษณ์นาน

4. นอกจากว่าท่านพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็คงต้องเลือกภาษาไทย ที่อาจจะฟังยากหน่อย ถ้าเจอเจ้าหน้าที่พูดไทยไม่ชัด

เสร็จจากการตรวจขั้นที่ 3 ก็จะได้รับบัตรคิวสำหรับด่านที่ 4 ก็คือด่านสัมภาษณ์ ว่าท่านจะ "Get" หรือ "Reject" วีซ่า ก็ตอนนี้ละ

มาถึงขั้นตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะโดนสถานฑูตแจ้งจับหรือเปล่า ข้อหาเอาข้อมูลภายในมาบรรยายซะละเอียดเลย

ถ้าผ่านไป 3 วันแล้วสถานฑูตยังไม่มีส่ง Notice มาเตือน จะเข้ามาต่อ ตอน 3 ให้นะจ๊ะ


Create Date : 25 มิถุนายน 2553
Last Update : 28 มิถุนายน 2553 13:25:11 น. 4 comments
Counter : 978 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:11:03:17 น.  

 
คนไทยทำวีซ่าที เห็นเอกสารแล้วปวดหัวตุ๊บ ถ้าไม่มุ่งมั่นอยากไปจริงคงถอยทัพตั้งแต่เตรียมเอกสารแล้วเนอะคะ


โดย: marzo วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:15:10:46 น.  

 
ไม่เฉพาะอเมริกา แต่เกือบทุกประเทศที่ต้องขอวีซ่า สำหรับพาสปอร์ตไทยแล้ว ต้องเตรียมเอกสารคล้ายกันหมด สำหรับท่านที่เดินทางบ่อยๆ ก็คงจะเข้าใจง่ายหน่อย

สำหรับเราเอกสารพื้นฐานทั้งหมดก็เก็บไว้ในซองอยู่แล้ว ถ่ายสำเนาเก็บไว้ทีเกือบสิบใบ จะหยิบจะใช้เมื่อไรก็สะดวก ไม่ต้องวิ่งหาเครื่องถ่ายสำเนาให้วุ่นวาย

เอาใจคนอยากเที่ยวหน่อยแล้วกันนะค่ะ ถ้าได้ไปเที่ยวก็เป็นกำไรชีวิต ถ้าไปสัมภาษณ์แล้วไม่ได้วีซ่า ก็คิดซะว่า เออ..ดี เงินตราไม่รั่วไหล เที่ยวเมืองไทย อุดหนุนคนไทยก็ได้ เมืองไทยยังมีอะไรน่าสนใจอีกตั้งเยอะ


โดย: เจ้าบ้าน (Phetcharat-N ) วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:22:53:39 น.  

 
ขอบคุณข้อมูลดีๆ....ที่นำมาแบ่งปันกันค่ะ


โดย: neenika วันที่: 26 มิถุนายน 2553 เวลา:12:53:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Poonchayapich-N
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Welcome to My Home...L'Amour De Ma Vie
[Add Poonchayapich-N's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com