-'@'-Journey Of Love-'@'- เมื่อหัวใจเดินทาง
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
17 ธันวาคม 2553
 
 
-'@'-Journey of Love-'@'-...ตอน 4

Happy Raining Day....

**********

“โหย...ตั้ง 4 โมงแล้ว พระอาทิตย์ยังเหมือนจะบ่ายโมงอยู่เลย” ปวีร์รัตน์มองเงยหน้าไปที่หอนาฬิกาอิฐสีส้มโดดเด่น ใกล้กับสถานี Central ที่อยู่ด้านข้างที่พักของคนทั้งคู่ ก่อนที่จะหยิบกล้องคู่ใจออกมาถ่ายรูปเก็บวิวรอบๆ ที่พักเป็นการประเดิม

“เอาไงจะขึ้นรถไฟ หรือจะเดิน” ภัทราหันมาถามความเห็นของเพื่อนสาว มองสำรวจถนนรอบๆ มีป้ายรถเมล์อยู่ฝั่งตรงข้าม กับรถรางไฟฟ้าที่อยู่ลิบๆ ไกลออกไปบนถนน Eddy Avenue ที่เดินผ่านมา

“เดินดีกว่า ไม่ได้รีบไปไหนเป็นพิเศษ จะได้รู้ตรอกซอกซอยด้วย ว่ามีอะไรบ้าง” ปวีร์รัตน์เสนอความคิดเห็น

“ก็ดีเหมือนกัน จากที่พักเดินตรงไปเรื่อย ก็จะถึง Circular Quey และ Opera House” ภัทรากวาดนิ้วไปตามทิศที่ตั้งของจุดหมายปลายทางที่เอ่ยถึงในแผนที่

“กี่กิโลอ่ะ” หญิงสาวเหลือบมองแผนที่ในมือ ก่อนจะทำหน้ายุ่งๆ คำนวณระยะทางที่เดินไปเดินกลับ ไม่น่าจะต่ำกว่ามินิแรลลี่ 5 กิโลเมตรเป็นแน่แท้

“เอาน่า ลองเดินดูก่อนนิดหน่อย ไปกันเหอะ” ภัทราตอบกลับ เดินนำหน้าบนถนน George แทนถนน Pitt ที่เดินผ่านเมื่อกลางวันแทน ซึ่งทั้งสองถนนจะขนานกันไปตลอดทาง เดินไปเพียงสองบล๊อคถนนหากเลี้ยวขวาก็จะเจอย่านไชน่าทาวน์ แหล่งชุมชนของคนจีนที่มีอยู่ทุกแห่งทั่วโลก ที่มีคนจีนกระจายไปปักหลักตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ และ Paddy Market แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังที่ทำหลังคาเป็นเหมือนเรือใบสีขาวคลุมยาว

ทั้งคู่เดินทอดน่องชมวิว ผลัดกันถ่ายรูปมาตลอดทาง ถึงแม้จะเป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ก็ตาม แต่มหานครแห่งนี้ก็เหมือนไม่ใคร่ให้ความสนใจกับการเฉลิมฉลองเท่าใดนัก จะมีต้นคริสต์มาสบ้างเล็กน้อย และป้ายประดับเป็นระยะ ให้พอรู้ว่าปีใหม่แล้ว ไม่เหมือนบ้านเราที่มีสารพัด ซุปเปอร์กระหน่ำ New Year Sale ให้คนอยากจับจ่ายซื้อของ หรืองานแสดงที่เรียกให้คนเข้าร่วมเฉลิมฉลองปีใหม่ที่เกิดขึ้นทุกหัวระแหงของกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆ คงเป็นเพราะที่นี่เป็นซีกโลกใต้ ซึ่งช่วงปีใหม่เป็นหน้าร้อน และหากพูดถึงคริสต์มาสก็ต้องนึกถึงต้นคริสต์มาสที่มีหิมะเกาะติดตามกิ่งก้าน และซานต้าในชุดเสื้อกันหนาวสีแดง แบกถุงใบโตและกวางเรนเดียร์จมูกแดง เหาะฝ่าละอองหิมะสีขาวมาแจกของขวัญให้แก่เด็กน้อย หากมีซานต้ามาที่นี่จริง คงต้องเปลี่ยนใส่เป็นเสื้อกล้ามมาแจกของขวัญเป็นแน่แท้ เพราะแดดแรงจนน่ากลัวว่าซานต้าจะเป็นลมไปซะก่อน

จนมาถึงย่าน ทาวน์ฮอลล์ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พักนัก ตามระยะที่คาดประมาณจากอาการที่เริ่มจะเมื่อยขาแล้วคิดว่าน่าจะประมาณเพียงหนึ่งกิโลเมตรกว่าๆ ก็สังเกตเห็นนักท่องเที่ยวหลายคน รวมถึงเจ้าของพื้นที่ถือถุงหิ้วสีน้ำเงิน สีเขียว แบบที่เห็นในตู้เย็นก่อนที่จะออกมา ก่อนจะมองหาป้ายยี่ห้อของร้านบนถุงเพื่อที่จะได้ฝากชีวิตฝากท้องตลอดที่พักอยู่ในซิดนีย์ เพราะการช้อปปิ้งซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตนั่น จะไม่มีการใช้ถุงพลาสติกเพื่อเป็นการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี น่าที่คนไทยจะได้มีนิสัยพกถุงผ้าไปซื้อของที่ตลาดกันบ้าง เพราะซื้อนิดหน่อยก็ใส่ถุงเล็กๆ แล้ว กว่าที่พลาสติกจะย่อยสลายได้ก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี กลับมาเกิดใหม่หลายรอบแล้วเจ้าถุงที่เราเคยใช้ก็ยังไม่หายไปไหน หรือจะเปลี่ยนมาเป็นถุงพลาสติกชีวภาพ หรือย่อยได้ด้วยแสงอาทิตย์ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยเกือบสิบปี แถมยังมีค่าใช้จ่ายที่ยังสูง แน่นอนว่าพ่อค้าแม่ค้าคงไม่ลงทุนมาใส่ของขายแน่นอน

ภัทราเหลือบตามองไปเห็นป้ายสีน้ำเงิน ตัวอักษรขาว แบบเดียวกับโลโก้ที่ติดอยู่ด้านข้างกระเป๋าแล้วก็กระตุกแขนให้เพื่อนสาวเดินไปสำรวจด้วยกัน แต่ปวีร์รัตน์บอกให้ข้ามไปก่อน เพราะขืนเข้าไปดูตอนนี้ได้ต้องซื้ออะไรติดมือมาแน่และต้องเป็นภาระแบกไปกลับ ไว้เที่ยววันนี้ให้จบแล้วค่อยแวะขากลับก็ยังทัน แต่หล่อนลืมไปว่าร้านค้าส่วนใหญ่ในต่างประเทศจะปิดเร็ว ประมาณ 3 ทุ่มกว่าก็ปิดร้านแล้ว ไม่ได้ทำงานตามพระอาทิตย์หน้าร้อนอย่างที่เข้าใจ

จากย่านทาวน์ฮอลล์ ก็จะเห็นหอคอยที่เรียกว่า Sydney Tower & OZ Trek สัญลักษณ์สูงโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แทนที่จะสร้างเป็นตึกแท่งๆ สูงขึ้นไปเหมือนที่อื่น แต่สำหรับตึกแห่งนี้แล้วกลับออกแบบได้อย่างเก๋ไก๋ด้วยการใช้สีทองของเหล็กเส้นดึงช่วงกลางตึกไว้ ช่วยลดความเสียหายหากเกิดกรณีแผ่นดินไหว และหากมีพายุลมแรง ด้านบนเป็นยอดโดมกลมสีทองอร่ามสองชั้น ยิ่งยามแสงอาทิตย์ฉาบแสงลงมายามเย็น ยิ่งทำให้หอคอยแห่งนี้เหมือนทองคำแท่งโต ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สูงที่สุดด้านโครงสร้างอิสระเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยความสูงถึง 309 เมตร และเป็นอันดับที่ 37 ของโลก แต่เป็นรองอันดับสองหากนับจากเฉพาะความสูงจากตึก Q1 ในบริสเบน ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในออสเตรเลีย

ทั้งคู่ยืนถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจแต่ไม่คิดจะเข้าไปชมด้านใน เพราะเห็นราคาแล้วคงต้องอดกินข้าวไปอีกหลายมื้อเลย สำหรับตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในซิดนีย์ส่วนใหญ่ นอกจากจะเป็นเข้าสถานที่เพียงแห่งเดียว มักจะทำรวมเข้ากับที่อื่นๆ ด้วย เรียกกันว่า Combo Ticket มีทั้งขึ้นชมหอคอย รวมกับอควอเรียมหรือ ไวด์ไลฟ์ ที่อยู่บริเวณย่านดาริ่งฮาร์เบอร์ ซึ่งไม่ห่างกันมากนัก รวมถึงการนั่งรถโมโนเรล และการนั่งเรือกัปตันคุ้ก หากดูในแง่ของราคาก็ถือว่าค่อนข้างคุ้ม ซึ่งไม่แพงจนเกินไป แต่สำหรับค่าเงินบาทไทยแล้ว ก็โหดเอาเรื่องเหมือนกัน ขอดูเพียงแค่ตาอย่างเดียวก็คงพอแล้ว หรือหากจะอยากขึ้นไปชมวิวด้านบน ก็ยังมีเวลาย้อนมาให้ตัดสินใจได้ใหม่อีกตั้ง 3 วัน

เดินผ่านย่านวินน์ยาร์ด จนในที่สุดก็มองเห็นโดมหลังเต่าซ้อนๆ กันให้เป็นกำลังใจว่าอีกนิดทั้งคู่ก็จะถึงแล้ว แต่เส้นทางที่เดินนั้นเล่นเอาเหนื่อยพอสมควรเพราะเป็นเนินสูงเล็กน้อยพอให้เหนื่อยใจเล่นๆ จากนั้นก็เป็นทางลาดลงสู่ท่าเรือที่เรียกว่า เซอร์คูล่า คีย์ ใช้เวลาเพียงไม่นานแค่เอาขาลาก ทั้งคู่ก็มายืนอยู่ทางเดินเรียบอ่าวบนถนนเส้นเล็กที่ชื่อว่า แม็คคิวรี่ ที่เป็นชื่อของอดีตผู้ว่าการของออสเตรเลีย ลาดยาวไปสู่ซิดนีย์โอเปร่า สถานที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกใฝ่ฝันว่าจะได้มาเยือนซักครั้ง อีกทั้งยังเป็นจุดที่ได้รับการโหวตมากที่สุดในด้านการมาฮันนีมูนของคู่แต่งงาน นั่งจิบไวน์รสนุ่ม ริมอ่าวสวยงาม โดยมีสะพานฮาร์เบอร์บริด์จเป็นฉากหลัง โดยเฉพาะในยามเย็น ที่แสงอาทิตย์อ่อนโยนยิ้มแย้มส่องกระทบคลื่นผิวน้ำสะท้อนแสงวิบวับ และสายลมเย็นชื่นใจ

แต่สำหรับสองสาวแล้ว คงหาความโรแมนติกแบบคู่หนุ่มสาวไม่ได้ หากแต่ต้องถ่ายรูปฉายเดี่ยวไปตามเรื่องแทน ปวีร์รัตน์มองหามุมสวยที่สามารถเก็บภาพประทับใจ และแน่นอนช่วงใกล้เทศกาลสำคัญก็ล้วนแต่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว หลังจากเลือกจุดถ่ายรูปได้แล้ว ทั้งคู่ก็ผลัดกันถ่ายรูป โดยมีเสียงแว้ดๆ ของเพื่อนสาวผลัดกันกำกับเป็นระยะ เมื่อเห็นรูปที่ยังไม่ถูกใจ

“เฮ้อ...ทำม้าย...ทำไม...ฉันถึงได้อาภัพขนาดนี้เนี้ยะ...ได้มาที่เที่ยวแสนสวยทั้งที แต่กลับต้องมาฟังแกบ่น” ภัทราพูดประชดหลังจากที่ถ่ายรูปให้เพื่อนจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็เดินไปหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เพื่อนสาวที่กดย้อนดูภาพที่ถ่ายมาตลอดทาง

“บ่นไร” ปวีร์รัตน์เงยหน้าเหล่มองเพื่อน แล้วทำเป็นไม่สนใจแล้วกดดูรูปต่อ

“เปล่า” ภัทราหยักไหล่ แล้วนั่งพิงพนักหินชมวิวอย่างสบายใจ อย่างน้อยก็ได้พักสักครู่ในระหว่างที่เพื่อนเช็คภาพ

“กี่โมงแล้วเนี้ยะ” เสียงข้างๆ ถามขึ้นหลังจากดูภาพเสร็จ

“จะทุ่มแล้ว” เสียงใสตอบกลับ ขณะที่ยังเอนกายพิงพนักหลับตาพริ้ม

“ขนาดจะทุ่มแล้ว ยังเหมือนเพิ่งบ่ายสามบ่ายสี่เอง” ปวีร์รัตน์มองไปรอบๆ บริเวณที่นักท่องเที่ยวบางเบาลงบ้าง และร้านอาหารที่เริ่มตั้งโต๊ะริมทางเดิน แสดงให้เห็นถึงได้เวลาใกล้จะเปิดร้านแล้ว แถมยังมีชายชุดดำสวมหูฟังยืนกระจายตามจุดต่างๆ ดูหน้ากลัว หากนี่เป็นการรักษาความปลอดภัยอย่างหนึ่งสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะแหล่งบันเทิงยามค่ำคืน ที่พร้อมปฏิบัติการได้ทันทีหากเกิดเรื่องขึ้น ดีกว่ามานั่งรอให้ให้เกิดเรื่องทะเลาะกันจนจบแล้วตำรวจถึงค่อยเข้ามา

“ใครเป็นคนออกแบบโอเปร่าเฮ้าส์” จู่ๆ เสียงใสที่นั่งข้างๆ เอ่ยขึ้นมา ขณะที่สายตามองไปยังตึกสีขาวนวลเบื้องหน้า แต่ถ้าหากไปใกล้จะเห็นว่า สีของหลังคาโอเปร่าเฮ้าส์จะออกเป็นโทนสีครีมมากกว่า

“เล่นเกมส์ทายปัญหาเหรอ” ปวีร์รัตน์หันมามองหน้าเพื่อนสาว

“อยากรู้อ่ะ อธิบายให้หน่อยซิจ๊ะเพื่อนคนเก่งที่หนึ่งเลย” ภัทราหันมาส่งสายตาอ้อนมาให้ แถมยังกระพริบ วิ๊ง วิ๊ง ประมาณว่าหนูรอคำตอบอยู่นะ

“คนออกแบบชื่อ จอห์น อุซตัน เป็นนักสถาปนิคชาวเดนมาร์ก ซึ่งชนะจากการส่งผลงานเข้าประกวดจากจำนวนผู้แข่งขัน 233 คน 32 ประเทศ…” ปวีร์รัตน์ค่อยลำดับความคิดจากในหน่วยความจำที่ยังพอจะมีเหลือถ่ายทอดออกมา

“โห..แกจำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ” ภัทราแสร้งทำตาโตมองหน้าเพื่อนอย่างทึ่งในความสามารถ

“จะให้เล่ามั้ย” ปวีร์รัตน์หันมาถามเสียงแข็ง จ้องตาคมโตของคนข้างกาย จนภัทราต้องรีบเอามือปิดปาก กลั้นหัวเราะเบาๆ กลัวเพื่อนจะยิงไฟเลเซอร์ออกมาจากลูกตาเผาหล่อนเป็นไก่ย่างซะก่อน “อืม..แต่ไก่ย่างก็อร่อยดีเนอะ”

“ฟังจ้า เล่าต่อซิ คราวนี้จะตั้งใจฟังไม่ขัดเลย” รีบยิ้มเอาใจสุดเดช

“ถามจริง...แกไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้” ปวีร์รัตน์เอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากเบาๆ แต่คนที่โดนจิ้มกลับร้องโอดโอยเหมือนเจ็บซะเต็มประดา “สำออยกะฉันนะอย่าหวัง ไม่ใจอ่อนหรอก...ไม่ใช่แฟน” หล่อนทำเสียงสะบัดเล็กๆ เมินเพื่อนสาว

“แค่นี้ก็ทำงอน เล่าเถอะไม่รู้จริงๆ ถึงรู้ก็คงไม่เท่าปายหรอก” ภัทรารีบอ้อนเพื่อนสาวโดยด่วน เอาหน้าไปพิงซบคนข้างๆ ถูๆ ไถๆ ทำท่าอ้อนเหมือนเด็ก

“ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้เฟ้ย ไม่ต้องอ้อนเลย” ปวีร์รัตน์รีบขยับตัวหนีแต่โดนมือบางฉุดแขนไว้ได้ทัน ส่งนัยต์ตาดำขลับรับขนแพงอนยาวหวานซึ้งทำเหมือนลูกแมวขี้อ้อนและก็ได้ผลเมื่อปวีร์รัตน์พยักหน้าหงึกหงักยอมแพ้ “เอ่อ..เล่าก็ได้ ปล่อยได้แล้วเดี๋ยวคนอื่นคิดว่าฉันกะแกเป็นคู่ทอมดี้” กวาดตามองรอบๆ ก็เห็นบางคนจ้องมองมาที่หล่อนส่งยิ้มให้ ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ภัทราปล่อยมือที่เกาะแขนปวีร์รัตน์ลงยิ้มร่าอย่างผู้ชนะ เอนหลังพิงตัวหล่อนแทน เงียบไปนิดก็ค่อยปล่อยคำถามที่อยากรู้ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งปวีร์รัตน์ก็ตอบเท่าที่พอจะตอบได้

“ความคิดในการสร้างที่นี่เริ่มต้นประมาณช่วงปี 1947 โดยนาย อูจีน กูซเซ่น คอนดักเตอร์ใหญ่ของวงซิมโฟนีออร์เคสต้าแห่งซิดนีย์ ได้เสนอแนะให้รัฐบาลสร้างอาคารเพื่อใช้รองรับผู้ชมจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น แทนการใช้โรงละครทาวน์ฮอล ซึ่งตอนนั้นไม่ได้รับการสนใจจากทางการ จนถึงปี 1954 ผู้ว่าการรัฐนิวเซาธ์เวลส์...” หล่อนหยุดคิดไปสักพัก ประมวลหน่วยความจำนึกถึงข้อมูลที่เพิ่งอ่านมา จนภัทราต้องเร่งเตือนเพราะกำลังตั้งใจฟัง ผลให้คนเล่าจ้องเขม็งยิงแสงเลเซอร์สีแดงใส่ เลยหุบปากเงียบรอ

“เล่าต่อซิคนเก่ง ไม่ต้องละเอียดมากก็ได้นะ” ภัทราแหย่ขึ้นมา เมื่อเห็นเพื่อนหล่อนเงียบไปนาน

“ตอนนั้นผู้ว่าการของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ นายโจเซฟ คาฮิล ได้อนุมัติให้ริเริ่มโครงการขึ้นโดยการระดมทุนจากประชาชน โดยมีงบประมาณครั้งแรกตั้งไว้ที่ 7 ล้านเหรียญดอลล่าห์ออสเตรเลีย จากนั้นจึงได้มีการประกาศให้มีการประกวดแข่งขันการออกแบบขึ้น โดยมีข้อกำหนดต่างๆ เช่น จำนวนที่นั่งต้อง 3,000 ที่ สำหรับตัวฮอลล์ใหญ่ 1,200 ที่สำหรับฮอลล์เล็ก และต้องสามารถรอบรับการใช้งานสารพัดได้ไม่ว่าจะเป็นการตั้งวงออเคสต้า วงประสานเสียง ประชุมบรรยาย แสดงบัลเล่ต์ แล้วก็อีกสารพัดงาน แต่ตัวฮอลล์ใหญ่หลังจากสร้างเสร็จมีที่นั่งจริงแค่ 2,679 ที่นั่ง และก็มีไปป์ออแกนที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย เห็นเป็นอาคารสามหลังอย่างนี้ แต่ภายในมีห้องเกือบ 1,000 ห้องเลยนะ”

“ผลการประกวดได้ประกาศเมื่อเดือนมกราคม ปี 1957 แต่หลังจากที่เลือกแบบไปแล้วก็มีการเปลี่ยนสเป็กของอาคารใหม่ ทำให้นายอุซตันต้องแก้ไขงานอยู่นาน จนกระทั่งในเดือนมีนาคม 1959 จึงได้มีการเริ่มการก่อสร้างขึ้นที่บริเวณแหลมเบนเนลองค์ พอยต์ ก็คือจุดที่ตั้งปัจจุบันนี่แหละ กว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปถึง 14 ปี แต่ตัวคนออกแบบดันลาออกตั้งแต่ปี 1966 เพราะขัดแย้งในเรื่องการก่อสร้าง แถมค่าใช้จ่ายก็เกินงบประมาณไปเยอะ หลังจากที่นายอุซตันลาออกไป ก็ได้มีการจ้างทีมสถาปนิกชุดใหม่เข้ามาดูแล”

“ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะหมดไปประมาณ 102 ล้านเหรียญดอลล่าห์ออสเตรเลีย จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 7 ล้าน เอาแค่กระเบื้องมุงหลังคาที่เห็นนั่นอ่ะ เป็นเซรามิกอิมพอร์ตจากสวีเดนเข้ามา แถมยังเป็นตัวเลขสวยซะด้วย 1,056,056 ชิ้น ส่วนกระจกก็เอามาจากฝรั่งเศส แล้วมันจะไม่บานปลายได้ไง” หล่อนเงียบไปนิด ก็มีเสียงงืมงัมตอบรับกลับมาให้รู้ว่าคนฟังยังตั้งใจฟังอยู่

“มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1973 โดยพระราชินีแห่งอังกฤษเสร็จมาเป็นประธาน จบ...” ปวีร์รัตน์อธิบายจบก็เงียบไป คนที่เอนหลังพิงไหล่ฟังสบายขยับตัวลุกขึ้นหันมามองหน้าพลางขมวดคิ้ว จับหน้าหล่อนเอียงซ้ายเอียงขวาพลิกไปมา แถมจับศีรษะให้ก้มลงมาเหมือนว่ามีอะไรผิดปรกติ ก่อนจะเอามือตบศีรษะเบาๆ คล้ายกล่อมเด็กน้อย

“มีไรอีก” ปวีร์รัตน์มองจ้องตาคนขี้สงสัยกลับ

“แกเอาเซรีบัมส่วนไหนจำข้อมูลเหรอ” ภัทราถามขึ้นพลางลูบศีรษะทุยสวยของปวีร์รัตน์เล่น เอ่ยชมเหมือนเด็กทำคะแนนได้ดี “เก่งจริงๆ ตัวเท่านี้”

“หาเรื่องกันเปล่า” น้ำเสียงแบบใส่น้ำแข็งถามกลับเพื่อนสาว

“เปล่า...แต่ที่แกเล่ามาทั้งหมดอ่ะ ฉันว่าแกไปสมัครแข่งรายการเกมส์เศรษฐีได้เลยนะเนี้ยะ เอาป่ะเดี๋ยวสมัครให้” พอพูดจบภัทราก็ได้รับค้อนปอนด์อันใหญ่ไปเป็นรางวัล

หลังจากอารมณ์ซึบซับบรรยากาศอยู่พักใหญ่ ก็เริ่มออกเดินชมวิวรอบๆ โอเปร่าเฮ้าส์ถ่ายรูปมุมอื่นๆ บ้าง อันที่จริงทั้งคู่อยากจะเข้าไปดูข้างในมากกว่า แต่เนื่องจากมีการแสดงอะไรซักอย่างเพราะเห็นป้ายโปสเตอร์ติดอยู่ เป็นรูปของโฆเซ่ คาเรราส นักร้องสเปนรุ่นใหญ่ แถมเป็นขวัญใจของปวีร์รัตน์อีกต่างหาก จนทำให้ต้องไปฝึกภาษาสเปนอยู่พักใหญ่ หล่อนหยุดถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึก ไม่ได้เจอตัวจริงแต่ได้เห็นรูปก็ดีใจแล้ว จนผ่านเข้าสู่ประตูสวนสาธารณะ โบตานิคการ์เด้นที่อยู่ด้านหลัง บรรยากาศเย็นสบายกับพื้นหญ้าตัดเรียบสลับกับกอดอกไม้สีสันสวยงาม มีคนมาเดินเล่นเพียงไม่กี่คน บางส่วนก็มาเป็นครอบครัวดูอบอุ่น บางก็มาเป็นคู่รัก และคู่เพื่อนอย่างพวกหล่อน ทั้งคู่เดินชมทัศนียภาพรอบๆ แล้วเลือกนั่งบนเก้าอี้กลางสวน

**********


Create Date : 17 ธันวาคม 2553
Last Update : 17 ธันวาคม 2553 9:39:53 น. 0 comments
Counter : 717 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Poonchayapich-N
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Welcome to My Home...L'Amour De Ma Vie
[Add Poonchayapich-N's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com