ลมหายใจของใบไม้
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 
7 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

:::ทำไมต้องนิรภัย:::




ทำไมต้องเข็มขัดนิรภัย


บทความนี้เหมือนเป็นเรื่องพื้นๆ ที่ใครก็ทราบว่ามีประโยชน์ ควรคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ ตลอดการขับรถยนต์ แต่ก็ยังเห็นการละเลยอยู่บ่อยๆ
อ่านบทความเรื่องตื้นๆ แต่มีหลายแง่มุมที่จะเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนไทย

ประโยชน์
ใครๆ ก็ทราบว่ามีประโยชน์ในการรั้งร่าง กายไว้กับเบาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่กลับตัด สินใจจะคาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ตามสถาน-การณ์ ตามสภาพเส้นทางหรือลักษณะการขับในช่วงเวลานั้น เช่น ขับในหมู่บ้าน ในเมือง การ จราจรคับคั่ง ความเร็วต่ำ ก็คิดไปเองว่าไม่จำเป็น เพราะคงไม่ได้ชนกันง่ายๆ หรือถ้าชนกันก็ไม่ได้แรงมากจนร่างกายกระเด็นจากเบาะ แต่ถ้าขับบนทางด่วน ทางโล่ง หรือทางไกลๆ ด้วยความเร็วสูงก็ถึงจะตัดสินใจคาดเข็มขัดนิรภัย

ทำไมต้องยุ่งยากตัดสินใจ
การจะคาดเข็มขัดนิรภัย ทำไมต้องเปลือง เวลาเปลืองสมองในการตัดสินใจ ก็แค่ทำให้เป็น นิสัยคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งก่อนรถยนต์เคลื่อนตัว ไม่ว่าจะขับช้าเร็วใกล้ไกล แม้แต่ขับในหมู่บ้านไปซื้อข้าวของระยะทางไม่กี่ร้อยเมตร แทบไม่มีรถยนต์คันอื่นมาเกี่ยวก็ต้องทำ

สาเหตุที่แนะนำให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกกรณี ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เพราะอย่างการขับรถยนต์ในซอยเล็กก็แทบไม่มีโอกาสเกิด หรือเกิดก็แค่สะกิดกันเท่านั้น แต่ต้องการให้เกิดความเคยชิน ไม่ต้องตัดสินใจให้ยุ่งยากว่าจะคาดหรือไม่ นั่งบนเบาะแล้วให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ทำจนถึงขั้นถ้าไม่คาดแล้วขับรถยนต์ไม่ได้หรือไม่มั่นใจ เพราะโหรงเหรงโล่งผิดปกติ

อึดอัด & โล่งเกินไป
กลุ่มคนที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย มักจะอ้าง ความรู้สึกอึดอัด ส่วนกลุ่มคนที่คาด บางคนทำ ตามกฎหมายที่บังคับไว้ โดยมีเพียงบางส่วนที่คาดเพราะต้องการความปลอดภัยจริงๆ และ มีบางส่วนน้อยมากที่ถึงขั้น ไม่คาดแล้วขับรถยนต์ไม่ได้ เพราะรู้สึกๆ โล่งเกินไป

ตำแหน่งอื่นนอกจากผู้ขับก็จำเป็น
หลายคนนึกว่ามีความจำเป็นต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเฉพาะผู้ขับ ซึ่งมีโอกาสที่ร่างกายจะพุ่งไปกระแทกพวงมาลัยที่อยู่ด้านหน้าได้ง่าย เพราะมีระยะห่างน้อยกว่าผู้โดยสารอื่น ส่วนผู้โดยสารด้านหน้าซึ่งนั่งห่างคอนโซลหน้ามาก หรือนั่งบนเบาะหลังที่ห่างด้านหลังพนักพิงของ เบาะหน้ามากและดูไม่น่ากลัวเจ็บนัก เพราะนิ่มดี หลายคนจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องคาด ด้วยระยะ ห่างด้านหน้าซึ่งมีมากกว่าผู้ขับ

สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า แม้ด้านหน้าโล่งกว่าผู้ขับ แต่ถ้าไม่คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วพุ่ง ไปยังด้านหน้า ความเร็วในการพุ่งจะมีมาก เพราะมีระยะเร่ง ถ้าพุ่งแรงจนไปกระแทกกับคอนโซลหรือกระจก ก็จะเจ็บหนัก หรือบางครั้ง เห็นศีรษะพุ่งไปโขกจนแตกทั้งกระจกและศีรษะ

หากประเมินถึงปัญหาการไม่คาดเข็ม ขัดนิรภัยสำหรับตำแหน่งอื่นนอกจากผู้ขับ พบ ว่าผู้โดยสารบนเบาะหลังไม่ค่อยสนใจจะคาด เพราะความโล่งของห้องโดยสารในส่วนนั้น และความรู้สึกว่าไกลจากกันชนหน้า ห่างจากอุบัติเหตุออกมามาก ในขณะที่ผู้โดยสารส่วนหน้ารู้สึกปลอดภัยน้อยกว่าบนเบาะหลัง จึงมีการคาดเข็มขัดนิรภัยกันมากกว่า อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยจับกุม หากไม่คาดในส่วนของผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า
ในความเป็นจริงแล้ว ผู้โดยสารบนเบาะหลังก็ควรคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดทุกการเดินทาง นึกง่ายๆ ว่า ไม่งั้นรถยนต์ยุคใหม่จะมีเข็ม ขัดนิรภัยครบทุกที่นั่งทำไม ให้มาก็แสดงว่ามีประโยชน์ เพราะทุกอย่างคือต้นทุนการผลิต
เข็มขัดนิรภัย ไม่ได้มีไว้ป้องกันการตายเท่านั้น แต่ป้องกันหรือลดการบาดเจ็บทุกครั้งทีเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะแรงหรือเบา

ผู้ขับต้องรับผิดชอบชีวิตผู้โดยสารด้วย
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับต้องรับผิดชอบในทางกฎหมายกับชีวิตของผู้โดยสาร ไม่ว่าผู้โดยสารคนนั้นจะคาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นผู้ควบคุมรถยนต์ ถ้าผู้โดยสาร คนใดไม่คาด ก็เท่ากับว่าผู้ขับเสี่ยงที่จะต้องรับ ผิดชอบในชีวิตคนนั้นมากขึ้น

สื่อประโคมข่าวแง่ลบ แบบไม่รู้จริง เช่น ถ้ารอดเพราะคาดเข็ม ขัดนิรภัย แทนที่จะชมกลับเน้นตรงที่อาการบาด เจ็บจากการรั้งตัวของเข็มขัดนิรภัย เช่น รอดแต่สาหัสเพราะไหล่และลำตัวถูกเข็มขัดฯ กระชากอย่างแรง หรือเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วเสีย ชีวิตคาเข็มขัดนิรภัยที่คาดอยู่ ก็อาจนำเสนอข่าวออกมาว่า คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วยังตาย หรือ รถยนต์ตกน้ำแล้วตาย ก็อาจนำเสนอว่า เพราะ ปลดเข็มขัดนิรภัยไม่ออกจึงตาย โดยไม่ดูลักษณะการชนว่าแรงขนาดไหน หรือถ้าไม่คาด แล้วก็อาจจะเละกว่านั้นแน่ๆ ส่วนครั้งที่เข็ม ขัดนิรภัยช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา กลับนำเสนอ ออกมาแบบราบเรียบไม่เด่นอะไร

หลายคนรับทราบข่าวสารที่เอนเอียงเช่น นั้น ก็เลยมีทัศนคติไม่ดีหรือคิดว่าเข็มขัดนิรภัยไม่มีความจำเป็น คิดเลยเถิดไปเองว่า ต้องใช้ความเร็วสูงหรือขับแบบหวาดเสียวถึงจะจำเป็น ถ้าขับเร็ว แต่ไม่เรื่อยๆ ตามช่องทาง ตัวเองก็ไม่ต้องคาด ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด

เด็กก็เกี่ยวข้อง
ผมบอกเรื่องนี้ในหลายสื่อ ก็ยังบอกซ้ำเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ค่อยเห็นใครปฏิบัติตาม มักจะอ้างว่าเด็กซน ถ้าคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วจะอึดอัด หรืองอแง ในความเป็นจริงแล้วเสี่ยงมากที่ให้เด็กนั่งหรือวิ่งบนเบาะ ลองคิดดูง่ายๆ ว่าผู้ใหญ่ คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วเด็กไม่คาดถ้าเกิดอุบัติ-เหตุแล้วผู้ใหญ่รอด แต่เด็กเจ็บหนักหรือตายจะเป็นตราบาปแค่ไหน
วิธีที่ถูกต้อง คือ ซื้อเก้าอี้เด็กให้นั่งตั้งแต่ เป็นทารก และขยับขนาดตามการเติบโตของร่าง กาย จนคาดเข็มขัดนิรภัยได้ตามปกติเมื่ออายุแถวๆ ใกล้ 10 ขวบขึ้นไป

ใช้บริการรถยนต์สาธารณะ
โดยเฉพาะแท็กซี่ แม้จะขับในเมือง ใช้ความเร็วไม่สูง แต่ด้วยฝีมือและความรอบคอบ ของผู้ขับที่ไม่สามารถเดาได้ หากแท็กซี่คันนั้นมีเข็มขัดนิรภัยในตำแหน่งที่นั่งอยู่ ก็ควรคาดไว้ตลอดการโดยสาร

ถุงลมนิรภัย
ถุงลมนิรภัยพองตัวอย่างรวดเร็วและรุน แรงด้วยความเร็วของการขยายตัวกว่าร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง การปะทะกับถุงลมฯ จึงควร เป็นจังหวะที่ถุงลมพองตัวเกือบเก็บเต็มที่แล้ว เพราะการพุ่งไปข้างหน้าของคนเมื่อเกิดการชน ด้านหน้า ก็เร็วไม่แพ้กัน หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วนั่งในตำแหน่งที่ด้านหน้ามีถุงลมนิรภัย ก็จะมีโอกาสที่ตัวและศีรษะจะเซไปด้าน หน้า ในขณะที่ที่ถุงลมเพิ่งเริ่มพองตัว กลายเป็น การปะทะสวนกลับมาอย่างแรงจนคอหักได้ ทั่ว โลกเคยมีข้อมูลการตายในลักษณะนี้ออกมาเรื่อยๆ

ปิกอัพ แค็บ น่ากลัว
ห้องโดยสารของปิกอัพ 2 ประตูที่ยาวออกมาด้านหลัง บรรทุกของได้ และพอนั่งได้ 2-3 คน แม้โรงงานไม่ได้กำหนดไว้ให้ใช้โดยสาร แต่ในความเป็นจริง คนไทยนำมาโดยสารกันจนเป็นเรื่องปกติ การนั่งโดยสารในส่วนนั่นเสี่ยง มากเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพราะไม่เคยมีการทด สอบการชน การป้องกัน ในขณะที่มีผู้โดยสารส่วนนั้น อีกทั้งยังไม่มีเข็มขัดนิรภัยอีกด้วย ไม่มี ใครห้ามนั่งในแค็บ แต่เตือนให้ระมัดระวังมากๆ ในด้านความปลอดภัยภายหลังการชน

เข็มขัดนิรภัย ไม่ได้มีประโยชน์แค่ป้องกันไม่ให้ตาย แต่สำคัญที่จะช่วยลดการบาดเจ็บได้

ขอบคุณข้อมูลจาก //www.manager.co.th








 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2553
0 comments
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2553 6:03:07 น.
Counter : 1143 Pageviews.


Peakroong
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]





"หากต้องตัดสินใครสักคน

เริ่มจาก "ทำไม"คงจะดีกว่า"อย่างไร"

เพราะสิ่งที่มองเห็นไม่แน่ว่ามีอยู่จริง

สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าไม่มี

สิ่งที่คิดว่าใช่อาจไม่ใช่

สิ่งที่ไม่คิดว่าใช่สำหรับคุณ

มันอาจใช่เลยสำหรับใครอีกคน"


"
๐ ให้ลมหายใจของใบไม้เป็นบันทึกคนกล่อง
คำเขียนของคนล้มลุกคลุกคลาน
แต่ยังมีลมหายใจเป็นของตัวเอง
แม้ไม่ใช่ทุกอย่างที่มีหากเป็นทุกอย่างที่เป็น
เก็บความว่างเปล่าไว้เติมเต็ม..

๐ ขอบคุณตัวละครทุกตัว
ทั้งที่มีอยู่จริงและที่ไม่มีตัวตน
ขอบคุณวันเวลา-ครูบา-อาจารย์
ที่สอนให้เก็บเกี่ยว ฝึกให้คิด สอนให้เขียน

๐ ขอบคุณเพื่อนเพื่อนชาวไซเบอร์
ที่กรุยทางให้สร้างสรรรค์บล็อคได้เท่าใจ
ขอบคุณทุกภาพงดงามจากบล็อกน้องญามี่ขอบคุณ https://www.thaipoem.com
ที่ให้เพลงประกอบเป็นอมตะนิรันดร์กาล

๐ ขอบคุณความเป็นเธอ..
ที่ส่งผ่านการ"ให้"มาเสมอฝัน
ขอบคุณความเป็นฉัน..
คนเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างวันมาถักทอ


'ปีฆรุ้ง
27 มกราคม 2553


Friends' blogs
[Add Peakroong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.