Bloggang.com : Peakroong : :::การตรวจเช็คระบบเบรกและใบปัดน้ำฝน:::

:::การตรวจเช็คระบบเบรกและใบปัดน้ำฝน:::

สิ่งสำคัญของผู้ใช้รถก็คืออุปกรณ์ส่วนต่างๆ ของยานพาหนะจะต้องมีสภาพความพร้อม 100% เพราะหลายครั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็มักมาจากการละเลยเรื่องของการดูแลรักษาสภาพเครื่องยนต์ หรืออุปกรณ์ส่วนต่างๆ ของยานพาหนะ

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ละเลยไม่ได้เลย คือ“เบรก” โดยจากข้อมูลของสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุระบุว่าวิวัฒนาการของเบรกในรถยนต์ เริ่มมาจากระบบดรัมเบรก ต่อมาพัฒนาเป็นระบบดิสก์เบรก ซึ่งช่วยให้การเปลี่ยนผ้าเบรกง่ายขึ้น ไม่ต้องปรับตั้งเบรก รวมถึงประสิทธิภาพในการเบรกก็ดีขึ้นด้วย ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบเบรกให้ดีขึ้น คือ ระบบเบรกแบบ ABS (Antilock Brake System) เป็นระบบเบรกที่ช่วยแก้ปัญหาล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน โดยการควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่พอดีกับการเบรก จึงทำให้ผู้ขับขี่มีความปลอดภัยสูงสุด

นอกจากนี้ผลต่อยางและส่วนโลหะอื่นในระบบเบรกก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะบ่งถึงคุณภาพของน้ำมันเบรก เพราะจะมีผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานของลูกยางแม่ปั๊ม และลูกปั๊มเบรก ซึ่งก็จะมีผลถึงประสิทธิภาพในการเบรกเช่นกัน น้ำมันเบรกที่มีคุณภาพสูง ต้องไม่ทำให้ลูกยางแม่ปั๊มเบรกคลัตช์เสียเร็ว และต้องไม่กัดกร่อนส่วนโลหะอื่นๆ ในระบบ ซึ่งหากเกิดการกัดกร่อนจะทำให้มีเศษสนิมโลหะหลุดร่อนออกมาอยู่ในน้ำมันเบรก และจะทำให้ลูกยางปั๊มเบรกเป็นรอยขีดข่วน เกิดการรั่ว และเสียแรงดัน ส่งผลให้เบรกไม่อยู่ หรือที่เราเรียกกันว่า เบรกแตก

ดังนั้น การตรวจเช็คระบบเบรก สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการตรวจสอบระดับของน้ำมันเบรกว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งหากน้ำมันเบรกมากเกินขีดสูงสุด อาจสันนิษฐานได้ว่ามีน้ำเข้าไปปนเปื้อน แต่หากน้อยเกินขีดต่ำสุด อาจสันนิษฐานได้ว่ามีการรั่วซึมในระบบเบรก หรืออาจเกิดจากผ้าเบรกสึกมาก ซึ่งทั้ง 2 กรณี จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเบรกลดลง นอกจากนี้ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุก ๆ 1-2 ปี แม้ว่าจะไม่มีการรั่วหรือลดระดับลง และข้อควรระวัง คือ ถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรนำน้ำมันเบรกที่ต่างยี่ห้อ หรือต่างมาตรฐานกัน มาใช้งานผสมกัน เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกริยาทางเคมี ซึ่งเป็นสาเหตุให้คุณสมบัติของน้ำมันเบรกเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น หากต้องการเปลี่ยนยี่ห้อ หรือใช้น้ำมันเบรกที่มาตรฐานสูงขึ้น แนะนำให้ทำการล้างระบบเบรกก่อนทำการเปลี่ยนถ่าย

การดูแลใบปัดน้ำฝน

เมื่อใดที่ใบปัดบอกอาการเสื่อมสภาพ

• เมื่อใบปัดปัดแล้วเกิดเส้นเป็นจำนวนมากหรือเป็นรอยมัว

• เมื่อใบปัดปัดแล้วเกิดรอยเปื้อนขนาดใหญ่

• เมื่อใบปัดปัดแล้วยางสัมผัสไม่ดีกับผิวหน้ากระจก

• อาการปัดไม่เกลี้ยง หรือ เกิดเสียงดังในขณะที่ปัด เพราะใบปัดน้ำฝนอาจถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการใช้งานเป็นเวลานาน ทำให้ยางของใบปัดบิดเบี้ยวได้ ส่วนการแก้ไขคือตรวจสอบก้านเหล็กที่ติดกับมอเตอร์และตรวจสอบสปริงและแรงกดของที่ปัดน้ำฝน ว่าน้ำหนักมากพอหรือไม่ และเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนอันใหม่

• อาการปัดแล้วเป็นเส้นเป็นลายทาง สาเหตุมาจากมีสิ่งสกปรกเกาะที่กระจกหรือยางปัดน้ำฝน ดังนั้นควรเติมน้ำยาทำความสะอาดในน้ำที่ทำความสะอาดกระจก เพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น หรือเปลี่ยนกระจกใหม่ กรณีกระจกเสีย

• อาการใบปัดฯ สะบัดเป็นระยะๆ อาจเกิดจากมีสิ่งสกปรกเกาะที่กระจก หรือยางปัดน้ำฝน โครงสร้าง (เหล็ก, ไฟเบอร์) ของใบปัดน้ำฝนหลวมหรือเสียแล้ว ยางใบปัดน้ำฝนเสียหรือแข็งแล้ว ยางใบปัดน้ำฝนฉีกขาด ดังนั้นควรเปลี่ยนก้านปัดน้ำฝน, ใบปัดน้ำฝน, ทำความสะอาดกระจกรถยนต์ และปรับแต่งก้านปัดน้ำฝนให้เข้ามุมกับกระจกอย่างเหมาะสม

การเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนควรเปลี่ยนทั้งคู่พร้อมกัน เพราะส่วนใหญ่ใบปัดน้ำฝนจะเสียพร้อมๆ กันทั้งสองข้าง การเปลี่ยนทั้งคู่จะทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนดีทั้งด้านซ้ายและด้านขวา สามารถขับรถได้ปลอดภัยขึ้น

สำหรับการดูแลใบปัดน้ำฝนให้มีอายุใช้งานนานและอยู่ในสภาพที่ดี ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนปีละครั้ง หรือตามสภาพของใบปัดน้ำฝนนั้นๆ, ทำความสะอาดกระจกและยางใบปัดน้ำฝนเป็นประจำ โดยการใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดขอบยาง ลูบเอาเศษฝุ่นผงออกจากยางใบปัดน้ำฝน สำหรับการใช้งานใบปัดน้ำฝนในกรณีที่ฝนไม่ตก ต้องฉีดน้ำล้างกระจกควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ใบปัดน้ำฝนเสียหาย หรือกระจกเป็นรอยจากฝุ่นผง

เพลงประกอบ : :::Supreme:::

Create Date : 02 ธันวาคม 2553

Last Update : 2 ธันวาคม 2553 5:52:36 น.

0 comments

Counter : 711 Pageviews.