ลมหายใจของใบไม้
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 
5 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
:::บำรุงรักษารถหลังน้ำท่วม:::




บำรุงรถหลังน้ำท่วม


"สาหัสทีเดียวสำหรับอุทกภัยครั้งใหญ่ ซึ่งความช่วยเหลือเฉพาะหน้าเริ่มทยอยลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และคนไทยทั่วประเทศ ต่างส่งแรงใจรวมถึงสิ่งของกำลังทรัพย์ หวังบรรเทาความเดือดร้อนได้ไม่มากก็น้อย

หลังน้ำลด ปัญหาหลายอย่างใช่ว่าจะไหลตามน้ำไป ร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สิน คงต้องใช้เวลาฟื้นฟู ในส่วนของรถยนต์ที่เป็นเหมือนเพื่อนตายของรัก ก็ต้องได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีเช่นกัน เพราะถ้าปล่อยไว้นานพวกอุปกรณ์ทางเทคนิค และไม่ใช่เทคนิคก็มีโอกาสเน่า และทำให้ฟื้นกลับมาเหมือนเดิมยาก

กรณีนี้ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” ขอกล่าวถึงการดูแลรถยนต์ที่โดนน้ำท่วมห้องเครื่อง หรือสูงมิดคัน (เพราะถ้าต่ำกว่านั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก แต่ก็จำเป็นต้องนำรถเข้าไปเช็คที่ศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมที่สะดวกเช่นกัน) ซึ่งเราได้รับการเอื้อเฟื้อข้อมูลมาจากฝ่ายเทคนิคของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

1.พึงเอาไว้ว่าอย่าทำการสตาร์ทรถ หรือบิดกุญแจให้ไฟออนโดยเด็ดขาด จากนั้นเดินไปเปิดฝากระโปรงรถและปลดขั้วแบตเตอรี่ทันที โดยจะปลดขั้วใดขั้วหนึ่งหรือจะปลดทั้ง ขั้วบวกขั้วลบก็ได้ (จริงๆถ้าคุณคาดว่าน้ำจะท่วมสูงถึงห้องเครื่องให้เตรียมปลดขั้วแบตเตอรี่ เอาไว้ล่วงหน้าก่อนจะเป็นการดีที่สุด) เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆของรถ รวมถึงเครื่องยนต์

2.เปิดประตูออกทุกบาน ให้ลมโกรก หรือถ้ามีแดดให้จอดตากแดด จากนั้นถอดเบาะนั่ง พรม ผ้าต่างๆ ที่อยู่ภายในรถออกมาซักทันที เพราะถ้าทิ้งเอาไว้นาน ความเหม็นอับจะมาเยือน

3.เริ่มเข้าสู่กระบวนการทางเทคนิคที่พอจะทำได้เอง คือ ปลดทุกอย่างที่เป็นขั้วไฟฟ้า โดยเฉพาะขั้วสายไฟภายในห้องเครื่อง ทั้งตัว ECUและ รีเรย์ต่างๆ จากนั้นฉีดสเปรย์ไล่ความชื้น หรือใช้ไดร์เป่าผม เป่าให้แห้ง

4.ถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ (ต้องรีบเอาน้ำออกจากระบบให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันสนิมจับ) รวมถึงเปลี่ยนกรองอากาศ ซึ่งประเด็นนี้ใครทำเองได้ก็ทำเลย เพราะยิ่งจัดการเร็วโอกาสที่สนิมจะมาเยือนก็น้อยตามไปด้วย แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องเข้าศูนย์บริการหรืออู่ ซึ่งจะมีขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายที่ถูกต้องและละเอียดมาก


...ทั้งหมดเป็นวิธีการดูแลเบื้องต้น เพราะสุดท้ายแล้วรถโดนน้ำท่วมขนาดนี้ ต้องรีบนำเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมที่สะดวกทันที ซึ่งน่าจะดีกว่าถ้าเลือกใช้บริการจากรถยก และขอย้ำว่าห้ามสตาร์ทเครื่องโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตามการที่รถสุดรักของคุณจะฟื้นกลับมาดีดั่งเดิมได้ขนาดไหน ขึ้นอยู่กับเวลาที่จมอยู่ใต้น้ำ หรือความสามารถในการนำกลับมาดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว รวมถึงประเภทของรถ กล่าวคือถ้ารถยิ่งมีระบบไฟฟ้าซับซ้อน ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายมากตามไปด้วย


โดยฝ่ายเทคนิค โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย บอกว่า ถ้ารถจมบาดาลอยู่ 1-2 วัน โอกาสแก้สภาพกลับมาเหมือนเดิมได้เกิน 90% แต่ถ้านานกว่านั้น ECUเข้าขั้นโคม่า ชิ้นส่วนไฟฟ้าต่างๆจะโดนความชื้น สนิมเริ่มกิน รวมถึงขี้เกลือต่างๆเริ่มจับตัว ดังนั้นเปอร์เซ็นที่จะคืนสภาพก็จะลดลงตามวันเวลาที่แช่น้ำ

ในส่วนของราคาค่าซ่อม ขึ้นอยู่กับสภาพการและประเภทรถตามที่กล่าวไปข้างบน และน่าจะอยู่ระดับ 50,000-100,000 บาท (แต่ถ้าโอเวอร์ฮอล์เกินนี้แน่นอน) ซึ่งใครทำประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือมีกรมธรรม์ครอบคลุมอุทกภัยเอาไว้น่าจะใจชื้นได้บ้าง





ขอบคุณข้อมูลจาก //www.manager.co.th








Create Date : 05 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2553 5:48:40 น. 0 comments
Counter : 593 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Peakroong
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]





"หากต้องตัดสินใครสักคน

เริ่มจาก "ทำไม"คงจะดีกว่า"อย่างไร"

เพราะสิ่งที่มองเห็นไม่แน่ว่ามีอยู่จริง

สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าไม่มี

สิ่งที่คิดว่าใช่อาจไม่ใช่

สิ่งที่ไม่คิดว่าใช่สำหรับคุณ

มันอาจใช่เลยสำหรับใครอีกคน"


"
๐ ให้ลมหายใจของใบไม้เป็นบันทึกคนกล่อง
คำเขียนของคนล้มลุกคลุกคลาน
แต่ยังมีลมหายใจเป็นของตัวเอง
แม้ไม่ใช่ทุกอย่างที่มีหากเป็นทุกอย่างที่เป็น
เก็บความว่างเปล่าไว้เติมเต็ม..

๐ ขอบคุณตัวละครทุกตัว
ทั้งที่มีอยู่จริงและที่ไม่มีตัวตน
ขอบคุณวันเวลา-ครูบา-อาจารย์
ที่สอนให้เก็บเกี่ยว ฝึกให้คิด สอนให้เขียน

๐ ขอบคุณเพื่อนเพื่อนชาวไซเบอร์
ที่กรุยทางให้สร้างสรรรค์บล็อคได้เท่าใจ
ขอบคุณทุกภาพงดงามจากบล็อกน้องญามี่ขอบคุณ https://www.thaipoem.com
ที่ให้เพลงประกอบเป็นอมตะนิรันดร์กาล

๐ ขอบคุณความเป็นเธอ..
ที่ส่งผ่านการ"ให้"มาเสมอฝัน
ขอบคุณความเป็นฉัน..
คนเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างวันมาถักทอ


'ปีฆรุ้ง
27 มกราคม 2553


Friends' blogs
[Add Peakroong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.