PHANGNGA :: กินตัวแตกแดกสนุก ตอน เกาะปันหยี
ตอนที่แล้ว จขบ.พาไปเที่ยว "เขาตะปูและเขาพิงกัน" กันมาแล้ว มาตอนนี้พวกเราก็ไปต่อยังเกาะปันหยีค่ะ จากเขาตะปูนั่งเรือมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้พบกับหมู่บ้านกลางทะเลที่ก่อนหน้านี้เคยโด่งดังจากโฆษณาชุดหนึ่งที่มีสนามฟุตบอลกลางทะเล พี่คนเรือพาพวกเราขับวนรอบเกาะจนมาถึงจุดขึ้นเกาะ
ไม่น่าเชื่อว่าที่เกาะแห่งนี้เค้าจะใช้ชีวิตกันได้อยู่ไกลในทะเลขนาดนี้ แต่ที่ไม่น่าเชื่อกว่าเค้าอยู่กันกลางทะเลพวกเรายังดั้นด้นมาหาพวกเขาได้นี่สิ "อะเมซิ่งไทยแลนด์"
เรือนักท่องเที่ยวจอดเรียงรายตลอดแนวของหมู่บ้านเกาะปันหยี บ่งบอกว่าที่นี่ไม่ธรรมดานักท่องเที่ยวมาขนาดนี้มันคือรายได้อันมหาศาลสร้างงานสร้างชุมชนเลยทีเดียว
หลังจากขึ้นเกาะปันหยีได้ จขบ.ก็ต้องแปลกใจ ขุ่นพระ!! ที่ลอยๆ อยู่ได้มันคือโฟมเหรอเนี่ย โฟมแท่นใหญ่ๆ อยู่ใต้ล่างทางเดินที่เราเดินกัน ไม่น่าเชื่อว่ามันแบกน้ำหนักได้อย่างสบายๆ ช่างใช้วัสดุได้คุ้มค่ามาก
จากที่ทำการเกาะปันหยีก็เดินตรงมาเรื่อยๆ จะเจอร้านขายกาแฟ พี่เค้ามีพวกสร้อยมุกขายด้วย เท่าที่ถามมาเค้าบอกว่าถัดไปมีฟาร์มมุกเลี้ยงอยู่ จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นบนเกาะแห่งนี้ ค้าขายเครื่องประดับมุก (ทั้งเกาะ) เรียกว่าเดินไปตรงไหนก็เจอ มุกแท้จะไม่ไหม้ไฟ
สินค้าอีกอย่างหนึ่งที่จะได้เห็นเป็นระยะๆ นั่นคือน้ำพริกเกาะปันหยีเนี่ย รสชาติอร่อยมาก ร้านนี้อยู่ติดกับร้านกาแฟเลยของซ้อฟี่หย๊ะ จขบ.ชอบรสชาติร้านนี้นะถึงเครื่องกุ้งเป็นกุ้งผสมเม็ดมะม่วงหิมะพานด้วย ใครที่อยากทานโทรไปเบอร์เค้าเลยค่ะ เค้ามีบริการส่งไปรณีย์ 083-1815038 ราคาตามแต่สั่งจ้า
ที่นี่เหมือนเดินตลาดเลยสินค้าโอท็อปก็จะเป็นพวกเครื่องประดับมีเสื้อผ้าขายอยู่ตลอดสองฝั่ง พวกเราเดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอกับโรงเรียนเกาะปันหยี
เด็กๆ เดินถือของที่ระลึกมาขายนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะเป็นสินค้าเหมือนที่วางขายตลอดทาง เด็กๆ ก็พยายามขายของให้กับนักท่องเที่ยวบางคนก็สังเกตุและสอบถาม เวลามีอะไรที่พวกเค้าไม่เคยเห็น
ชีวิตคนที่นี่มีเรือเป็นพาหนะสำคัญ ทุกบ้านมีเรือเป็นของตัวเอง จขบ.เดินไปเดินมาบนเกาะแห่งนี้มีน้ำมีไฟฟ้าใช้พร้อมเห็นเป็นชาวบ้านแบบนี้มีฐานะนะคะไม่ธรรมดา
พวกเราเดินกันมาเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่มีป้ายบอกไว้ชัดเจน อันนี้เป็นข้อดีนะที่มีการบริหารจัดการที่ดีบนเกาะ แล้วพวกเราก็มาถึงสนามบอลลอยน้ำแห่งเดียวในประเทศไทย แอบสังเกตุเห็นทำไมประตูมีข้างเดียว พี่เค้าบอกว่าอีกข้างอยู่ใต้น้ำแล้วใครอยากเห็นต้องดำลงไปดูกันเอง เตะกันจนตกน้ำเลยทีเดียว
ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านที่เค้าแนะนำมาว่าน้ำพริกอร่อย แต่ จขบ.ชอบรสชาติร้านแรกมากกว่า ใครไม่ชอบแนวจัดจ้านแนะนำร้านนี้เค้าจะเน้นหวานๆ
ชุมชนปันหยีเค้าอยู่เรียบง่ายดีนะ ชีวิตอยู่กับน้ำก็ปรับตัวให้เข้ากับน้ำ ตอนแรกคิดว่าบ้านที่อยู่กลางน้ำจะร้อนแล้วเหนียว แต่ที่นี่ลมเย็นสบายไม่เหนียวตัวด้วยอยู่ได้สบายๆ ขายของนักท่องเที่ยวกันเพลินๆ แลดูเศรษฐกิจคึกคักกว่าฝั่งเมืองเสียอีก
มาเที่ยวปันหยีก็แวะกินโรตีเสียหน่อยมีให้เลือกแบบกรุ๊บกรอบและแบบหนานุ่ม ทำเหมือนพิซซ่าเลยทีเดียว แปลกเนอะโรตีจะมีตามสถานที่ท่องเที่ยวแถวบ้าน จขบ.นี่ไม่มีขายนะ ดังนั้นเวลามาเที่ยวก็ต้องจัดกินไปเดินไปแป๊บเดียวมาถึงท่าเรือแระได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว พี่คนเรือหลับไปแล้วสามตลบ
หากใครจะมาเที่ยวอ่าวพังงาจริงๆ ต้องมีลงน้ำพายคายัคลอดถ้ำลอดด้วยแต่ติดวันนี้ไม่สะดวก พวกเราเลยไม่ได้ลงไปพายเรือกันประกอบกับช่วงนี้คนเยอะมาก เดี๋ยวไขมันที่สะสมมาจะอ่อนล้าเกินไปลมแรงมากตอนเย็น
ซึ่งหากใครมีเวลาเหลือๆ จากฝั่งที่ลงเรือตอนแรกนั้นมีหมู่บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามท่าเรือด้วย มีเวลาก็ไปเดินเล่นที่หมู่บ้านนี้กันได้
สำหรับที่อ่าวพังงาจริงๆ จขบ.ไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวที่นี่เท่าไหร่ แต่กลับรู้สึกว่าที่นี่น่าเที่ยวกว่าเมืองภูเก็ตเสียอีก ด้วยความเงียบสงบของเมืองพังงาทำให้อยากมาใช้ชีวิตสโลวไลฟ์เลยทีเดียว พอเริ่มมีอายุเริ่มรู้สึกว่าความเป็นเมืองไม่ตอบโจทย์ในชีวิตได้แระ เพราะมันแน่นและแออัดดิ้นรนไปหมดทุกสิ่งอย่างอารมณ์เสียอีกต่างหาก
หากเป็นเมืองก่อน จขบ.จะรู้สึกว่าดีจังคนมีบ้านกรุงเทพฯ แต่เดียวนี้เหรอน่าสงสารเนอะไปไหนก็ติดแน่นไปหมด รู้สึกดีใจจังที่มีบ้านอยู่ต่างจังหวัดซึ่งจริงๆ แล้วบ้านนอกสไตล์เนี่ยชิลมาก ไม่ทำงานก็อยู่ได้เรื่อยๆ คือไม่มีที่ให้ใช้เงินผักผลไม้ก็ปลูกทานเองได้แทบไม่ต้องใช้เงินซื้อเลย เนี่ยแหละความแตกต่างที่คนเมืองไม่มีเหมือนบ้านนอก เอาล่ะนอกเรื่องมานานแระไว้มาต่อตอนหน้านะจะพาไปชิมร้านอร่อยแห่งโคกกลอยค๊า
Photo and Story By Patthanid C.
Create Date : 29 กันยายน 2559 |
|
8 comments |
Last Update : 29 กันยายน 2559 9:30:54 น. |
Counter : 4983 Pageviews. |
|
|
|