PHANGNGA :: กินตัวแตกแดกสนุก ตอน ท้ายเหมืองเมืองพังงา
ตอนที่แล้ว จขบ. พาเที่ยว "ตัวเมืองพังงา" กันมาแล้ว หลังจากกินอิ่มนอนหลับสบายเช้าวันที่สองของการเดินทาง มาเที่ยวพังงาก็ต้องมาเรียนรู้วัฒนธรรมการกินอาหารเช้าของคนที่นี่ เค้าทานโรตีกันค่ะ จัดไปมาแล้วต้องทำตัวกลมกลืนให้เข้ากับคนพังงา "ร้านโรตีมาลีซ่า*บังชาชัก" ร้านนี้เป็นร้านดังคนมานั่งทานกันเยอะเชียว
ที่นี่มีอาหารเช้าขายหลายประเภทเด่นๆ เลยคือโรตีแบบต่างๆ อาหารเช้าแบบฝรั่งก็มีเช่นกัน
ส่วนใหญ่มาร้านโรตีก็ต้องทานชาชักให้เข้ากับบรรยากาศ จขบ.แอบเห็นที่นี่ขายนมแพะด้วย ก็เลยสั่งมาลองทานดูไม่คาวนะเค้าใช้นมแพะผงล่ะ
โรตีมะตะบะเสริฟ์พร้อมไข่ดาว โรตี ความอร่อยมันอยู่ที่แป้งโรตีเนื้อนุ่ม
อีกเมนูที่ต้องมาลองคือโรตีชีสอย่าได้แคร์ความอ้วนอยู่กับเราไม่นานถ้าเราออกกำลังกาย เมนูนี้อร่อยยืดๆ รับประกันไม่ผิดหวัง
เอาให้สุดต่อด้วยโรตีกรอบที่นี่โรตีอร่อยทุกอย่างแหละเพราะแป้งอร่อย ส่วนเมนูอื่นแล้วแต่ชอบนะ แต่ยังไม่เด็ดเท่าโรตี
เมื่อท้องอิ่มเราก็ออกเดินทางไปกินกันต่ออย่าได้ยอมแพ้และแคร์สิ่งใด เนื่องจากร้านเยอะมากเราต้องเก็บตามลายแทงเจ้าถิ่นว่าไว้ "อย่าได้อ่อนแอ"
แวะทานไอติมกับก๋วยเตี๋ยวร้านผัดไทยครูอวยพรเป็นร้านดังอีกร้านหนึ่งที่มาแล้วต้องแวะชิมริมทางกันไป โปรดสังเกตุเกี๊ยวทอดค่ะปราณีตมาราคาก็ธรรมดา 30-35 บาท แน่นไปด้วยเครื่อง เอาที่สบายใจกินกันต่อไปค่ะ
สรุปว่ากว่าจะออกเดินทางบ่ายกว่าทริปนี้เราชิลๆ กินกันชิลๆ ตลอดทริป พวกเรามาถึงท้ายเหมืองก็บ่ายแก่มากแล้วที่นี่คืออุทยานแห่งชาติท้ายเหมือง มีที่พักในอุทยานด้วย ใครมีเวลามาพักผ่อนที่นี่ก็ร่มรื่นดีนะสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้
จขบ.เดินไปเจอเค้าตกเบ็ดโดยการโยนเบ็ดในทะเลเลยจ้า ไม่น่าเชื่อแค่โยนเบ็ดเหวี่ยงไปในทะเลจะสามารถจับปลาได้ตัวใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ ปลานี้มีชื่อว่า "ปลามง" ทอดน้ำปลานะเนื้อแข็งๆ หน่อยเหมือนเนื้อปลาอินทรีย์อ่ะ ครั้นจะทำมาแกงเหลืองก็เด็ดสาระตี่มาเลยคะคุณๆ เห็นแล้วอยากขอซื้อหิ้วกลับบ้านเลยจริงๆ ตัวเขียวๆ เหลื่อมๆ งี้อ่ะอย่างสด
ทางเข้าตรงนี้สามารถเข้าไปยังทุ่งหญ้าสาวาน่าได้ด้วย เนื่องจากไม่มีคนเฝ้าเราเลยขับรถเข้าไปเลย เส้นทางก็ขรุขระเอาเรื่องไม่แนะนำให้ขับรถเก๋งเข้าไปนะ เพราะทางเป็นทรายอาจติดหล่มได้
พวกเราดูจากทางแล้วไม่สามารถเข้าไปได้อีกแล้วเป็นทรายตลอดทางเลยต้องจอดแล้วแวะถ่ายรูปกันแป๊บหนึ่ง บริเวณนี้เป็นเขตที่มีทุ่งหญ้าสาวาน่าเขียวๆ แต่วันนี้ไม่เขียวแล้วเหี่ยวหมดเหมือนมีเป็นช่วงๆ ล่ะ
ทำไมจึงชื่อ "ท้ายเหมือง" ตำบลนี้เคยเป็นป่าดงดิบมีคนมาตั้งรกรากปักฐานทำอาชีพทำไร่ ทำสวนและประมง ต่อมามีการสำรวจดินแล้วพบว่ามีแร่ดีบุกเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงเริ่มเข้ามาทำเหมืองแร่โดยใช้แรงงานคนขุดจึงเกิดเป็นเหมืองแร่ทุกพื้นที่ การทำเหมืองแร่นั้นหันไปคนละทิศคนละทางส่วนที่ใช้ทิ้งเศษดินชาวบ้านเรียกว่า "ท้ายเหมือง" จึงเป็นชื่อเรียกสืบต่อมาจนทุกวันนี้ เดาว่าต่อมาที่นี่น่าจะใช้เครื่องจักรจึงได้มีซากเครื่องจักรทิ้งรกร้างอยู่ที่นี่เพื่อเป็นอนุสรณ์ของเหมืองเก่าในอดีต
จขบ.ชอบที่นี่จังสองข้างทางมีแต่สีเขียวของต้นไม้ใหญ่น้อย ถัดออกมาตรงส่วนที่พักอุทยานก็มีต้นสนปลูกเรียงรายเป็นแถวไม่ติดว่าฝนตกคงได้รูปมากกว่านี้ ตอนที่ จขบ.มาฝนตกเป็นระยะๆ เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบาเอาใจไม่ถูกเลยทีเดียว แต่หาได้ยอมแพ้ไม่ยังคงถ่ายรูปท่านกลางละอองฝนมาเที่ยวแล้วก็อย่าได้ยอมแพ้ ตอนหน้า จขบ.จะพาไปเที่ยวต่อเมืองตะกั่วป่าค๊า
Photo and Story By Patthanid C.
Create Date : 07 ตุลาคม 2559 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2559 1:23:11 น. |
|
3 comments
|
Counter : 3160 Pageviews. |
|
|
|