มกราคม 2552

 
 
 
 
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
10 Fantastic days in Japan ⊰⊹ Tokyo Eat Eat


วันนี้เราออกจากโรงแรมแมวเหมียวแต่เช้าเพื่อนั่งรถไฟเข้าโตเกียว โดยเราจะนั่ง JR จาก Bandai-atami Station ไปยัง Koriyama Station จากนั้นมีเวลาว่างอีกเกือบชั่วโมงเพื่อรอรถเที่ยวต่อไปสำหรับไปโตเกียว

ระหว่างนั้นเราก็เดินหาข้าวกล่องหรือร้านราเมนที่น่าสนใจในสถานี ผลที่ได้คือ...





เดินเล่น แล้วก็แวะซื้อขนมเพิ่มอีกสักหน่อย...



เมื่อเราไปถึงโตเกียวแล้ว เราก็เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมกันก่อน โดยคืนนี้เราพักกันที่โรงแรม Yaesu Pearl ใกล้กับ Tokyo Station



จากนั้นเราก็เดินทางไปเที่ยววัดอาซากุสะกัน โดยไม่ลืมแวะชิมซาลาเปาทอดของดังในย่านนั้นด้วย

ตอนมาถึงที่นี่นึกว่าอยู่เมืองไทย คนไทยเยอะมาก ทัวร์ไทยก็เยอะ พูดคุยกันเสียงดังโหวกเหวกจนทำให้รู้สึกไม่คุ้นเคย - -" เพราะเมืองที่ผ่านมาไม่เจอนักท่องเที่ยวชาวไทยเลย





แวะไหว้พระกันก่อนนะคะ แล้วขากลับค่อยไปช็อปปิ้งของฝาก







ที่วัดอาซากุสะคนเยอะมากๆค่ะ แต่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย





แวะดูของฝากหน้าวัด ที่นี่ของฝากมีหลากหลายทุกประเภท แล้วราคาก็ไม่แพง ได้กระเป๋าใส่สตางค์สวยๆมาฝากเพื่อนเยอะเชียวค่ะ





หลังจากนั้น เราก็มุ่งหน้าไปย่าน Akihabara เพื่อไปหาร้านอาหารที่มีเด็กสาวในชุดคอสเพลย์แต่งตัวน่ารักคอยเสิร์ฟอาหาร





Akihabara คล้ายห้างพันทิพย์ของไทยเสียแต่อยู่ตามตรอกซอกซอยไม่ได้อยู่บนห้าง







แวะร้าน Curry Kitchen ชิมข้าวหน้าแกงกะหรี่ ราคาประหยัดเพียง 590 เยน คนละครึ่งจาน อร่อยจนบางคนต้องสั่งเพิ่ม



สำหรับเด็กหัดกินข้าวหน้าแกงกะหรี่แบบเรา ดีใจมากมายที่แกงกะหรี่ไม่ราดลงบนทงคัตซึ เพราะถ้าทานแล้วไม่ชอบก็กินแต่หมูได้

ความเห็นจากนักชิมแกงกะหรี่... แกงกะหรี่หมูทอด แกงกะหรี่สเต็กเนื้อ ร้าน franchise ธรรมดาของที่นั่น แต่อร่อยกว่าทุกร้านในเมืองไทยครับ T_T... ร้านในเมืองไทยที่พอจะสู้ได้เห็นจะมีแต่ ร้าน Aoringo อาคารธนิยะเท่านั้น





หลังจากเดินเล่นตามหาร้านเด็กแต่งคอสเพลย์ที่ลงในหนังสือ Tokyo eat eat ไม่เจอ เราก็เลยไปหาซูชิทานกันเพราะมีคนอยากทานโทโร่

เดินไปเรื่อยๆก็เจอห้าง Yodobashi Akiba Building มีพี่ในทริปอยากดูกล้องวีดีโอ เราก็เลยมุ่งหน้าไปที่นั่น โดยมีพี่อีกคนในทริปตามหาโทโร่



ลายแทงขุมทรัพย์ เอ้ย...ไม่ใช่ ลายแทงร้านอาหารที่อยู่บริเวณชั้น 8 ของห้าง



มีคนงอแงกระทืบเท้าร้อง "จากินโทโร่ๆ" คนในทริปก็เลยต้องตามใจก่อน กล้องวีดีโอเอาไว้ทีหลัง โดยมีร้านหมายเลข 5 เป็นเป้าหมายของเรา



เริ่มด้วย Collar toro ; ปกติโทโร่จะเป็นส่วนท้องปลาทูน่า แต่ Collar toro นั้นต่างออกไป โดยจะเป็นส่วนเนื้อตรงกระดูก Collar bone (ประมาณไหปลาร้า) ของปลาทูน่าครีบน้ำเงิน (blue fin tuna). ปริมาณนั้นมีน้อยกว่าน้อย เหมือนกับ otoro แต่อร่อยระดับลืมสิ้นทุกข์โศกเลยทีเดียว ราคาชิ้นละ 400 yen ถูกจริงๆถ้าเทียบกับไทย



อร่อยจนต้องสั่งเพิ่มอีก 6 ชิ้น แต่ทางร้านเพิ่มได้แค่ 4 ชิ้นก็หมดร้านแล้ว พ่อครัวคงได้แต่คิดว่าคนไทยนี่มันรวยจริงๆ กินซูชิคำละ 400 yen ไม่สะทกสะท้าน




Otoro fatty tuna ; เนื้อโทโร่ชั้นเยี่ยมส่วนท้องทูน่า ถูกมาก สองคำ 500 yen (ในไทย มีตั้งแต่ 320 - 500 บาท สองคำนะ)



Sushi เป๋าฮื้อ ; ง่า..ใช้ได้ แต่คนไทยกินเป๋าฮื้อตุ๋นนุ่มๆ อันนี้เนื้อดิบ เลยแข็งผิดคาด แต่ก็กรอบดี



Sushi หน่อต้นหอม ใช้ต้นหอมแรกเกิดมาทำ รสชาตินั้นหมดจดมาก หมดจดเป็นยังไง ต้องไปลองเอง ประทับใจมากเพราะเคยเห็นแต่ในการ์ตูนเจ้าหนูซูชิ เหอะๆ



Sushi หน้าปลาไหล อร่อยดีๆ



เมื่อทานซูชิกันจนจานกองเต็มโต๊ะ (อายจัง - -) หลังจากนั้นเราก็ลงไปเดินเล่นดูซีดีเพลงและของไฮเทคกัน



เดินวนดูซีดีจนได้ซีดีดงบังชินกิมาฝากเด็กที่ไทยแล้วก็เดินขึ้นไปนั่งรอเพื่อนที่ไปเลือกกล้องวีดีโอ แต่ชูชกในทริปดันตาดีไปเห็นเห็นภาพในลายแทงที่จะพาไปสู่ร้านหมายเลข 7 ชื่อ ร้าน Xi'an โดยมีแรงบันดาลใจจากหนังสือการ์ตูนเช่นกัน



อาหารในตำนาน คือ "ตอเซี๊ยะหมี่" พ่อครัวกำลังทำตอเซี๊ยะหมี่ (มีดฟันหมี่) ; ตามรูป ปั้นแป้งเป็นก้อนขนาดยักษ์ อุ้มแล้วฝานด้วยความชำนิชำนาญความเร็วสูงลอยบนอากาศไปตกในหม้อ



หลังจากนั้นจะได้เส้นที่หนาเท่ากันตลอดเส้น แต่ถ้าตัดตามขวางจะหนาด้านบางด้าน ด้านหนาให้ความอร่อยของเนื้อหมี่ ด้านบางจะละลายไปในซุปให้ความนิ่มนวล และช่วยทำให้ผักและเครื่องปรุงติดขึ้นมากับหมี่ได้ง่ายขึ้น อันนี้คือสุดยอดอาหารหมี่อย่างแท้จริง



ซุปมีหลายแบบ เลือกเผ็ดได้หลายระดับ แต่เราลองเลือกแบบเผ็ดสุด เชื่อว่าคนไทยรับได้สบาย



ชัดๆกับตอเซี๊ยะหมี่ของจริง สุดยอดอาหารหมี่ จากการ์ตูนดัง...จอมโหดกระทะเหล็ก



หลังจากอิ่ม อร่อย จากอาหารดังจากการ์ตูนกันแล้ว แต่นักชิมของเราก็ยังมีโปรแกรมบุฟเฟ่ท์มัสสึซากะในช่วงค่ำอีก คราวนี้มีนัดกับรุ่นน้องของพี่ในทริปที่แต่งงานกับหนุ่มญี่ปุ่นค่ะ

เรานัดกันที่หน้า Sunflower Building แถว Shinjuku ซึ่งเราไปแถวนั้นก่อนเวลาสาวๆก็เลยไปช็อปปิ้ง ส่วนหนุ่มๆไปนอนสปาเท้าพักเอาแรงไว้กินต่อ



หลังจากพักจนหายเหนื่อยแล้วเดินหาตึกนัดพบจนเจอแล้ว เราก็เดินเล่นตามตรอกซอกซอยดูวิถีชีวิตชาวโตเกียวหลังเลิกงาน ที่นี่เจอทัวร์ไทยเยอะอีกเช่นเคย





บุฟเฟ่ท์ร้าน Rokkasen ที่ Sunflower Building ราคาหัวละ 20,000 กว่าเยน คิดดูแล้วไม่ค่อยคุ้มเพราะช่วงบ่ายทานเยอะมากกกกกก แล้วเราก็กลัว...ไม่รู้ว่าเขาเอาเนื้อส่วนไหนมาให้เรา / อร่อยมากจริงมั้ย / มีบางคนไม่ทานเนื้อ / มีบางคนไม่ทานบุฟเฟ่ท์ ... จึงทำให้ทานบุฟเฟ่ท์ไปคุยไปไม่ได้ นักชิมของเราก็เลยตัดสินใจสั่งแบบเซ็ทแทน



เนื้อมัสซึซากะ...วัวกินเบียร์แล้วเรากินวัวอีกที มันจะแทรกอยู่ในเนื้อทุกส่วน อร่อยลืมโลก แต่คนในกรุ๊ปบอกว่าเนื้อฮิดะอร่อยกว่านี้



ลิ้นวัว หมักเกลือเล็กน้อย อร่อย...





เนื้อปูของเราเพราะเจ้าของบล็อคทานปูจานนี้คนเดียวเลยค่ะ ทุกคนสละให้เนื่องจากเราไม่ทานเนื้อ



ย่างๆๆๆๆ ทุกอย่างหมดอย่างรวดเร็ว หนุ่มไทยและหนุ่มญี่ปุ่นคุยเรื่องการเมืองกันอย่างออกรส



ของหวานในเซ็ท เป็นไอศรีมรสชอร์เบทอร่อยมากกกกกกกก



หลังจากอิ่มกันเจียนตายคาร้าน เราก็ย้ายพุงไปนอนหลับพักผ่อนกันที่ Yaesu Pearl Hotel แต่จริงๆแล้ว เราแอบต่อด้วยไดฟุกุโตเกียวบานาน่าอีกคนละ 1 ก่อนนอนค่ะ ....... เอิ๊กส์







ถ้าใครถามว่า "โตเกียวน่าสนใจมั้ย เป็นยังไงบ้าง"

คำตอบ .... "ฮืม...ดี อิ่ม อร่อยยยยยยยยยยยยย"








Create Date : 04 มกราคม 2552
Last Update : 4 มกราคม 2552 0:57:23 น.
Counter : 2789 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภาษาดาว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"ภาษาดาว" ... เป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ คนนึง ที่ อ่าน-ถาม-ตอบกระทู้ อยู่ใน Pantip มาสิบกว่าปี

ถ้าถามว่าอนาคตอยากเป็นอะไร? เมื่อก่อนคงอยากเป็นนักเขียน อยากทำงานอิสระและได้ท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ แต่ด้วยเวลาและอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ค่อยๆ ห่างวงการนี้ไป แต่ทุกวันนี้ก็ยังขยันอ่าน ขยันหาความรู้รอบตัวต่างๆ ใส่สมองอันน้อยนิดอยู่เสมอ

หวังว่าสักวันหนึ่ง...ไม่ว่าตอนนั้น เราจะอยู่ตรงจุดไหนหรือทำอะไรก็ตาม...เราก็ยังคงมีความสุขในแบบของเราเอง ในแบบ...ภาษาดาว