มีนาคม 2552

2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
10 Fantastic days in Japan ⊰⊹ Hakone - Kyoto


เราอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นวันที่ 6 แล้วนะคะ คิดแล้วใจหายอยากอยู่เที่ยวต่ออีกนานๆ

วันนี้เราจะไปเที่ยวเมือง Hakone ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศชื่อดังทั้งของชาวญี่ปุ่นและชาวไทยกันค่ะ โดยเรา Check Out ออกจากโรงแรม Yaesu Pearl หลังอาหารเช้ากันตั้งแต่ 7.30 น. แล้วเดินไปขึ้นรถไฟที่ Tokyo Station เพื่อไปยัง Odawara Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35-40 นาที





เมื่อไปถึง Odawara Station เราก็ฝากกระเป๋าและทรัพย์สมบัติไว้ในล็อคเกอร์ แล้วซื้อตั๋ว Hakone Free Pass ราคา 5,000 เยน เพื่อใช้เดินทางภายใน Hakone



หลังจากน้องในทริปที่พอรู้ภาษาญี่ปุ่นได้เข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงสถานีน่าสนใจภายในฮาโกเน่แล้ว เราก็เริ่มกันที่ Hakone Open-Air Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์



ที่นี่มีเด็กๆมาทัศนศึกษากันหลายโรงเรียนเชียวค่ะ เด็กๆญี่ปุ่นก็แก้มแดงน่ารักไม่แตกคอนเซ็ปท์



หลังจากชมพิพิธภัณฑ์กันเพียงภายนอกแล้ว เนื่องจากเวลามีน้อย เราก็รีบมุ่งหน้าไปชมไข่ดำยังบ่อกำมะกันที่หุบเขา Owakudani

ระหว่างที่เรานั่งกระเช้า วันนี้อากาศไม่ค่อยดีมีเมฆฝนตามคำพยากรณ์เปี๊ยบ เลยอดเห็นฟูจิซังตามระเบียบ (ตั้งใจมาแก้ตัวใหม่ เดือนเมษาปีหน้า)





บนหุบเขา Owakudani มีร้านค้ามากมาย เป้าหมายของเราอีกอย่างนอกจากบ่อกำมะถันแล้วก็คือ..คิตตี้ไข่ดำ...แสนน่ารักนั่นเอง ว่าแล้วก็ซื้อของมาเป็นที่ระลึกเพียบเลย





ตอนนี้ท้องร้องกันแล้ว เราจึงแวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านบนหุบเขานั่นเอง เขามีราเม็งไข่ดำด้วยนะคะ ได้ข่าวว่ารสชาติใช้ได้เลยล่ะ





หลังจากอิ่มท้อง เมื่อดูเวลาที่เหลือแล้วผสมกับอากาศที่มีฝนตกปรอยๆเป็นพักๆเราจึงตัดสินใจไม่ไปถึงบ่อกำมะถันเพราะคนเยอะมากๆ เรารีบไปเข้าคิวล่องเรือที่ทะเลสาบอะชิกันดีกว่า





คิวยาวมากเลยค่ะ แต่ก็รอเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น เพราะเรือ 1 ลำ บรรจุผู้โดยสารได้เกือบร้อยคน





บรรยากาศรอบๆทะเลสาบอะชิยามฝนตกปรอยๆช่างโรแมนติกเสียจริง จนอดวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือเพื่อถ่ายรูปไม่ได้





ถึงท่าเรือสุดท้ายแล้วค่ะ... ท่าเรือสวยมากค่ะเพราะมีใบไม้เปลี่ยนสีเป็นฉากหลังนั่นเอง





หลังจากล่องเรือซึมซับความโรแมนติกกันจนเต็มที่แล้วก็ต้องรีบนั่งรถไปยัง Odawara Station เพื่อขึ้น Shinkansen ไปยัง Kyoto Station ซึ่งระหว่างทางถ้านั่งรถไฟด้านขวา เราจะเห็นวิว Mount Fuji ด้วยนะคะ แต่วันนี้อากาศไม่ดี เราชม Tag BP แทนแล้วกัน





เรามาถึง Kyoto Station ประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง



หลังจากนั้นเราก็เดินหา Ryokan Kyoraku ที่เราจองไว้ (บางภาพถ่ายเช้าวันรุ่งขึ้นค่ะ) เวบไซท์ของเขาคือ //www.ryokankyoraku.jp/e/e-index.htm



เจอ Ryokan Kyoraku แล้วค่ะ เรียวกังสวยแบบเรียบๆ มีอินเตอร์เน็ตไว้บริการลูกค้าฟรีด้วยค่ะ ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง



Ryokan Kyoraku สะอาดได้มาตรฐาน อยู่ไม่ไกลสถานีรถไฟ อีกทั้งเรายังได้ความรู้ใหม่ จากการสอบถามหนุ่มเจ้าของเรียวกังถึงร้านอาหารแถวๆนั้น เรียวกังนี้ใกล้ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงหลายร้านเลยค่ะ เมื่อมาถึงเกียวโตในยามค่ำเราไม่สามารถไปเที่ยวที่ไหนได้ เราจึงตะลุยกินแทนค่ะ



ร้านแรกที่เราตัดสินใจไปชิมตามคำแนะนำจากเจ้าของเรียวกัง คือ Chabana ร้านพิซซ่าชื่อดังของเกียวโตนั่นเอง



อุปกรณ์คู่กายของแต่ละคน ...



ร้าน Chabana จะมีบริกรหนุ่มหล่อสาวสวยคอยเสิร์ฟและแนะนำอาหารด้วยนะคะ แถมสลับวันด้วย เช่น วันพฤหัสก็จะมีแต่พนักงานเสิร์ฟเป็นสาวสวยนักศึกษาทั้งร้าน อีกวันก็จะเป็นนักศึกษาหนุ่มหล่อทั้งร้านค่ะ น่ากรี๊ดมั้ยล่ะค่ะ



หลังจากมื้อนี้เราผลัดกันมาที่นี่อีก 3-4 ครั้งแต่อดชิมทุกครั้ง เพราะวันอื่นฝนไม่ตกคนจึงแน่นร้านทุกครั้งไปจนดึกเลยค่ะ คิดว่าต้องโทรจองก่อนถึงจะมีที่นั่ง อาหารจานแรกเป็นสลัด แต่หน้าตาและรสชาติคล้ายยำหมูย่างของไทย



เราลองชิมพิซซ่าชื่อดังของที่นั่น 2 แบบ อร่อยไปคนละแบบ เราได้ผัดกันเองเลยค่ะ







ของหวานชื่อดังของร้าน เป็นไอศกรีมวนิลาเสิร์ฟมาในโอ่งดินเผาใบจ้อย มีเยลลี่อยู่ด้านล่างด้วยค่ะ รสชาติหวานมัน หอม นุ่มละมุนลิ้น



อีกจานเป็นไอศกรีมเชอร์เบ็ท...หอมกลิ่นส้มญี่ปุ่น




หลังจากประทับใจกับร้านแรกแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยังร้านต่อไป คือ ร้าน Kyoto Syoya





สนับสนุนแผนที่ Kyoto Syoya โดย Ryokan Kyoraku จะเห็นได้ว่าเป็นทางผ่านจริงๆ นะคะ ><



เมนูปลาย่าง Shima hokke yaki รสชาติเทพมากค่ะ หวานเนื้อปลา เข้มด้วยซีอิ้วรสดี ย่างด้วยไฟกำลังดี ราคาเพียง 1,000 เยนเท่านั้น มีคนติดใจมาสั่งอีกหลายครั้งจนถึงวันที่ต้องกลับเมืองไทย



ข้าวผัดชื่อดังของเขาก็อร่อย ไม่มัน ไม่เละ รสชาติกำลังดี



ระหว่างทานอาหาร เราก็ปรึกษากันเรื่องที่จะไปชมการแสดงของเกอิชาในวันรุ่งขึ้นไปด้วย (เดี๋ยวจะหาว่ากินอย่างเดียว)



อาหารจานอื่นที่สั่งมาก็อร่อยนะคะ แต่ไม่ประทับใจเท่าสองจานแรก




โอ้ววว...เราอิ่มกันจนรับของหวานต่อไม่ไหวเชียวค่ะ ตอนนี้เดินต่อไม่ไหวแล้วค่ะ เหนื่อยมากๆ ต้องตัวกลับที่พักก่อนนะคะ เพราะพรุ่งนี้มีคิวทัวร์วัดกันอีกยาวเชียวค่ะ









Create Date : 01 มีนาคม 2552
Last Update : 3 มีนาคม 2552 0:03:39 น.
Counter : 1385 Pageviews.

6 comments
  
ขอบคุณข้อมูลท่องเที่ยวใหม่ๆในญี่ปุ่นะค่ะ ไม่ค่อยมีใครนำเสนอสถานที่แปลกใหม่มาก่อนเลยค่ะ โดยเฉพาะอาหารที่บาดใจที่ซู๊ดดดดดดดดด
ขอเก็บข้อมูลเลยนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
โดย: ใบตอง (Mr&Mrs.Laos ) วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:5:48:58 น.
  
เรียวกังที่พักดูสะอาดดีจัง พิซซ่าที่ผัดกันนั่นมันเหมือน okonomiyaki เลยอ่ะ คราวหน้าต้องลองไปชิมที่ร้านนี้บ้าง ปลาย่างน่ากินสุด ๆ
โดย: Jujastar วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:8:01:37 น.
  
ยินดีค่ะ คุณใบตอง ถ้าทริปเมษานี้ได้มีโอกาสไปหาของกินเองจะเอามารีวิวฝากนะคะ ^ ^

พิซซ่าญี่ปุ่นก็คือ Okonomiyaki ค่ะ คุณ Jujastar แต่หน้าตาพิซซ่าของร้าน Chabana จะถูกประยุกต์มาแล้ว ไม่เป็นแบบดั้งเดิมเหมือนร้านที่ Osaka

แต่เราว่าไปร้าน Chabana มีอาหารตาที่น่าสนใจกว่านะคะ น้องๆพนักงานเสิร์ฟน่ารักมากกกกกกกกกก
โดย: ภาษาดาว วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:9:47:07 น.
  
อาหารน่าทานมากๆ เลยค่ะ

คิดถึงฮาโกเน่ ไปแช่ออนเซ็น
โดย: NuAeaw วันที่: 4 มีนาคม 2552 เวลา:10:57:05 น.
  
โอ้ เกียวโต อยากไปจังเลย

เคยไปแต่เมืองอุตสาหกรรม...

ขอบคุณข้อมูลดีๆค่า

โดย: bakaminkchan วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:16:59:33 น.
  
เกาะ เกี่ยว ล้อเครื่องมาเที่ยวด้วยนะค่ะ

เห็น เกียวโต ทาวเวอร์ ทำให้นึกถึง หนังญี่ปุ่น เรื่อง โตเกียวทาวเวอร์

โดย: สามสิบเอ็ดธันวา วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:8:08:27 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภาษาดาว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"ภาษาดาว" ... เป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ คนนึง ที่ อ่าน-ถาม-ตอบกระทู้ อยู่ใน Pantip มาสิบกว่าปี

ถ้าถามว่าอนาคตอยากเป็นอะไร? เมื่อก่อนคงอยากเป็นนักเขียน อยากทำงานอิสระและได้ท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ แต่ด้วยเวลาและอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ค่อยๆ ห่างวงการนี้ไป แต่ทุกวันนี้ก็ยังขยันอ่าน ขยันหาความรู้รอบตัวต่างๆ ใส่สมองอันน้อยนิดอยู่เสมอ

หวังว่าสักวันหนึ่ง...ไม่ว่าตอนนั้น เราจะอยู่ตรงจุดไหนหรือทำอะไรก็ตาม...เราก็ยังคงมีความสุขในแบบของเราเอง ในแบบ...ภาษาดาว