|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความรักของแม่
วันนี้ อิฉันก็ค่อนข้างจะยุ่งเป็นอปกติ เพราะโครงการณ์ปลูกผักชี(โรยหน้า) ล้มเหลว เลยต้องมานั่งปลูกผักจริง แต่ระหว่างที่ขี้เกียจทำงาน ( อันเป็นเรื่องปกติ ) เข้าไปอ่านเมล์ที่เพื่อนๆส่งมาให้ เจออันนี้ เข้า เลย โห...ซึ้งค่ะ อ่านแล้วอย่างวิ่งถลาเข้าไปกอดแม่น่ะค่ะ ถ้าไม่นึกขึ้นมาได้ว่า ชีใช้งานอิฉันหนักเกินไป (จะไปฟ้องกรมแรงงานเนี่ย ว่า ชีใช้แรงงานทาส ) แต่ยังไงๆก็ยังรักแม่อยู่ดี อ่านเอาเองนะคะ ************************** ตึกเซนต์หลุยส์มารี โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ราวกลางปี พ.ศ.2539 มิสคะ ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้าห้องรับรองค่ะ โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ทำให้มิสอุไรพร นาคะเสถียร ครูสาวประจำระดับชั้นป.4 รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะจำได้ว่ามีการโทรนัดหมายจะมาพบจากคุณแม่ท่านหนึ่งเพียงท่านเดียวในวันนี้ เอ...ใครล่ะนี่ จะมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ เมื่อมิสอุไรพรเดินมาถึงหน้าห้องประชาสัมพันธ์ ครูสาวก็แทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสองท่านไม่ทัน หากก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว อย่างไรก็ตามมิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรกเข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัด โดยเก็บงำความแปลกใจไว้ หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จ มิสจึงเชิญคุณแม่อีกท่านเข้ามาคุยในห้องรับรอง ภาพแรกที่ได้เห็นชัดๆทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม คุณแม่มาปรึกษาเรื่องการเรียนของลูก เพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปีเมื่อต้นปีการศึกษาที่ผ่านมา ลูกเขาไม่อยากให้มา เขาว่าเขาอายที่แม่ใส่แขนเทียมกลัวโดนเพื่อนล้อ แม่มาที เพื่อนก็ล้อกันประจำว่าแม่แขนเดียว แม่เป็นหุ่นยนต์เหรอ อะไรนี่น่ะค่ะ เลยไม่ได้มา น้ำเสียงของคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ มิสอุไรพรขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม เมื่อได้ทราบความจริงทั้งหมดครูสาวก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องจัดการเรื่องที่ลูกไม่ยอมรับ และไม่เข้าใจแม่นี้โดยเร็วหากปล่อยเรื่องนี้ไป...ก็จะเป็นบาปอันหนักยิ่งติดตัวเด็กไปในภายหน้า ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนด้วย ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก มิสอุไรพรจึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟังในห้องเรียน เรื่องราวที่ว่านั้น มีดังต่อไปนี้ วันที่ิ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2536 หลังวันแม่เพียงไม่กี่วัน... ครอบครัวหนึ่งได้เดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล ครอบครัวนี้ประกอบด้วยคุณพ่อ คุณแม่ และลูกชายอีกสามคน พวกเขาเดินชมนากุ้งไปตามทางเดินซึ่งเป็นคันดิน ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ โดยคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน ส่วนคุณแม่เดินตามหลังมากับลูกชายคนเล็ก ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำ ซึ่งมีใบพัดทำจากเหล็ก สูงจากคันดินราว 25ซม. คุณพ่อและลูกคนโตสองคนก็ข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า ไม่มีใครฉุกใจคิดระวังถึงเหตุร้าย แต่แล้วลูกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่อง ขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของ ระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่และฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก ถ้าเป็นพวกคุณ น้องตกลงไปอย่างนี้คุณจะทำอย่างไร มิสหยุดเรื่องไว้ก่อนเพื่อซักถาม มองหน้าเด็กนักเรียนทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ หน้าซีด โดยเฉพาะ ลูกชาย ของคุณแม่ท่านนั้น ทุกคนตกตะลึงใช่มั้ย คิดไม่ทันใช่มั้ยแต่นักเรียนรู้มั้ยว่าคุณแม่ท่านตัดสินใจทำอย่างไร คุณแม่ไม่ยอมเสียเวลาคิดอะไรเลย ท่านรีบเอามือขวายึดดึงตัวลูกเอาไว้ แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดเหล็กไว้ก่อน...ใบพัดจึงหมุนเอาแขนของคุณแม่เข้าไป คนงานที่เห็นเหตุการณ์รีบปิดเครื่องทันที แต่แรงเฉื่อยทำให้ใบพัดยังหมุนต่อด้วยกำลังแรง...แรงจนกระชากแขนซ้ายของคุณแม่ ขาดสะบั้นลง! คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันที ท้องร่องทั่วบริเวณแดงฉานไปด้วยเลือด...เลือดของแม่...... ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อยและบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็กจนกระดูกหัก...แต่ไม่ขาด ที่ไม่ขาด...เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน... ที่ไม่ขาด...เพราะแม้จะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะมือขวาของคุณแม่ก็ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น...ไม่ยอมปล่อย ........ คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามองตามเสียงตะโกนเอะอะโวยวายของคนงานพร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องของคุณแม่ ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช็อกจนแทบสิ้นสติ! คุณพ่อกระโจนพรวดเดียวถึงตัวคุณแม่และลูกน้อย แต่...มันสายเกินไปแล้ว! สิ่งเดียวที่ทำได้คือรีบพาสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลทันที ผลของการรักษาคือคุณแม่ต้องใส่แขนเทียมแทนแขนซ้ายที่ขาดไป ส่วนลูกคนเล็กที่ขาหักต้องอยู่โรงพยาบาลนานราวสามเดือนจึงสามารถเดินเหินได้เป็นปกติ มิสอุไรพรกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง ถามขึ้นอีกว่า นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญมั้ยคะ กล้าหาญมาก เด็กๆพากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า หลายๆคนยังหน้าซีดเซียวเมื่อนึกภาพเหตุการณ์ไปตามที่ครูเล่า มิสมองหน้าลูกชาย ของคุณแม่แล้วบอกต่อว่า นักเรียนทราบมั้ยว่าคุณแม่ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เอง ไหน ใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนี้ ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ เด็กนักเรียนคนนั้นยืนขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนทั้งห้อง วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้านมิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่าพวกเราชื่นชมและยกย่องท่านมาก จริงมั้ยพวกเรา จริงครับๆ ใช่ครับๆ เสียงเล็กๆตอบมาเป็นทางเดียวกัน มิสได้ทราบมาว่ามีหลายๆคนไปล้อเลียนเพื่อน ไหนคนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา ถ้ามี เราเป็นลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ มีนักเรียน 3-4 คนยืนขึ้น สีหน้าของแต่ละคนซีดเซียวอย่างสำนึกผิด มิสอุไรพรมองหน้าของเด็กกลุ่มนี้ อย่างอ่อนโยน ถามว่า ดีมากนักเรียน ตอนนี้คุณคงอยากพูดอะไรกับเพื่อนใช่มั้ยคะ เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอแล้วกล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ ครูสาวน้ำตาคลอ ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มยินดี หนักใจอยู่เหมือนกันว่า หากถามขึ้นมาแล้วไม่มี ใครยอมรับว่าเคยล้อเพื่อน.........จะทำอย่างไร? เธอไม่เคยผิดหวังในตัวนักเรียนอัสสัมชัญและจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่ผิดหวัง ใครเล่า...จะเข้าใจความเจ็บช้ำขมขื่นในหัวใจเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่งที่ถูก เพื่อนล้อเลียนประสาเด็ก โดยไม่ทันคิด หากบัดนี้...ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อนได้สลายปมด้อยในใจของเด็กคนนี้ลงจนสิ้นแล้ว เหลือเพียงความรักและภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น เมื่อหมดชั่วโมงเรียน มิสอุไรพรได้เรียกตัว ลูกชายเข้าไปคุยอีกครั้ง วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่มั้ยคะ เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นไห้ว่า ผม...ผมจะไปขอโทษคุณแม่ แล้ว...แล้วบอกคุณแม่ว่าผมรักคุณแม่ที่สุดในโลกเลยครับ
*************** อาจจะไม่อินเทรนด์นะคะ แต่ความรักที่มีต่อแม่ของอิฉันเนี่ย ไม่ใช่แค่ 12 สิงหา วันเดียว แล้วท่านก็ถูกลืมเหมือน ตุ๊กตาเก่าๆฝุ่นเขรอะ แต่ อิฉันรักทุกวัน เพราะชี คือ ยอดคุณแม่ คุยกันได้ทุกเรื่องตั้งแต่ เรื่องแฟน หนังสือ หนัง แฟชั่น ไปจนถึง นั่งดื่มไวน์ด้วยกัน แต่จะรักชีน้อยลง ตรงที่ ชอบจิกใช้อิฉัน เหมือนประหนึ่ง นางทาสนี่แหละค่ะ
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2549 |
|
27 comments |
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2549 12:21:01 น. |
Counter : 344 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: sdgsdfg IP: 58.10.184.117 3 กุมภาพันธ์ 2549 12:47:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: Lookpat (LooKPat ) 3 กุมภาพันธ์ 2549 13:23:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก้อยศรี ณ เฉลียงหน้าบ้านค่ะ IP: 69.225.227.98 3 กุมภาพันธ์ 2549 13:32:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: grappa 3 กุมภาพันธ์ 2549 13:54:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: P.Ta 3 กุมภาพันธ์ 2549 14:22:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: อพันตรี 3 กุมภาพันธ์ 2549 18:26:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: little-joe แวะมาตอนหัวค่ำ IP: 210.4.143.236 3 กุมภาพันธ์ 2549 19:06:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: Timmie (Tinglish ) 3 กุมภาพันธ์ 2549 23:13:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: Timmie (Tinglish ) 4 กุมภาพันธ์ 2549 6:51:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: vecchio IP: 202.129.48.226 4 กุมภาพันธ์ 2549 9:07:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: พลพล IP: 193.11.235.71 8 กุมภาพันธ์ 2549 7:01:47 น. |
|
|
|
|
|
|
ไม่มีไรค่ะ ชีวิตอิฉันคือการเดินทางค่ะ เดินทางมันหมดทุกสัดส่วนตั้งแต่สมอง หัวใจ และ ปลายเท้า ได้พบได้เห็นอะไรมากมายเท่าฝุ่นธุลีของสุริยจักรวาล ทั้งมีสาระและไม่มีสาระ แล้วแต่เราจะเลือกอย่างไหน ขอให้ผุ้อ่านเรื่อง(ไร้)สาระของอิฉันมีความสุขนะคะ อาเมน
http://www.hanahouse.net/sozai/bg/bg8/tuyu25.gif
|
|
|
|
|
|
|