ตะพาบตกขบวน กม.69 อาณาจักรใหม่
เขาก้าวเดินขึ้นไปทีละก้าว ทีละก้าว อย่างม่ันคง ท่ามกลางสภาพอากาศที่เย็นเฉียบจนหนาวบาดลึกเข้าไปถึงกระดูก เสียงสายลมหวีดร้อง พัดผ่านกิ่งและใบของเหล่าต้นไม้ คล้ายเสียงดนตรีอันไพเราะตามธรรมชาติ หากแต่คล้ายกับการกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัวหากฟังผ่านหูและสำนึกของมนุษย์
ขาของเขายังคงมั่นคงและแข็งแกร่งไม่ต่างกับที่ผ่านมา จนในที่สุดเมื่อถึงจุดที่สูงที่สุด... เขายืนนิ่งสงบ หลับตาและรับฟังเสียงของสายลม เสียงอื่นๆรอบตัว ลมหายใจอันอุ่นร้อนถูกขับพ่นออกมาจากปาก เป็นการถอนหายใจครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ลมหายใจอุ่นๆนั้นผสมไปด้วยความทุกข์เศร้า สุขสม และความเสียดาย การผลัดพลาดผิดพลั้งมากมาย...
"มันไม่ง่ายเลย..." เขาคิดในใจ สองแขนและสองมือของเขาห้อยอยู่ข้างตัว ที่ปลายน้ิวมีของเหลวสีแดงหยดย้อยอยู่บางส่วนแห้งกรังไปตามสภาพอากาศ ฉับพลันนั้นเขาลืมตาขึ้นมองไปยังภาพเบื้องหน้า ความกว้างใหญ่และไพศาลของ อาณาจักรแห่งใหม่ ปรากฎขึ้นด้านหน้า ความยิ่งใหญ่อลังการและสวยงามในมุมมองของมนุษย์ทำให้คนที่แข็งกระด้างอย่างเขาอดตะลึงและสั่นเท้ิมไม่ได้...
ไม่..เขาไม่ได้สั่นเพราะความหนาว ไม่
เขาไม่ได้สั่นเพราะความสวยงาม ไม่
.เขาไม่ได้สั่นเพราะความตื้นตันใจ และ ไม่
..เขาไม่ได้สั่นเพราะความสาแก่ใจ
หากแต่เขาสั่นเพราะความกลัวผสมปนกับความเสียใจอย่างสุดขีด!!
นี่หรือคือสิ่งที่เขาพยายามมาทั้งหมด สิ่งที่เขาแลกมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต คนรอบตัวเขา คู่ชีวิตของเขา ลูกในไส้ หลานร่วมสายเลือด เพื่อนสนิทที่ยอมตายแทนกันได้ ทุกๆอย่างที่แลกไปรวมมาอยู่ที่หยดของเหลวสีแดงที่ตอนนี้แห้งกรังแข็งสนิทไปแล้วที่ปลายมือของเขาทั้งสองข้าง
มือของเขาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย และไม่นานก็กลายเป็น การสั่นที่มากขึ้น มากขึ้นและมากขึ้น จนในที่สุดเข่าและขาของเขาก็ทนความอ่อนแอของจิตใจไม่ได้ ทรุดลงไปด้วยความสิ้นแรง...ใจ ตัวของเขาสั่นจากการควบคุมไม่ได้อย่างสิ้นเชิงของร่างกาย ในวินาทีนั้นเขาเหลือบหันกลับไปมองด้านหลังอย่างอดไม่ได้ ขนที่ต้นคอของเขาลุกชันขึ้นในทันที ภาพที่คล้ายซากศพกองทับซ้อนกันเป็นภูเขาย่อมๆ การทรยศหักหลัง ความเลวร้ายแทบทุกอย่างที่สามารถเกิดขึ้นได้จากสองมือ จากสมอง เกิดขึ้นทุกอย่างในกองซากเหล่านั้น...
ความเงียบครอบคลุมทุกอย่างชั่วขณะ แม้แต่เสียงลมก็ฟังดูเบาไปคล้ายกับหยุดนิ่ง...
เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ตัวของเขาหยุดสั่นแล้ว มือของเขาหยุดสั่นแล้วเช่นกัน เข่าและขาของเขาก็กลับมามั่นคงเช่นเดิม เขาค่อยๆยืดตัวขึ้นยืนอีกครั้ง ตาของเขามองไปเบื้องหน้าสลับกับเหลือบไปมองด้านหลัง หลายต่อหลายครั้งและหลายต่อหลายครั้งต่อมา...ในที่สุดเขาก็พ่นลมหายใจอุ่นๆออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันแฝงไปด้วยความเศร้าสลด เสียใจและสำนึกผิด
เขาค่อยๆก้มลงเก็บเศษของมีคมที่ตกอยู่กลาดเกลื่อนเบื้องหน้าขึ้นมากำด้วยมือขวา ของเหลวอุ่นๆสีแดงสดซึมไหลออกมาตามแรงบีบ... จากนั้นค่อยๆยกมือซ้ายขึ้นมาทาบไปที่หน้าอกด้านซ้าย มองไปด้านหน้ามองสิ่งที่เขายอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างมา สั่นหัวเล็กน้อยพร้อมๆกับรอยยิ้มอันขมขื่นค่อยๆปรากฎขึ้นที่มุมปาก เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆและหลับตา มือขวาของเขาค่อยๆเงื้อขึ้นไปด้านบน อย่างช้าช้า..และช้าช้า... แสงแดดกระทบคมสิ่งที่อยู่ในมือวับวาวไปมา
ในวินาทีถัดมาแสงนั้นก็หายไป...
เสียงลมยังคงพัดผ่านก่ิงและใบไม่หยุดกรีดเสียงร้องโหยหวนให้แก่ทุกส่ิงรอบข้างได้ยิน...
. . . .
"
. อืมม มันจะปรัชญาไปถึงไหนวะ ถามจริงๆเถอะ" เสียงแหลมเล็ก ดังขึ้นท่ามกลางห้องสว่างมอๆที่มีเงา...สามเงานั่งอยู่
"นั่นน่ะสิ อ่านซ้ำไปซ้ำมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสื่อถึงอะไร อะไรก็ไม่รู้ กี่เรื่องแล้วเนี่ยที่เขียนแบบนี้ หักมุมซิ๊ หักมุมเท่านั้น นี่มันหักมุมตรงไหนไม่ทราบ!!"เสียงแหบพร่า ออกความเห็นบ้าง
"จะให้ทำไงล่ะ จะว่าไปก็นานแล้วนะที่ไม่ได้มานั่งด้วยกัน มันก็เลยตันๆล่ะมั้ง" เสียงทุ้มลึกพูดออกมาในสำเนียงโมโนโทนคล้ายไม่มีความรู้สึก
"อ่า
นึกถึงสมัยก่อน เคยนั่งร่วมกันคิดร่วมกันเถียง ถึงจะไม่ได้เก่งกันมากมายแต่ช่วยๆกันก็ได้มีเรื่องมีราวออกมาบ้างเนอะ ตอนนี้...กี่เดือนเข้าไปแล้ว พูดแล้วก็เซ็งจริงๆ" เสียงแหบพร่าพูดคล้ายจะร้องไห้ด้วยความรันทด
"ก็จะให้ทำยังไงล่ะ หาา ก็ในเมื่อมันเหลืออยู่แค่นี้ก็คิดแค่นี้แล้วกัน ว่าแต่จะเอาเรื่องนี้จริงๆเหรอ อ่านกี่ครั้งๆ ก็ไม่รู้เรื่องว่ะ ไม่มีที่มา...ไม่มีที่ไป...โดนคนอ่านด่าระงมแน่ๆ " เสียงแหลมเล็ก บ่นกระปอดกระแปด
"ไม่งั้นก็คิดเรื่องใหม่สิ ก็ในเมื่อ เงาที่คอยคิดเรื่องคิดพล็อตมันไม่มีแล้ว เหลือแต่ หักมุม วิจารณ์ รวบรวม มันก็ได้แต่อาศัยความคิดแว็บๆผ่านหัวมาทำเป็นพล็อตเรื่องน่ะสิ " เสียงทุ้มลึกยังคงพูดคล้ายไม่มีความรู้สึกในประโยคที่ใส่อารมณ์
"
" เสียงแหบพร่าพูดไม่ออก "
" เสียงแหลมเล็กก็พูดไม่ออก
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังปานฟ้าผ่าดังก้องไปทั้งห้องที่ เงา ทั้งสามนั่งคุยกันอยู่
"เฮ้ยยยย!! จะคิดเสียงดังกันไปถึงไหนวะ คนจะนอน พอแล้วๆไม่ต้องคิดแล้ว งานการต้องทำเยอะแยะ ไหนต้องสั่งเหล้าส่ังเบียร์ เด็กในร้านก็ไม่ได้เรื่อง สอนกันไม่เคยจำอู้งานได้ตลอด ปัญหาจากเจ้าของเก่าก็เยอะแยะ เงียบๆได้แล้ว นอนโว้ยยย!" เสียงดังปานฟ้าผ่าตะโกนลั่นห้อง
"ไม่คิดจะเขียนมันแล้วใช่ไหมเนี่ย พอคุยออกความคิดกันหน่อยทำรำคาญ ไหนเคยบอกว่าชอบเขียน ชอบคิด พอมีเรื่องอื่นให้ทำหน่อย ลืมกันไปเลย ไม่รักกันจริงนี่หน่า" เสียงแหลมเล็กตะโกนออกมาอย่างเสียไม่ได้
"หนวกหูที่สุดดด หายไปซะ!!" เสียงดังปานฟ้าผ่าตะคอกลั่นห้อง
เงาทั้งสามมองหน้ากัน แล้วเงาที่เป็นเจ้าของเสียงแหลมเล็กก็ค่อยๆจางหายไปพร้อมกับเสียงแหลมเล็กที่ยังบ่นไม่เลิกค่อยๆเบาลงไป จางหายไปในที่สุด เงาอีกสองเงานั่งนิ่งเงียบไม่กล้าออกความเห็นอะไรอีก ได้แต่มองหน้ากันและคิดในใจตรงกันว่า
จบแล้วคงไม่มีงานเขียนออกมาอีกแน่ๆ
ห้องทั้งห้องดูเงียบและทะมึนลงอีกเป็นทวีคูณ...ครับนี่คือเรื่องราวที่ผมแอบเอามาเล่าให้อ่านให้ฟังกัน ห้องนั้นคือห้องความคิดของคนที่ใช้ ช่ือล็อกอินว่า "เงามืดในประวัติศาสตร์" ปกติแล้วเขาจะระดมความคิดต่างๆนาๆมาถกกันเถียงกัน แต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่แน่ชัด เงาในห้องความคิดของเขานั่นค่อยๆจางหายไป เงาที่คอยคิดพล็อตเรื่อง เงาที่คอยคุมจังหวะเรื่องราว เงาที่คอยให้อารมณ์รัก เงาที่คอยเติมมุขตลก เงาเหล่านั้นหายไปทีละเงา ทีละเงา จนล่าสุดก็เหลือเพียงสองเงาเท่านั้นตอนที่ผมแอบเข้าไปดูห้องนั้น ต่อไปจะเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบหรอกครับ ผมแน่ใจว่า "เงามืดในประวัติศาสตร์" เองก็ไม่แน่ใจตัวเองเช่นกัน เราคงต้องรอดูกันต่อไป...
ผมเป็นใครน่ะหรือ...ผมคือเงาแรกที่โดนเขาไล่ออกจากห้อง เป็นเงาท่ีคอยให้ความคิดที่เป็นสาระ
ใช่ครับ!! "เงามืดในประวัติศาสตร์" เขาไร้สาระ มานานนมนาน...นานเหลือเกินแล้วครับจะบอกให้!!
ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ตครับ
หมายเหตุ : ถึงเพื่อนๆพี่ๆ ที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ผมต้องขอยอมรับว่าเพื่อนๆพี่ๆ มีความอดทนสูงมาก เพราะผมเองกลับไปอ่านก็ยังรู้สึกว่ามันอะไรของมัน(วะ)!! เพราะฉะนั้น ต้องขออภัยในความยืดยาวและ งงงัน ไว้ในที่นี้ด้วยนะครับ
สวัสดี...
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2555 |
|
14 comments |
Last Update : 1 ธันวาคม 2555 16:09:57 น. |
Counter : 3233 Pageviews. |
|
|
ตามมาจากบ้านคุณเป็ดค่า