Bloggang.com : Setakan : จอมใจเศรษฐวัตร จอมทัพศรีสุริยวรมัน บทสอง: เจ้าชายจอมทัพแห่งวรัณธยาปุระ

จอมใจเศรษฐวัตร จอมทัพศรีสุริยวรมัน บทสอง: เจ้าชายจอมทัพแห่งวรัณธยาปุระ

บทสอง: เจ้าชายจอมทัพแห่งวรัณธยาปุระ

เสียงฝีเท้าอาชาทรงสีดำปลอดดังกึกก้องสะท้านทั่วพระตำหนัก ตามด้วยเสียงฝีเท้าม้าของเหล่าทหารสนิทที่ติดตามไปอีกนับสิบเสียงดังใกล้เข้ามาทุกขณะ เหล่าทหารภายในพิมานองค์จอมทัพเร่งรุดมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เพื่อรอรับการกลับมาของเจ้าชายเศรษฐวัตรที่เสด็จกลับจากการล่าสัตว์ในป่าลึก

สองข้างทางภายในพระตำหนักเต็มไปด้วยทหารและบ่าวไพร่ศฤงคารนางกำนัลที่มาคอยหมอบกรานแทบพื้น เพื่อรอขบวนเสด็จที่จะมาถึงในไม่ช้า บ่งบอกถึงบารมีของเจ้าของพิมานได้เป็นอย่างดี เสียงฝีเท้าม้าแปรเปลี่ยนเป็นเหยาะย่างก่อนที่ผู้บังคับม้าจะกระตุกสายรัดเบาๆเป็นการหยุดอาชาทรงตัวใหญ่ วรองค์สูงตระหง่านเสด็จลงจากอาชาทรงฝีเท้าจัด สืบพระบาทเข้าสู่พิมานอย่างรวดเร็ว ตามติดด้วยเหล่าพราหมณ์และทหารคนสนิทปัจจะ วศิน เมื่อเสด็จผ่านพ้นไปเหล่าทหารและศฤงคารที่ก้มหมอบผู้ที่พื้นลาดหน้าพระตำหนัก จึงได้แยกย้ายกันไป

เสด็จเร่งรีบเช่นนี้แสดงว่าต้องมีราชการงานด่วน งานของเจ้าชายเศรษฐวัตรแห่งวรัณธยาปุระไม่เคยไม่มีคำว่าไม่ด่วน ทรงมีแต่งานด่วน ด่วนมาก ด่วนมากที่สุดเป็นเช่นนี้อยู่เป็นนิจ พระหทัยที่ค่อนข้างร้อนท่วงท่าที่ปราดเปรียวฉับไวไม่ชอบรั้งรอเมื่อประสงค์สิ่งใดต้องได้ตามประสงค์นั้นเสมอ ผนวกกับมันสมองที่ชาญฉลาดแยบคาย และมีพระวาจาดุจดั่งอาวุธ ทำให้ทรงเป็นที่ยำเกรงต่อบรรดาเหล่าเชื้อพระวงศ์แม้แต่พระบิดาเองก็คิดเช่นเดียวกัน

นอกจากการเมืองแล้วการศึกก็เห็นจะเป็นที่ประจักษ์ไปทั่ว ทรงเป็นองค์จอมทัพที่เกริกไกรตั้งแต่ยังพระเยาว์ สามารถช่วยแบ่งเบาพระภาระพระบิดารวบรวมเมืองน้อยใหญ่ให้เป็นปึกแผ่น แว่นแคว้นมั่นคงมาจวบจนเพลานี้ พระองค์จึงเป็นเสมือนสุริยเทพ เทพแห่งสงครามมาจุติก็ไม่ปาน พระบารมีน่าเกรงขามแผ่ขจรกว้างไกลปรากฎทั่วหล้า

วรัณธยาปุระเป็นแคว้นใหญ่ที่มั่งคั่งร่ำรวยด้วยทรัพยากรทองคำและมีทางออกทะเล ตอนใต้ของแคว้นเชื่อมต่อกับเหมรัฐปุระนครา และทางตะวันออกเฉียงใต้เชื่อมติดกับราชปุระสิทธินครา บรรพบุรุษของพระองค์สืบเชื้อสายกษัตร์ยมาจากพราหมณ์ชมพูทวีปสายพระสุริยา ทรงนับถือเทพเจ้าและเหล่าเทพยดาเป็นใหญ่

ภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยทำให้วัณธยาปุระกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองทางการค้ากับชาวต่างชาติมากมาย ทั้งพวกจีนพวกเสียมแม้แต่พวกแขกลังกาสุกะก็มีมาทำการค้าอยู่เนืองๆ ดุจเดียวกับเหมรัฐปุระนคราที่อยู่ทางตอนใต้ของแคว้น จึงมีความสำคัญเปรียบประหนึ่งเมืองคู่แฝดกับวัณธยาปุระก็ว่าได้ทีเดียว
สายสืบสอดแนมจากเหมรัฐปุระนคราที่เร้นกายอยู่นานปี ได้ให้ม้าเร็วส่งข่าวด่วนเข้ามาว่า

บัดนี้เจ้าชายรัชทายาทแห่งเหมรัฐปุระนคราคิดทรยศก่อกบฏ มีใจผันแปรออกห่างไม่ขอขึ้นกับต่อวรัณธยาปุระอีกต่อไป ข่าวดังกล่าวทำให้วรองค์สูงตระหง่านยกเลิกเสด็จล่าสัตว์ในบัดดล เร่งรุดกลับคือพิมานทันที

“ ปัจจะ วศิน พวกเจ้าคิดเห็นประการใดจงเร่งว่ามา " สุรเสียงก้องกังวานดุดัน พักตร์เข้มแสดงออกว่าไปพอหทัย ในข่าวที่ได้สดับมา

“ เพลานี้ ยังไม่มีสิ่งใดแจ้งชัดว่าเหมรัฐปุระนครารู้เห็นเป็นใจกับองค์รัชทายาทหรือไม่ กระหม่อมคิดว่าน่าจะใช้เวลาสืบหาข่าวต่อไปอีกสักระยะหนึ่งเพื่อความแน่ใจ พ่ะยะค่ะ " แม่ทัพซ้ายนามว่า ‘ ปัจจะ ‘ หมอบอยู่ข้างบาทขวาทูลถวาย

" การที่พระองค์จะเคลื่อนไพร่พลเข้ากลืนกินเหมรัฐปุระนคราให้ราบเป็นหน้ากลองนั้น เป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าพลิกฝ่าพระหัตถ์ แต่ถ้าหากพระเจ้าไชยศรีวรรมันมิได้รู้เห็นเป็นใจก็เท่ากับว่าเจ้าชายอัคนีทรงตัดสินหทัยเพียงองค์เอง วรัณธยาปุระก็หาสมควรที่จะเข้าแทรกแซงให้สูญเสียไพร่พลไม่ สู้รอให้จัดการศึกภายในให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ครานี้ก็ง่ายต่อเราที่จะเข้าควบคุม พ่ะยะค่ะ ”

นายทหารคนสนิทร่างหนาแม่ทัพขวา นามว่า ‘ วศิน ‘ ทูลสมทบตอบพระดำรัส
วรองค์สูงสง่าประทับเด่นบนพระแท่นกลางห้องประชุมเล็กขมวดพระขนงสีเข้มเกือบเป็นเส้นตรง สีพักตร์ทอแววขบคิดอย่างหนักหน่วง ก่อนจะคลายออกเปลี่ยนเป็นแย้มมุมโอษฐ์เล็กน้อยแทน กิริยาที่ปรากฏให้เห็นในเวลานั้นดุจดังราชสีห์กำลังพิชิตเหยื่อก็ไม่ปาน พระเนตรวาววับเป็นประกายดูน่ากลัวยิ่ง

“ ปัจจะรับคำสั่งข้า ส่งสาส์นถึงพระเจ้าไชยศรีวรรมัน ว่าข้าจะไปร่วมงานเฉลิมพระชนม์ของพระองค์ ส่วนเจ้าวศิน จงเตรียมทัพไว้หากเกิดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ กองทัพของข้าจะต้องพร้อมที่จะเปิดศึกกับเหมรัฐปุระนคราโดยทันที ”

“ พ่ะยะค่ะ” เสียงเข้มแข็งดุดันของสองแม่ทัพใหญ่ประสานเสียงรับพระดำรัสจอมทัพ ก่อนค่อยขยับถอยร่นลงจากท้องพระโรงเล็กไป พักตร์เข้มคมคายเรียบเฉย แต่ดวงเนตรสีนิลทอแววประกายเต้นระยับพึงพอหทัย

Create Date : 04 เมษายน 2552

Last Update : 21 ตุลาคม 2556 11:06:20 น.

0 comments

Counter : 567 Pageviews.