รายละเอียดการเดินทาง เบอร์โทรดูเวปนี้ได้ครับ
//travel.mthai.com/region/58276.html หลังจากถ่ายรูป แวะชมภายในตัวโบสถ์เสร็จ เราก็มาชมโบสถ์ข้างนอกกันต่อครับ
สภาพอากาศวันนี้ร้อนมากเลยครับ แดดแรงแต่ท้องฟ้าไม่ใส มัวๆยังไงไม่รู้ ผมเลยถ่ายรูปไม่สวย ไม่รู้จะโทษอะไร โทษฟ้าดินไปก่อนแล้วกัน
ผมกับแฟนสั่ง บะหมี่+เกี๊ยวเย็นตาโฟ ใส่ปู+กั้ง (ธรรมดา 80 มีพิเศษถึงชามละ 200) ผมสั่งชามละ 100 บาท คนละชาม เต้าหูทอด 30 บาท น้ำเปล่าอีก 10 บาทอิ่มเลยครับ ชามใหญ่มาก
เต้าหู้ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยว
พระเอกมาแล้ว แอบผิดหวังอ่ะ รสชาด พื้นๆยังไม่ถึงกับสุดยอด สำหรับผมเฉยๆครับ กินก็ได้ไม่กินก็ได้ แต่กั๊งกับปู ใส่มาบิ๊กเบิ้มมากกก ชามเดียวอยู่ ส่วนแฟนผมเค้าบอกว่าไม่เข้ากัน แต่ใครไม่เคยลองจะแวะไปชิมก็ได้
อยากจะไปกินก๋วยเตี๋ยวเส้นจันทน์ผัดปู ต่อ แต่ท้องรับไม่ไหวแล้วครับ ขับหลงในเมืองนิดหน่อยเป็นธรรมเนียม แต่ก็ไม่กลัวเพราะทางอยู่กับปาก ถามไปถามมาก็ออกมาเจอสวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ชวนแฟนลงไปไหว้ท่านหน่อย แฟนผมบอกร้อนพี่ลงไปไหว้ท่านคนเดียวเถอะ เดี๋ยวน้องไหว้ท่านในรถแล้วกัน สุดยอดแฟนโผ้มมมมมมมมม
ไหว้เสร็จประมาณบ่ายสองกว่าๆ ผมว่าจะขับรถชมเมืองจันท์ต่อ (ตอนแรกผ่านถนนอัญมณี เห็นคนมาซื้อพลอยว่าจะแวะดู พอดีไม่ใช่แนวเลยขับผ่าน) พอท้องอิ่มบวกกับอากาศร้อน นึกที่เที่ยวไม่ออกแล้ว ผมเลยขอไปนอนเล่นที่รีสอร์ทก่อนดีกว่า
ออกจากตัวเมืองถึงไฟแดงแรกที่เข้ามา ให้เลี้ยวซ้ายตรงไป ห้างโลตัสจะอยู่ทางซ้ายมือ ตรงไปอีกเจอสี่แยกไฟแดงแรกให้ตรงไปค่อยมาเลี้ยวซ้ายสี่แยกไฟแดงที่ 2 จะมีป้ายบอกไปทาง อ.ท่าใหม่ขับไปเรื่อยๆ มาถึงท่าใหม่จะงงนิดๆ ดูป้ายบอกไปทางหาดเจ้าหลาว ขับไปตามป้ายเลยครับ จากตัวเมืองมาถึงรีสอร์ทประมาณ 30 ก.ม.
ถ้ามาถึงวงเวียนตรงนี้ก็ไม่หลงแล้วครับ เลี้ยวซ้ายไปหาดเจ้าหลาว เลี้ยวขวาไปอ่าวคุ้งกระเบน เลี้ยวซ้ายโล้ด แถวนี้รีสอร์ทเพียบ
จากแยกตรงนี้ไปรีสอร์ทไม่เกินสิบกิโล ขับตรงไปตามเส้นทางขึ้นเขาไปนิดนึง พอตอนลงก็ขับช้าๆรีสอร์ทจะอยู่ทางขวามือ
ถึงแล้วครับเลี้ยวลงไปได้เลย
ผมพักที่ Sea Shell Village Resort ห้องDeluxe ห้องที่ 18 ครับ ผมจองในงานไทยเที่ยวไทยได้ราคา 1,100 บ.วันธรรมดา ถ้าศุกร์-เสาร์เพิ่มอีก 500 ผมไปวันเสาร์โดนไป 1,600 บาทจากราคาเต็ม 2,400 (แถมอาหารมื้อเช้า)
เวปไซด์ รีสอร์ท
//www.seashell-village.net/
หาที่จอดรถได้ก็ไปติดต่อที่แผนกประชาสัมพันธ์ก่อนเลยครับ
ผมขับมาถึงรีสอร์ทประมาณบ่ายสามได้ครับ พนักงานนิสัยน่ารักทุกท่านเลย ประทับใจทั้งรีสอร์ทและบริการ ขากลับผมลืมขาตั้งกล้องไว้ เจ้าหน้าที่ รีสอร์ทโทรตามให้กลับมาเอา ดีว่าผมยังไปไม่ไกล แฟนผมชอบรีสอร์ทนี้มาก ไว้จะกลับไปพักใหม่ครับ แอบเชียร์เต็มที่ ของเค้าดีจริง
เอารูปภายในห้องมาให้ดู เตียงไม้ ที่นอนไม่แข็งไม่อ่อนเกินไป นอนสบายดี ห้องไม่ใหญ่มาก แต่จัดของได้ลงตัว ดูแล้วไม่อึดอัดครับ
เปิดม่านออกไปก็จะเจอวิวอย่างนี้ครับ ชอบตรงที่มีมุงลวดให้ เวลาไม่เปิดแอร์ให้เปิดหน้าต่าง แล้วปิดมุ้งลวดรับลมทะเลและฟังเสียงคลื่น ธรรมชาติสุดๆ
มองจากเตียงนอนด้านขวาจะเป็นประตูทางเข้าห้องครับ ด้านหน้าจะเป็นเฉลียงหน้าบ้านไว้นั่งเล่นชมวิว ส่วนด้านซ้ายจะเป็นห้องน้ำ เราไปดูห้องน้ำกันก่อน
ผมชอบการออกแบบประตูเข้าห้องน้ำ ทำบานไม่ใหญ่ เป็นประตูไม้สองบาน ห้องน้ำจะแยกแบบเปียก มีเครื่องทำน้ำอุ่นเสียดายน้ำไม่ค่อยแรง นอกนั้นโอเคเลย
ภายในห้องสะอาดไม่มีกลิ่นอับใดๆ มีตู้เย็น ทีวี ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัวสะอาดดี แต่ไม่มีปลักไฟในห้องให้ มีแต่ปลักไฟในห้องน้ำอยู่ช่องเดียว ใครจะชาร์ทอะไรก็เตรียมสายไฟไปเผื่อด้วยแล้วกันครับ
มาดูด้านนอกกันบ้างครับ นี่ไงห้อง 18 ที่ผมพัก อยู่หน้าสุด
เปิดประตูห้องออกมาจะมีมุมระเบียง ตอนเย็นๆมานั่งอ่านหนังสือรับลมเพลินเลย
รีสอร์ทจะมีสองส่วน ส่วนที่ผมพักจะอยู่ส่วนใกล้สระน้ำ อีกส่วนจะเป็นบ้านคู่ ห้อง Deluxe เหมือนกัน ส่วนนี้จะติดทะเลเลย เป็นส่วนตัวกว่า ตอนเช้าน้ำทะเลจะขึ้นมาถึงหน้าห้องเลย
รีสอร์ทจะเป็นหาดส่วนตัว ทางเข้ามีทางเดียว ขึ้น-ลงเขา เลยเงียบสงบ เหมาะกับการมาพักผ่อน เสียดายทะเลไม่ค่อยสวย ชายหาดจะมีหินเยอะเล่นน้ำทะเลไม่ค่อยสะดวก ถ้าน้ำลงไม่น่าเล่นแต่ตอนเช้าน้ำขึ้นยังพอเล่นตรงชายหาดได้ ผมทำใจไว้แล้วครับ เลยไม่ผิดหวังเท่าไหร่
ถ้าอยากเล่นน้ำมีสระน้ำรีสอร์ทมีสระน้ำให้เล่น แต่ไม่ใหญ่เท่าไหร่
ชายหาดจะเป็นลักษณะนี้ รีสอร์ทจะอยู่หน้าเขา ลงมาก็เจอทะเลเลย เป็นอ่าวส่วนตัว ทำเลดีมากเลยครับ
ทางรีสอร์ทจะทำสะพานยื่นไปในทะเล ตอนเย็นๆไปเดินเล่นชมธรรมชาติได้ครับ
เดินจนมาสุดสะพาน
มองย้อนกลับไป
จะเห็นรีสอร์ท
มองไปทางทะเลจะเห็นสะพานแขมหนู
ชมรีสอร์ทเสร็จ ประมาณสี่โมงเย็นผมก็ออกไปแหลมสิงห์
ออกจากรีสอร์ทให้เลี้ยวขวา ขับไปตามทางจะเจอสะพานเฉลิมพระเกียรติ ข้ามปากแม่น้ำแขมหนูไป
ข้ามสะพานไปก็ขับไปเรื่อยๆตามทาง จะมีป้ายบอกทางไปแหลมสิงห์ รับรองไม่หลงครับ แล้วก็มาถึงสะพานตากสินมหาราช จอดรถแวะถ่ายรูปหน่อยครับ เจอน้องๆขับรถมาเป็นกลุ่ม น่าสนุกดี
สะพานตากสินมหาราช (สะพานแหลมสิงห์)
เป็นเส้นทางเลียบชายฝั่งเป็นสะพานชมวิวที่สวยงามและยาวที่สุดในภาคตะวันออก ระยะทาง 1,060 เมตร ที่ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดจันทบุรี จนมีผลต่อเนื่องทำให้ราษฎรในพื้นที่สามารถนำผลผลิตทางการเกษตร การประมง และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารทะเล มาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว ก่อให้เกิดการสร้างงานและเป็นการเพิ่มรายได้ในท้องถิ่น สะพานแหลมสิงห์สามารถเชื่อมต่อไป อ.ท่าใหม่ และ ถ.สุขุมวิท เพื่อไปยังกรุงเทพฯ ได้
ข้อมูล
//travelchanthaburi.com/content.php?id=182
สองฝั่งปากแม่น้ำจะทำอาชีพประมงเป็นส่วนใหญ่ เอาบรรยากาศยามเย็นตรงสะพานตากสินมหาราชมาฝากครับ
ถ่ายรูปเสร็จก็ขับรถลงสะพานไปต่อยังหาดแหลมสิงห์ บริเวณที่เที่ยวใกล้เคียงก็จะมี คุกขี้ไก่ ตึกแดง โอเอซิส เราจะถึงคุกขี้ไก่ก่อน ไม่ใหญ่มาก เข้าไปดูกัน
คุกขี้ไก่ จ. จันทบุรี
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ก่อนถึงท่าเทียบเรือ 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112)เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรี ในกรณีพิพาทกันด้วยเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ระหว่างนั้นกองทหารฝรั่งเศสประมาณ 600 คน แยกกันอยู่สองแห่ง แห่งแรกตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี บริเวณที่เป็นค่ายทหารในปัจจุบัน อีกแห่งอยู่ที่ปากน้ำแหลมสิงห์ ฝรั่งเศสได้สร้างคุกขี้ไก่เพื่อใช้กักขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละประมาณ 4.40 เมตร สูงประมาณ 7 เมตร มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว หลังคาโปร่ง เล่ากันว่าเป็นคุกที่ทรมานมาก เพราะชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งจะถ่ายมูลราดศีรษะนักโทษที่ถูกคุมขังตลอดเวลา
การเดินทาง
คุกขี้ไก่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (จันทบุรี-ตราด) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3149 ก่อนถึงอำเภอแหลมสิงห์ตั้งอยู่ทางด้านขวามือ
ข้อมูล
//www.thai-tour.com/thai-tour/east/chanthaburi/data/place/pic_kook-kie-kai.htm
จากคุกขี้ไก่ ก็ตรงไปหน่อยก็ถึงตึกแดง อยู่ไม่ไกลกันครับ
ตึกแดง เป็นอาคารชั้นเดียวก่ออิฐถือปูน กว้าง 7 ม. ยาว 32 ม. ทาสีแดงชาด ภายในแบ่งเป็น 5 ห้อง มีประตูเปิดถึงกันหมด มีระเบียงสองด้านตามแนวยาวของตัวตึก สร้างขึ้นในบริเวณที่ตั้งป้อมปืนเก่าแก่และได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อรับศึกญวน ฝรั่งเศสได้รื้อตึกจากตัวป้อมมาสร้างตึกแดงเพื่อใช้เป็นที่พักนายทหารและกองรักษาการณ์ปากน้ำแหลมสิงห์
ตึกแดงได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2527 และใช้เป็นอาคารห้องสมุดและศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนของ อ.แหลมสิงห์ ต่อมาเลิกใช้และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เสียดายผมไปเย็นแล้วเลยอดเข้าชมข้างใน
ออกจากตึกแดงเสร็จก็ไปหาดแหลมสิงห์ต่อครับ ทะเลไม่สวย แต่สะอาดคลี่นเงียบสงบเหมาะกับเล่นน้ำ ช่วงผมไปมีทัวร์ลงทำให้ชายหาดคึกคัก ไม่เงียบดี
จากตึกแดงเลี้ยวขวาขับตรงไปนิดเดียวก็ถึงหาดแหลมสิงห์
แถวนั้นยังมีจุดแวะเที่ยวอีกหลายที่ เสียดายไม่ได้แวะชม
พอออกมาจากศาลกรมหลวงฯ ก็เป็นถนนลาดยาง ไม่กลัวแล้ว ขับกลับสบาย แต่ฝนก็ยังตกหนักอยู่เหมือนเดิม ขับมาจนถึงร้านเรือนริมน้ำซีฟูด หกโมงเย็นพอดี ฝนก็เริ่มซาแล้วครับ
ไปถึงก็สั่งเลยครับ แบบว่าหิวจัด ปูทะเลไข่ผัดผงกระหรี่ จานนี้เอาไปห้าดาว อร่อยจริงๆครับ ไข่แน่นเลย รสชาติกลมกล่อมไม่หวานมาก ที่สำคัญสดมากกกกกกก จานนี้ 195 บาทครับ ไม่แพงอีกต่างหาก
จานต่อมา ปลาหมึกทอดน้ำปลา จานนี้ก็อร่อยครับ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟูดอร่อยอย่าบอกใครครับ จานนี้ถูกปากอีกแล้ว แอบเห็นโต๊ะข้างๆสั่งหมึกแดดเดียว ก็น่าจะอร่อยเหมือนกัน
เมนูต่อมาเป็นกุ้งอบวุ้นเส้น หม้อนี้เฉยๆจืดไปหน่อย ยังไม่ค่อยโดนครับ
แกงส้มปลากระบอก ถ้วยนี้อร่อยมาก แต่แอบหวานไปนิดหนึ่ง ถ้าลดหวานมาหน่อยผมให้เต็มเลย
ตอนแรกสั่งไข่เจียวหมูสับ หมูไม่มี เลยเอาไข่เจียวธรรมดามาจานนึง เจียวฟูได้ใจมาก แต่แอบเค็มไปนิดนึง พอกินกับแกงส้มรสชาดเข้ากันเลยครับ หุหุ
ค่าเสียหายทั้งหมด 770 บาททิปไปอีก 30 รวม 800 บาทพอดี รวมข้าว 3 จานกับน้ำแข็งหนึ่งกระติก น้ำเปล่าขวดใหญ่ 1 ขวด อาหารทั้งสดทั้งอร่อย แถมเด็กเสิร์ฟบริการดีทุกคนเลย ขออะไรไม่เคยหน้างอ รีบไปหยิบมาให้ ประทับใจ ถ้ามีโอกาสไปอีกก็จะแวะไปกินร้านนี้แหละ
พิกัดร้าน เรือนริมน้ำ จากรีสอร์ทที่ผมพัก ขับมาทางสะพานเฉลิมพระเกียรติ ขับไปตามทางไม่ไกล ก็จะมีป้ายบอกไปเลี้ยวซ้าย อ.ท่าใหม่ (ขับตรงไปแหลมสิงห์) ให้เลี้ยวทางด้านซ้าย ขับไปเรื่อยๆจะข้ามสะพาน แล้วไปตามทาง เจอทางโค้งเลี้ยวขวาไป อ.ท่าใหม่เราเลี้ยวซ้ายจะมีป้ายบอกทางเข้าร้านขับตรงไปสุดทางก็ถึงแล้ว ไปไม่ยากครับ ใครไปเที่ยวแถวนั้นลองแวะได้ครับ อาหารสด อร่อย ไม่แพง แนะนำครับ แอบเชียร์ร้านนี้
หลังจากอิ่มแล้วก็ได้เวลาเข้าที่พัก (ร้านอาหารกับรีสอร์ทห่างกันไม่เกิน 5 ก.ม.) ผมเข้าที่พักประมาณ ทุ่มกว่าๆ นั่งเล่น เดินถ่ายรูปให้ย่อยแล้วค่อยอาบน้ำนอนครับ
เดินเล่นถึงสามทุ่มก็อาบน้ำนอน หลับสบาย หกโมงเช้าผมตื่นขึ้นมามีฝนตกปรอย แถมอากาศเย็นอีกต่างหาก ไม่รู้ทำอะไรเลยนอนต่อ ตื่นมาอีกทีแปดโมง ไปเดินเล่นชายหาดถ่ายรูป
เก้าโมงก็ไปกินอาหารเช้าภายในรีสอร์ท มีให้เลือกสองแบบ ข้าวต้มกับABF มีชา,กาแฟ,โอวันติน แถมน้ำส้มให้อีกครับ
กินเสร็จก็กลับเข้าไปนั่งเล่น นอนเล่นในห้องต่อครับ หลับบ้าง อะไรบ้าง ตื่นมาอีกทีเกือบเที่ยงแล้ว ได้เวลากลับแล้วครับ เที่ยงพอดีเอากุญแจไปคืน เจ้าหน้าที่ไม่เช็ค ไม่ตรวจห้องอะไรเลย บอกเรียบร้อยแล้วครับ ผมก็ขับไปเที่ยวอ่าวคุ้งกระเบนต่อ จากรีสอร์ทเลี้ยวซ้ายไปทางหาดเจ้าหลาวถึงวงเวียนให้ตรงไปจนสุดทางก็ถึงอ่าวคุ้งกระเบน (ระยะทางจากรีสอร์ทไม่น่าเกินสิบกิโล ไม่แน่ใจ แต่ไม่ไกลกันครับ)
นี่เลยครับ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา ดำเนินงานภายใต้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา
ดำเนินงานภายใต้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี
ในการปฏิบัติงานจัดหาและรวบรวมพันธุ์สัตว์น้ำทะเลที่น่าสนใจ จากท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียงนำมาจัดแสดงเพื่อผลทางด้านการศึกษาหาความรู้ และการผักผ่อนหย่อนใจแก่ประชาชนผู้สนใจ โดยไม่คิดมูลค่าพร้อมทั้งจัดวิทยากร เพื่อบรรยายความรู้ ให้กับคณะผู้เยี่ยมชมสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำทุกวัน มีพันธุ์สัตว์น้ำแสดงทั้งหมด 36 ตู้ ในพื้นที่ระยะที่ 1 และพื้นที่ระยะที่ 2 จำนวน 17 ตู้ รวมทั้งตู้หลอด และอุโมงค์น้ำ
เวลาเปิดให้บริการ
วันอังคาร - วันศุกร์ เปิดให้บริการ เวลา 08.30 - 16.30น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ เปิดให้บริการ เวลา 08.30 - 17.30น.
ปิดให้บริการทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์ใดเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดให้บริการ และจะปิดให้บริการในวันถัดไป)
ไม่เสียค่าเข้าชม แต่มีกล่องรับบริจาคค่าอาหารสัตว์น้ำ
ที่มา
//www.aquariumthailand.com/chanthaburi-aquarium.html
เปลือกหอยก็เอามาแสดงเยอะเหมือนกัน สวยๆทั้งนั้นเลย
ออกจากอควอเลี่ยม ก็ขับย้อนกลับไปศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ ห่างประมาณ 200 เมตรครับ
เลี้ยวขวาเข้าไปจอดรถที่ลานจอดรถ หน้าสะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน