Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
27 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
-- ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี --

นางสนองพระโอษฐ์

คัดและย่อมาจาก หนังสือเรื่อง คิดถึง







นางสนองพระโอษฐ์ เป็นตำแหน่งของสุภาพสตรีสูงอายุและมีอาวุโสสูง โดยส่วนมากจะเป็นราชสกุล พร้อมที่จะรับสอนงพระราชเสาวนีย์ พระราโชบาย และปฎิบัติตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ชื่อตำแหน่งเป็นคำแปลอยู่แล้วถึงความหมายในการปฎิบัติหน้าที่ แต่ที่จะกล่าวถึงนี้มิใช่จะกล่าวถึงเรื่องนางสนองพระโอษฐ์แต่จะแสดงถึงปฎิมากรที่มีชีวิตที่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงปั้นขึ้นมาจากบุคคลจำนวนหนึ่ง ซึ่งแตกต่างไปจากวิธีการปั้นสมาชิกศิลปาชีพ ซึ่งทรงปั้นจากบุคคลที่ยากจน บางครั้งแทบจะไม่มีสมบัติอะไรติดตัวนอกจากร่างกายและชีวิตอันเป็นของตัวเอง หรือผู้ที่หมดหวังแล้วของชีวิตในอนาคต นอกจากรอวันตายโดยปราศจากความสนใจ นั้นคือพวกคนพิการทรงทำให้คนพวกนี้มีอาชีพ มีความสุขมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง











การผจญภัยของนางสนองพระโอษฐ์ในครั้งก่อนๆมีหลายประเภทต่างๆกัน แล้วแต่กลุ่มไหนจะได้ประสบมากับตัวเองอย่างไร ตามแต่ภารกิจที่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จะมีพระราชเสาวนีย์ ถ้าจะมาเล่าสู่กันฟังก็คงจะเหลือที่จะเล่า ไม่ต้องเล่าถึงอันตรายและความยากลำบาก แค่การเดินทางก็เหลือร้ายแล้ว ถนนหนทางก็แสนจะทารุณ มีหลุมขนมครกขนาดใหญ่ บ้างก็เป็นเหมือนผิวโลกพระจันทร์ ตัวก็กระเด็นกระดอน ไปตามจังหวะของรถ ที่แล่นโขยกเขยกเหมือนคนขาเป๋ บางทีฝนตกรถติดหล่มกลางป่า ที่ต้องเรียกว่าป่าเพราะมีแต่ต้นไม้ไม่มีบ้านคน ข้าวของและหยูกยาที่บรรทุกไป เพื่อแจกจ่ายราษฎรก็เปียกบ้างแห้งบาง ต้องผจญกับความลำบาก ต้องช่วยกันหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังเหมือนบ้าหอบฟาง บุญแต่ไม่ถึงกับแบกหามเท่านั้น ซึ่งในลักษณะนี้ก็เป็นธรรมดาเสียแล้ว มีอะไรหลายอย่างที่ไม่คิดว่าจะพบ บางครั้งต้องเข้ามารับคนไข้อีก ในการที่จะต้องได้รับการรักษาด่วนหรือระยะยาว นี่คือหน่วยแพทย์และพวกแจกของถามข่าวคราวความทุกข์สุขของประชาชน










นางสนองพระโอษฐ์ดังที่กล่าวมาแล้วแต่ต้นว่า รับสนองพระเดชพระคุณหลายแขนง ของงานตามแต่ความสามารถของแต่ละบุคคลตลอดจนติดตามพระยุคคลบาทสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ แล้ว ในครั้งก่อนบางครั้งยังมีพระราชเสาวนีย์ให้นางสนองพระโอษฐ์ออกไปตามจังวหัดไกลๆ จากเหนือจรดใต้ ออกไปเพื่อไกล่เกลี่ยในกรณีพิพาทที่ราษฏร ทูลเกล้าฯถวายฎีกา พวกเราภูมิใจในการที่เราได้มีโอกาสรับรู้และร่วมอยู่ในกาลเวลานั้นๆ ที่ทั้งสองพระองค์ทรงดำรงพระยศอันสูงส่งคือ "กษัตริย์" อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนได้เฝ้าเห็นถึงความอดทน และทรงทำพระทัยได้เหมือนแผ่นดินและห้วงนที คือ "ข่าวลือ" การบิดเบือนความจริงทั้งหลายในปัจจุบันแทบจะเป็นธรรมดาของข่าว แต่ข่าวลือเหล่านี้บางครั้งก็อาจจะบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ ในอนาคตอนุชนรุ่นหลังย่อมจะไม่รู้แจ่มแจ้งในข้อเท็จจริง จะต้องสงสัย ไม่แน่ใจ ความจริงคืออะไรกันแน่ อย่างที่พวกเราเคยสงสัยและถึงกับโต้เถียงกันในระหว่างปัญญาชนทั้งหลายในประวัติศาสตร์บางเรื่อง ผู้เขียนไม่ใจเย็นพอที่จะให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ในเมื่อความจริงก็เป็นสัจธรรมอยู่แล้ว มีเรื่องที่บิดเบือนจากความจริงมากมายนัก ที่ควรจะแถลงความจริง







" ถ้าเราจะต้องคอยแก้ข่าวลือ เราก็ไม่ต้องเป็นอันทำอะไร นอกจากนั่งฟังข่าวลือและคอยแก้ข่าวลือเหมือนคนบ้าจี้ เป็นตัวตลกให้เป็นที่ขบขันของคนที่ก่อข่าว " สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บางครั้งเมื่อทรงทราบว่ามีผู้สมมุติพระนามว่า " ซูสีไทเฮาและแมรีอังตัวเนตหรือแมรี่ไล่ควาย" ท่านได้แต่ทรงพระสรวลด้วยความเศร้าพระทัย เพราะท่านทั้งสองที่ได้ถูกกกล่าวนามมานี้ ตามประวัติศาสตร์ ซูสีไทเฮา เป็นบุคคลที่ฉลาดเชื่อมั่นในตนเอง มีความทะเยอทะยาน ทุกคนจะต้องอยู่ใต้อำนาจ จะต้องทำตามกฏเกณฑ์และคำสั่งทุกประการ ตลอดมาจนถึงต้นรัชกาลกษัตริย์องค์สุดท้ายของจีน ก็ยังไม่พ้นอิทธิพลของซูสีไทเฮา แม้แผ่นดินจะเดือดร้อนอย่างไรก๋ไม่สนใจ นอกจากอำนาจ ส่วนแมรีอังตัวเนตหรือแมรี่ไล่ควาย (ตามที่มีคนตั้ง) สำหรับรายนี้ประวัติศาสตร์อีกนั้นแหละ เพราะพระชนม์ยังน้อย อยู่ในความสุขไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น อยู่สูงไร้เดียงสา จนไม่รู้ความจริงของประเทศว่า อยู่ในขั้นวิกฤตเพียงไร ไม่รู้ถึงความอดอยากของราษฏรถึงแม้ขนมปัง(แทนข้าวของเรา) ก็ยังไม่มีจะกิน แฃะทรงปลอบใจให้คนกินเค็กแทน แต่คำว่าแมรี่ไล่ควายกลับทำให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงดีพระทัย เพราะเป็นการยอมรับว่าพระองค์ท่านพระบาทติดดินเหมือนกับประชาชน ในเมื่อควายมันยังต้องเดินอยู่ตามท้องนา และท่านต้องทรงพระดำเนินไปตามท้องนาเพื่อไล่ควาย แต่ทรงข้องพระทัยว่า ทำไมชาวไร่ ชาวนา มีสิทธิ์ใส่งอบ ใส่หมวกกันแดดได้ แต่ทำไมท่านจะทรงพระมาลากันแดดบ้างไม่ได้ ในเมื่อบางครั้งท่นจะเสด็จฯไปเยี่ยมประชาชนตั้งแต่เช้า และตามปรกติจะเสด็จฯกลับถึงพระตำหนักก็ต่อเมื่อพระอาทิตย์ตกดินไม่นานแล้ว ต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้า พระอาทิตย์อยู่กลางฟ้า ถ้าไม่ทรงพระมาลา พระหัตถ์หนึ่งก็ต้องทรงถือพระกลด ก็ถ้าจะพระราชทานพระหัตถ์ทั้งสองข้างให้แก่ประชาชนจะมิดีกว่าหรือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เคยรับสั่งถึงการเสด็จฯเยี่ยมราษฏรว่า







"ฉันจะทำอย่างไรได้ เดินทำยิ้มๆ แล้วก็โบกมือให้เขา ฉันทำไม่ได้ เมื่อบางคนเข้ามาหาด้วยน้ำตาอาบแก้มทุกข์แสนสาหัส ฉันจะทนได้อย่างไร "



Thanks : Knunamob





Create Date : 27 กรกฎาคม 2550
Last Update : 2 สิงหาคม 2550 9:30:35 น. 0 comments
Counter : 3732 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นิรมาณ
Location :
นครพนม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









อันชีวิตคนเราช่างสั้นนัก
ต้องรู้จักทำประโยชน์ก่อนจะสาย
ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์หลังความตาย
มีความหมายคงอยู่ ตลอดไป


อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แม้นองค์พระปฏิมายังราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา








"..ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์.."
"..จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง.."
"..จงมีธรรมเป็นเกาะ จงมีธรรมเป็นที่พึ่ง.."


++++++++++
น้องกิ๊กลิง
น้องเพนกี้
น้องลิงกี้
X
X
X
Friends' blogs
[Add นิรมาณ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.