ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...
บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้
เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง
**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **
แต่ที่ไม่เข้าใจที่อาจารย์บอกว่า ให้สังเกตดูว่าผู้รู้ออกมาจากที่ไหนแล้วกลับเข้าไปที่ไหน
ทั้งสองอย่างนี้เหมือนยังไม่เห็นชัดนักค่ะ เพราะมัวแต่ งงๆ นิ่งๆ กับสภาวะที่เกิด
ที่ว่าให้ดูผู้รู้ว่าเกิดมาตรงไหนและกลับไปตรงไหน หมายความว่า ถ้าเกิด สภาวะโผล่งในธรรม หรือ รู้ในธรรม อีก ให้เราทวนกลับเข้ามาที่ตัวผู้รู้เหรอค่ะ แล้วให้ดูที่สภาวะนั้นว่าเกิดขึ้นและดับไปเหรอค่ะ แล้วสภาวะนี้มันต้องเกิดบ่อยไหมค่ะ สำหรับอาจารย์เคยเกิดกี่ครั้งค่ะ
สำหรับดิฉัน เกิดขึ้นประมาณ 4 ครั้งค่ะ บางครั้งก็ชัดเจนเลย บางครั้งก็เบาๆ และ ความเข้าใจลึกซึ้ง
*****************
ตอบ..
การโผล่งในธรรมนั้น คือ การที่จิตไปรู้ธรรมด้วยจิตเอง
ผมจะยกตัวอย่างทางโลกให้เห็นภาพ 2 เรื่อง
เรื่องที่ 1 คุณเคยคิดอะไรไม่ออกไหม คิดเท่าใดก็ไม่ออก แต่จู่ ๆ ขณะที่กำลังทำอย่างอื่นอยู่ ก็มีความคิดเกิดขึ้นในเรื่องที่คุณเคยคิดไม่ออก
นี่ก็คือ การโผล่งความรู้ออกมา แต่เป็นความรู้ทางโลกทีใช้แก้ปัญหาทางโลกได้เป็นอย่างดี
เรื่องที่ 2 คุณเคยใส่เสื้อขนมิ้งในพวกฝรั่งคนรวยเขาใส่กันในฤดูหนาว
ไหมครับ ถ้าคุณไม่เคยใส่เลย แล้วคุณไปฟังคนที่เคยใส่มาเล่าให้คุณฟังว่า พอใส่แล้ว มันนุ่ม มันอุ่นมากเวลาไปเดินลุยหิมะ ใส่สบายไม่รูุ้จะเปรียบกับอะไรดี ถ้าคุณฟังแค่นี้ คุณก็นึกไม่ออกว่า มันนุ่มนี่มันนุ่มอย่างไรหนอ ที่ว่ามันอุ่น มันอุ่นอย่างไรหนอ
แต่ถ้าพอคุณไปใส่จริง ๆ เข้าแล้วออกไปเดินลุยหิมะ คุณจะเข้าใจทันทีเลยว่า ที่มันนุ่ม มันนุ่มอย่างนี้ ทีมันอุ่น มันอุ่นอย่างนี้ มิน่า ราคาถึงแพง
อาการนี้จะคล้ายๆ กับโผล่งในธรรมอันเป็นความรู้ที่คุณได้สัมผัสเองด้วยจิตของคุณเอง คุณอ่านมา ฟังมา ก็ไม่แน่ใจ พอคุณสัมผัสจริง ๆ คุณจึงจะรู้ด้วยตนเอง
ความรู้ในธรรมที่โผล่งออกมา เป็นความรู้เฉพาะตน ไม่สามารถไปบอกคนที่ไม่เคยพบให้เข้าใจได้เลย และการเกิดขึ้นแบบโผล่งในธรรม จะเกิดคล้าย ๆ กับกรณีที่ 1 คือ คุณไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย แต่จู่ ๆ คุณก็เกิดความรู้เรื่องนั้น ๆ โผล่พรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็หายไปทันที
ถ้าคุณบอกว่า เคยเกิด 4 ครั้งแล้ว มันก็เป็นประสบการณ์ของคุณเอง
ส่วนใครจะเกิดกี่ครั้งก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้ครับ เพราะความรู้ที่โผล่งออกมา คือ ปัญญาของจิต ซึ่งจะนำมาใช้ในการดับทุกข์ได้ต่อไป
ส่วนคำถามที่ถามมาเรื่อง ตัวผู้รู้เกิดตรงไหนและกลับไปตรงไหนนั้น ถ้าคุณยังไม่เคยเกิดขึ้น ก็ให้ฝึกฝนไปเรื่อย ๆ รอให้มันเกิดเองแล้วให้เห็นได้เอง อย่าไปทวนกลับหรือตามมันไป แต่นักภาวนาบางคนจะบอกว่าให้ทวนกลับไปที่ตัวผู้รู้ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวครับ เพราะการตั้งใจทวนกลับในเป็นการใช้จิตทำงาน เมื่อใช้จิตก็เป็นการสร้างอัตตาตัวตนขึ้นของจิต และจิตจะไม่มีประสิทธิภาพในการโผล่งในธรรมถ้าไปทำอย่างนั้นเข้า ตั้งแต่ผมปฏิบัติมา ผมเห็นอาการที่จิตหดและวิ่งกลับเข้าที่เพียง 1 ครั้งเท่านั้นเอง
****
เพิ่มเติม ที่คุณเล่ามาว่า เกิด 4 ครั้ง นี่เป็นการโผล่งในธรรม หรือ การเห็นจิตปรุงแต่งครับ เพราะการโผล่งในธรรมในแต่ละครั้งนั้น มันยากเห็นแสนเข็ญทีเดียวกว่าจะเกิดได้แต่ละครั้ง แต่ถ้าเป็นการเห็นจิตปรุงแต่งละก็ มันจะเกิดง่ายมากและเกิดไดบ่อยมาก ๆ