รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
สนทนากับเจ้าของ Blog 7

เนื่องจากมีการนำภาพที่ไม่เหมาะสม และ นำ link ที่เป็น malware และ นำ link ที่เป็นสิ่งผิดกฏหมายและศีลธรรม เข้ามาใส่ใน blog นี้

ผมจำเป็นต้องขอปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายการใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เนท

ขออภัยในความไม่สดวกที่เกิดขึ้นด้วยครับ



Create Date : 29 มกราคม 2555
Last Update : 28 มีนาคม 2556 16:43:24 น. 7 comments
Counter : 5516 Pageviews.

 
ดิฉันว่าดิฉันเกิด สภาวะโผล่งในธรรม นี่ล่ะค่ะ แต่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ว่ารู้อะไร ครั้งแรกที่เกิดจะรู้สึกรุนแรงที่สุด ครั้งต่อมาเป็นเหมือนความรู้ที่รู้ชัดในจิตค่ะ ทั้งๆที่ความรู้พวกนั้นเราก็อ่านมาแล้ว ขอเรียกว่า รู้ในธรรมล่ะกันค่ะ

แต่ที่ไม่เข้าใจที่อาจารย์บอกว่า ให้สังเกตดูว่าผู้รู้ออกมาจากที่ไหนแล้วกลับเข้าไปที่ไหน

ทั้งสองอย่างนี้เหมือนยังไม่เห็นชัดนักค่ะ เพราะมัวแต่ งงๆ นิ่งๆ กับสภาวะที่เกิด

ที่ว่าให้ดูผู้รู้ว่าเกิดมาตรงไหนและกลับไปตรงไหน หมายความว่า ถ้าเกิด สภาวะโผล่งในธรรม หรือ รู้ในธรรม อีก ให้เราทวนกลับเข้ามาที่ตัวผู้รู้เหรอค่ะ แล้วให้ดูที่สภาวะนั้นว่าเกิดขึ้นและดับไปเหรอค่ะ แล้วสภาวะนี้มันต้องเกิดบ่อยไหมค่ะ สำหรับอาจารย์เคยเกิดกี่ครั้งค่ะ

สำหรับดิฉัน เกิดขึ้นประมาณ 4 ครั้งค่ะ บางครั้งก็ชัดเจนเลย บางครั้งก็เบาๆ และ ความเข้าใจลึกซึ้ง

*****************
ตอบ..

การโผล่งในธรรมนั้น คือ การที่จิตไปรู้ธรรมด้วยจิตเอง
ผมจะยกตัวอย่างทางโลกให้เห็นภาพ 2 เรื่อง

เรื่องที่ 1 คุณเคยคิดอะไรไม่ออกไหม คิดเท่าใดก็ไม่ออก แต่จู่ ๆ ขณะที่กำลังทำอย่างอื่นอยู่ ก็มีความคิดเกิดขึ้นในเรื่องที่คุณเคยคิดไม่ออก
นี่ก็คือ การโผล่งความรู้ออกมา แต่เป็นความรู้ทางโลกทีใช้แก้ปัญหาทางโลกได้เป็นอย่างดี

เรื่องที่ 2 คุณเคยใส่เสื้อขนมิ้งในพวกฝรั่งคนรวยเขาใส่กันในฤดูหนาว
ไหมครับ ถ้าคุณไม่เคยใส่เลย แล้วคุณไปฟังคนที่เคยใส่มาเล่าให้คุณฟังว่า พอใส่แล้ว มันนุ่ม มันอุ่นมากเวลาไปเดินลุยหิมะ ใส่สบายไม่รูุ้จะเปรียบกับอะไรดี ถ้าคุณฟังแค่นี้ คุณก็นึกไม่ออกว่า มันนุ่มนี่มันนุ่มอย่างไรหนอ ที่ว่ามันอุ่น มันอุ่นอย่างไรหนอ
แต่ถ้าพอคุณไปใส่จริง ๆ เข้าแล้วออกไปเดินลุยหิมะ คุณจะเข้าใจทันทีเลยว่า ที่มันนุ่ม มันนุ่มอย่างนี้ ทีมันอุ่น มันอุ่นอย่างนี้ มิน่า ราคาถึงแพง

อาการนี้จะคล้ายๆ กับโผล่งในธรรมอันเป็นความรู้ที่คุณได้สัมผัสเองด้วยจิตของคุณเอง คุณอ่านมา ฟังมา ก็ไม่แน่ใจ พอคุณสัมผัสจริง ๆ คุณจึงจะรู้ด้วยตนเอง

ความรู้ในธรรมที่โผล่งออกมา เป็นความรู้เฉพาะตน ไม่สามารถไปบอกคนที่ไม่เคยพบให้เข้าใจได้เลย และการเกิดขึ้นแบบโผล่งในธรรม จะเกิดคล้าย ๆ กับกรณีที่ 1 คือ คุณไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย แต่จู่ ๆ คุณก็เกิดความรู้เรื่องนั้น ๆ โผล่พรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็หายไปทันที

ถ้าคุณบอกว่า เคยเกิด 4 ครั้งแล้ว มันก็เป็นประสบการณ์ของคุณเอง
ส่วนใครจะเกิดกี่ครั้งก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้ครับ เพราะความรู้ที่โผล่งออกมา คือ ปัญญาของจิต ซึ่งจะนำมาใช้ในการดับทุกข์ได้ต่อไป

ส่วนคำถามที่ถามมาเรื่อง ตัวผู้รู้เกิดตรงไหนและกลับไปตรงไหนนั้น ถ้าคุณยังไม่เคยเกิดขึ้น ก็ให้ฝึกฝนไปเรื่อย ๆ รอให้มันเกิดเองแล้วให้เห็นได้เอง อย่าไปทวนกลับหรือตามมันไป แต่นักภาวนาบางคนจะบอกว่าให้ทวนกลับไปที่ตัวผู้รู้ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวครับ เพราะการตั้งใจทวนกลับในเป็นการใช้จิตทำงาน เมื่อใช้จิตก็เป็นการสร้างอัตตาตัวตนขึ้นของจิต และจิตจะไม่มีประสิทธิภาพในการโผล่งในธรรมถ้าไปทำอย่างนั้นเข้า ตั้งแต่ผมปฏิบัติมา ผมเห็นอาการที่จิตหดและวิ่งกลับเข้าที่เพียง 1 ครั้งเท่านั้นเอง

****
เพิ่มเติม ที่คุณเล่ามาว่า เกิด 4 ครั้ง นี่เป็นการโผล่งในธรรม หรือ การเห็นจิตปรุงแต่งครับ เพราะการโผล่งในธรรมในแต่ละครั้งนั้น มันยากเห็นแสนเข็ญทีเดียวกว่าจะเกิดได้แต่ละครั้ง แต่ถ้าเป็นการเห็นจิตปรุงแต่งละก็ มันจะเกิดง่ายมากและเกิดไดบ่อยมาก ๆ


โดย: นมสิการ วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:36:13 น.  

 
อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=02-2012&group=15&date=07&gblog=96


โดย: นมสิการ วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:6:49:16 น.  

 
comment 3

ตอนแรกเราเองก็งงว่าเราดูจิตอยู่แล้วทำไม ความรู้สึกที่ตัว กายมันชัดเจนนัก จนไม่สนใจกับความคิดเลย คือเรามาสนใจกายมากกว่าความคิดอะค่ะ ตอนนั้นเข้าใจว่าดูผิดรึเปล่า เพราะไม่สนใจดูความคิด แต่ก็ยังสามารถดูได้น่ะค่ะ ไม่ถึงกับตลอด แปลว่าที่ทำแบบนี้ถูกแล้วใช่ไหมค่ะ คือใช้ฐานกายอะค่ะ

>>> ถูกหรือไม่นั้น อยู่ที่ว่า จิตเข้าไปยึดที่กายหรือไม่ ถ้าไปยึด นี่ผิดครับ ถ้าไม่ยึด นี่ถูกครับ
เพราะการรู้กาย มีทั้งแบบไปยึดและไม่ยึด

ลองไปดู youtube ครับ วิธีฝึกฝนฐานกาย ผมอธิบายไว้

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=11-2010&date=06&group=14&gblog=2

*********

มโน คือ ตัวจืตสังขาร หรือ ตัวที่เข้าไปยึดใช่ไหมค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเราเห็นความคิดปรุงแต่งโดยที่ไม่แล่นเข้าไป คือเห็นว่าเป็นอาการทางจิตเฉยๆ ก็เท่ากับไม่เกิด มโนรึเปล่าค่ะ อย่างนั้นถ้าเรามี สติ สัมปชัญญะ ได้ค่อนข้างตลอด หรือ เจริญวิปัสสนา ตัว มโน นี้ก็ไม่มีความหมายรึเปล่าค่ะ

เหมือนพอจะเข้าใจหลักการอะค่ะ แต่ยังทำไม่ได้ตลอด

>>> มโน คือ เงาของจิต จะว่าเป็นจิตสังขารนี่ก็ได้เช่นกัน
มโน เป็นตัวที่สร้างพื้นที่ไว้สำหรับให้จิตสังขารไปอยู่และแสดงในนั้น

ตัวที่เข้าไปยึด ไม่ใช่ มโน แต่ตัวที่เข้าไปยึดคือ ตัวจิตเอง

ถ้าเราเฉย ๆ นี่บอกไม่ได้ว่า ไม่เกิด มโน หรือเปล่า เพราะว่า เวลามี มโน ก็เฉย ๆ ได้เช่นกัน แต่ที่เฉย ๆ ได้ แสดงว่า ภายใน มโน นั้นไม่มีจิตปรุงแต่งทำงานอยู่ในนั้น

มโน เปรียบเหมือนบ้าน
เมื่อมีบ้าน ก็พร้อมมีคนอยูุ่ในบ้าน
ถ้ามีบ้าน แต่คนออกนอกบ้านไป บ้านก็เงียบเฉียบ แต่ยังมีบ้านอยู่ แต่ถ้าบ้านมีคนอยู่ บ้านก็อีกทึกได้

ที่ยกตัวอย่างนั้น
มโน คือ บ้าน
คน คือ จิตปรุงแต่ง
เฉย ๆ คือ คนออกจากบ้านไป
ไม่เฉยมีจิตปรุงแต่ง คือ คนเข้าไปทำอะไรในบ้านอึกทึก

มีทางเดียวที่จะรู้ว่า มี มโน เกิดหรือไม่ คือ ต้องเห็นมันด้วย ญาณ ครับ ถ้าเห็นมันว่ามี นั้นคือมีอยู่ ถ้าเห็นหายไปแล้ว ก็คือ ไม่มี มโน ครับ


โดย: นมสิการ วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:6:15:25 น.  

 
comment 4

กระทู้ที่คุณตั้งในห้องศาสนาถูกลบไปแล้ว ผมได้ตอบไว้เช่นกัน แต่ก็อ่านไม่ได้เพราะกระทู้ถูกลบไป

ปัญหาน้ำสกปรกที่คอนโดของคุณ ให้แก้ใขโดยการไปซื้อเครื่องกรองน้ำแบบ 3 ตอนมาติดตั้งเพิ่ม เครื่องกรองน้ำนี้ที่สำคัญจะอยู่ที่ตัวแท่งกรอง ราคาจะแพงหน่อยมากกว่า 2 พันขึ้นไป ถ้าราคาต้ำกว่านี้ ไม่แนะนำ เพราะไส้กรองคุณภาพต่ำ ถ้าไส้กรองไม่ดีพอ ติดไปก็เหมือนไม่ได้ติด

ในเครื่องกรองน้ำ 3 ตอนจะมีตัวกรอง 3 แท่งคือ
แท่งที่ 1 เรียกว่า แท่ง ceramic ตัวนี้จะกรองสกปรกที่มากับน้ำ เช่นสนิมเหล็ก จากในภาพ คอนโดของคุณน้ำมีสนิมมาก แสดงว่า สกปรกมาก ๆ
แท่งที่ 2 เรียกว่า แท่ง carbon ตัวนี้จะกรองกลิ่นให้น้ำปราศจากกลิ่น
แท่งที่ 3 เรียกว่า แท่ง ION exchange resin ตัวนี้จะแก้ปัญหาน้ำกระด้างให้เป็นน้ำอ่อน

การติดตั้ง ก็ให้หาซื้อข้อต่อก๊อกน้ำ 3 ทาง แล้วให้ต่อจากจุดใดก็ได้ เช่นจากซิงค์ล้างจาน แล้วให้น้ำทีออกจากเครื่องกรองไว้สำหรับดื่ม (ให้ต้มก่อนก็จะดี ) ใช้ทำอาหาร ล้างจาน แปรงพัน ปัญหาสุขภาพของคุณจะดีขึ้น

ถ้าคุณสามารถดื่มนมสดได้ ขอให้ดื่มนมสดด้วย เพราะนมสดจะช่วยล้างโลหะหนักออกจากร่างกายของคุณได้

เนื่องจากน้ำค่อนข้างสกปรกมาก ตัวกรองที่ 1 แท่ง ceramic สมควรถอดมาล้างทุกเดือน วิธีล้าง ก็ใช้แผ่นสก๊อตไบขัดภายนอกที่สกปรก เมื่อสะอาดแล้ว ก็นำมาใส่คืนที่เครื่่องกรองน้ำต่อไป


โดย: นมสิการ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:18:41:52 น.  

 
//www.howtogeek.com/howto/windows-vista/create-icons-to-start-the-screensaver-on-windows-vista/

//www.howtogeek.com/geekers/ScreensaverIcons.zip


โดย: นมสิการ วันที่: 9 พฤศจิกายน 2556 เวลา:18:26:59 น.  

 
//www.youtube.com/watch?v=Qz0XmaXvygk


โดย: นมสิการ วันที่: 20 มิถุนายน 2557 เวลา:18:07:00 น.  

 
การฝีกรู้กายหายใจ
มีการอธิบาย Primary / Secondary ไว้
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=01-2018&date=03&group=17&gblog=166


โดย: นมสิการ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2564 เวลา:18:16:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.