Group Blog
กล้วยไม้ในป่าไทย
Thai native orchid profiles
โลกสีเขียว
ถอดความ
GMOs
เล่าเรื่องจากภาพถ่าย
Portfolio
Film addicted
Half frame
เรื่องเมืองไทย
ขายกลัวยไม้
<<
พฤษภาคม 2549
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
28 พฤษภาคม 2549
การลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืช
All Blogs
หายนะ "ปาล์มน้ำมัน"
ผักอินทรีย์ ผักปลอดสาร ผักไฮโดรโปนิกส์
แหนแดงกับการตรึงไนโตรเจนของพืช
ยูเรีย
ศิลาแลง
ที่มาของชื่อ อ.บางน้ำเปรี้ยว
พิษของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชและวัตถุอันตรายทางการเกษตร
ครัวโลก
เกษตรกรรมไทย
ชื่อพืช
เครื่องปลูกรองเท้านารี
รองเท้านารีสำหรับมือใหม่
การสะสมเกลือในเครื่องปลูก
ไฟไหม้ฟาง
มะพร้าว .... ร่วง
บทอวสานของพริกไทยแท้????
ลำไย
มันส์ (มันเติม S)
น้ำส้มควันไม้
เกษตรอินทรีย์
ผลไม้ ... สักผลมั้ย
เพาะเมล็ดกล้วยไม้ด้วยตัวเอง
เรื่องกล้วย เรื่องยาก
กล้วยไม้ป่า
ประโยชน์ของวัชพืช
การอนุบาลลูกกล้วยไม้ด้วยเทคนิค Air humid confinement
ม็อบสีเขียว
ธรรมชาติพยากรณ์
หนามปาล์ม
ราปฏิปักษ์
ข้าวแพง
แสงกับการเจริญเติบโตของพืช
พิษภัยของไนเตรท
pH กับการปลดปล่อยธาตุอาหาร
วิธีผสมพันธุ์กล้วยไม้ (เรียนจากภาพ)
เคียว
พื้นฐานการปรับปรุงพันธุ์พืช (ตอนที่ 4 และ 5)
พื้นฐานการปรับปรุงพันธุ์พืช (ตอนที่ 3)
พื้นฐานการปรับปรุงพันธุ์พืช (ตอนที่ 2)
พื้นฐานการปรับปรุงพันธุ์พืช (ตอนแรก)
เรื่องร้อนๆ
ข้าวโพด : กับเรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้
pH ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชบางชนิด
การให้ปุ๋ยทางใบกับพืช
ยาจี๊ด (ตอนจบ)
ยาจี๊ด (ตอนแรก)
โกโก้ ... เครื่องดื่มชั้นเทพ
อ้อยปิ้ง (ตอนจบ)
อ้อยปิ้ง (ตอนแรก)
จิบชาบนยอดดอย
TIB
ดินกับธาตุอาหารในดิน
พืชสวนโลก สดๆ ร้อนๆ (ภาพ)
พืชสวนโลก สดๆ ร้อนๆ (เรื่อง)
หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน
นาข้าวในกรุงเทพ
อยากลองเป็นสับปะรดดูสักที (ตอนที่ 3)
อยากลองเป็นสับปะรดดูสักที (ตอนที่ 2)
อยากลองเป็นสับปะรดดูสักที (ตอนที่ 1)
การลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืช
คลอง 15
ผ.ผึ้ง ทำรัง
WASI
สวะในลำน้ำ
ตุ้มมะพร้าวเจี๊ยบ
2 วีรบุรุษทางชีววิทยา
สีสันของพืช
กระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช
ไส้เดือน ... สัตว์มหัศจรรย์
การลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืช
ในต้นพืชไม่มีปั๊มน้ำ ไม่มีปาก แต่มันดูดน้ำไปใช้ได้อย่างไร
การลำเลียงน้ำและธาตุอาหารภายในต้นพืชจะเคลื่อนที่ในรูปสารละลายเท่านั้น พืชไม่เหมือนกับสัตว์ที่สามารถใช้กล้ามเนื้อลำเลียงของแข็งได้ เพราะฉะนั้นเวลาเราใส่ปุ๋ยในรูปเม็ดจึงจำเป็นต้องรดน้ำตาม เพราะพืชไม่สามารถดูดปุ๋ยเข้าไปทั้งเม็ดแล้วเคี้ยวกร้วมๆ แบบสัตว์ทำได้ การลำเลียงสารละลายในต้นพืชมีหลายลักษณะ โดยกลไกเริ่มจากพืชคายออกทางปากใบ เซลปากใบ (Stoma) มีลักษณะคล้ายเมล็ดถั่วแดง 2 เม็ดประกบกันอยู่ เซลนี้สามารถปิดเปิดได้ตามอัตโนมัติเมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป การลำเลียงน้ำและอาหารของพืชมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับอุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์และแสง นั่นคือเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นและความเข้มของแสงมากขึ้น ทำให้ความร้อนภายในต้นพืชสูงขึ้น แต่เมื่อความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศภายนอกลดต่ำลง อาจจะเป็นด้วยมีลมเป็นตัวพัดพาเอาความชื้นเหล่านี้เคลื่อนที่ไป ทำให้เกิดความไม่สมดุลภายในต้นพืชและอากาศภายนอก พืชจึงต้องมีการคายน้ำออกสู่บรรยากาศ หากปลดปล่อยในรูปไอน้ำก็จะปล่อยออกทางปากใบ แต่มีบางครั้งที่มีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Guttation เช่นตอนที่ความชื้นในอากาศสูงมากๆ อุณหภูมิต่ำและไม่มีแสงสว่าง เช่นหลังจากฝนตกใหม่ๆ พืชจะไม่คายน้ำในรูปไอน้ำออกทางปากใบ แต่จะปล่อยน้ำออกทางรูเล็กๆ ที่ภาษาประกิตเขาบัญญัติไว้ว่า Hydathode เรามักเห็นเป็นหยดน้ำเล็กเกาะอยู่ที่ปลายใบพืช
ทีนี้กลับมาดูว่าพืชดูดน้ำไปใช้ได้อย่างไร เพราะเมื่อพืชได้คายน้ำออกไปสู่บรรยากาศแล้ว ความดัน ความต่างศักย์ และความเข้มข้นของสารละลายภายในและที่อนุภาคดินต่างกัน พืชจะใช้วิธีการดูดน้ำโดยการแพร่แบบออสโมซิส (Osmosis) โดยผ่านเซลขนรากซึ่งมีอยู่มากเป็นล้านๆ เซลในบริเวณรากฝอยของต้นพืช เซลเหล่านี้จะค่อยๆ ดูดซับเอาสารละลายเข้าสู่เซลด้านในโดยผ่านผิวแผ่นกรองหลายชั้นจนกระทั่งถึงส่วนที่เป็นเซลท่อลำเลียงน้ำที่เรียกว่า Xylem แต่ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติไม่หมดเท่านี้ เพราะการลำเลียงน้ำของพืชอาจไม่จำเป็นต้องผ่านเซลนี้ ซึ่งพืชจะใช้พลังงานที่ได้จากการสังเคราะห์แสงที่เก็บสะสมไว้ดูดเอาน้ำผ่านช่องเล็กๆ เข้าถึงชั้นเซลผนังด้านในโดยตรงก็ได้ พืชที่มีระบบท่อลำเลียงจะมีเซลที่เป็นท่อลำเลียง (Pipeline) 2 แบบแยกกัน คือท่อลำเลียงน้ำและท่อลำเลียงอาหาร สมัยเด็กๆ หากใครจำการทดลองที่ครูให้น้ำผักกะสังไปแช่ในน้ำหมึก จากนั้นเอามีดคัตเตอร์ตัดขวางที่ลำต้นไปส่องกล้องจุลทรรศน์ จะพบว่าผักกะสังซึ่งเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะมีท่อน้ำและท่ออาหารปะปนกัน แต่พืชใบเลี้ยงคู่จะมีกลุ่มเซลลำเลียงน้ำอยู่ด้านในและมีเซลลำเลียงอาหารอยู่ด้านนอก นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อตอนต้นไม้ (Layering) เมื่อเรากรีดเนื้อเยื่อผิวนอกของต้นไม้นั้นออก นั่นคือการตัดเอาท่ออาหารทิ้งไป แต่ยังสามารถลำเลียงน้ำได้ตามปกติ เมื่อเรานำกาบมะพร้าวหรือดินไปหุ้มในบริเวณที่กรีด เนื้อเยื่อเจริญที่อยู่บริเวณแผลด้านบนก็จะแทงรากออกมาใหม่ได้
ทั้งหมดนี้ทำให้เราทราบว่าพืชต้องการอุณหภูมิ ความชื้น และแสงในสมดุลที่เหมาะสมจึงจะเกิดกระบวนการลำเลียงและคายน้ำ หากปัจจัยดังกล่าวมิได้อยู่ในภาวะที่สมดุล พืชอาจแสดงอาการเหี่ยว ฉ่ำเกินไป ไม่เจริญเติบโต เจริญเติบโตช้า เมื่อสุขภาพพืชไม่ดี การเข้าทำลายของเชื้อโรคและแมลงศัตรูก็ง่ายขึ้นด้วย การรดน้ำให้ดินเปียกตลอดเวลาทำให้การดูดน้ำและการลำเลียงของพืชไม่ดีเท่าการปล่อยให้ดินมีความชื้นลดลงบ้างแล้วจึงให้น้ำอีกครั้ง แต่การปล่อยให้ดินหรือเครื่องปลูกแห้งและไม่มีความชื้นอยู่เลยก็อาจทำให้เซลของรากขนเหี่ยวแห้งไป เมื่อได้รับน้ำอีกครั้งพืชจะไม่สามารถดูดและลำเลียงน้ำได้ตามปกติ ลักษณะเช่นนี้ถือเป็นจุดวิกฤตที่พืชจะแสดงอาการเหี่ยวถาวร กู่อย่างไรก็ไม่กลับแล้วครับ
Create Date : 28 พฤษภาคม 2549
Last Update : 5 สิงหาคม 2551 16:21:08 น.
24 comments
Counter : 5334 Pageviews.
Share
Tweet
มาลักจำแว้ว...........
โดย: หมีป่า IP: 203.209.104.83 วันที่: 29 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:32:15 น.
มาแอบอ่าน
โดย:
สำเภางาม
วันที่: 29 พฤษภาคม 2549 เวลา:5:46:02 น.
ความรู้ดีจริงๆครับ
โดย: ยองยู้ฮู IP: 203.188.28.188 วันที่: 29 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:37:33 น.
อ่าน
โดย: กาฝากไร้ใบ IP: 125.25.144.39 วันที่: 29 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:46:05 น.
ชอบอ่าน
โดย: ลูกปืน IP: 203.156.25.233 วันที่: 30 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:23:56 น.
ขยันจังนะน้า ผมขี้เกียจยังไงไม่รู้แฮะ ช่วงฝนตกเนี่ย
โดย: เสือพุทธมณฑล IP: 58.9.197.97 วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:17:04:47 น.
^
^
ผมรู้นะว่าเป็นพี่คนไหน อิอิ
โดย:
น้าโหด
วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:19:04:39 น.
หากพืชแสดงอาการเหี่ยวถาวร คิดว่าน่าจะมีต้นอื่นอีก
แต่ถ้าของคนเหี่ยว บรื๋อ...ไม่อยากคิด
ขอบคุณครับที่นำมาให้อ่าน
โดย:
JUNGLE MAN
วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:21:54:03 น.
กะลังจะเหี่ยวถาวร
ขอบคุณสำหรับความรู้ คู่คุณธรรมจ้า..
โดย: ลั๊นลา IP: 203.113.37.11 วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:22:24:36 น.
มาปัดฝุ่นทบทวนความรู้ค่ะ .. (ได้ความรู้หม่ด้วย)
โดย: คำหล้า IP: 124.120.128.10 วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:23:07:41 น.
มาเก็บ(ความรู้)ค่ะ
โดย:
noojew
วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:15:51:25 น.
เอ่อ .. ว่าจะไม่พูดละค่ะ
แค่อยากจะบอกว่าคำหล้าไม่เคยทดลองเรื่องนี้กับผักกะสังเลย .. (หน้าตามันเป็นยังไงหนอ)
สงสัยจะเกิดไม่ทัน .. หุหุ
โดย: คำหล้า IP: 124.120.132.133 วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:23:12:42 น.
เยี่ยมมากครับพี่ ขอบคุณครับ
โดย: Hexter IP: 203.185.133.6 วันที่: 7 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:23:24 น.
ขอบคุณที่ให้ความรู้ดีๆค่ะ
..............ขอบอกอีกนิดนะคะ ..เอ่อแบบว่า อ่านไปแล้วมันไม่เข้าใจอะ
แต่ก็ดีกับคนที่เข้าใจนะคะเนี่ย แต่หนูขอ บายคะ
โดย: เด็กดี IP: 203.113.57.132 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:41:08 น.
ความรุเพียบ
โดย: พี่น้อง IP: 222.123.84.61 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:17:07:45 น.
โดย: อ้อ IP: 61.91.161.245 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:32:13 น.
ขอบคุงคับ
โดย: ... IP: 125.24.138.40 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:47:13 น.
มีเนื้อหาน้อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆควรมีรูปมากกว่านี้
โดย: เจมมี่ IP: 203.118.84.133 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:12:48:09 น.
ทบทวนความจำ.. เมื่อครั้งวัยละอ่อน ขอบคุณค่ะ สำหรับความรู้นี้
โดย: จันหอม IP: 158.108.200.64 วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:14:32:36 น.
ขอบคุนค่าสำหรับความรู้พวกนี้ที่หาเว็บยากมาก
โดย: นิรนาม IP: 203.156.32.182 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:13:59 น.
ความรุ้ดีค่ะ แต่มันไม่น่าสนไจ น่าจะมีการ์ตูน เเต่ชอบค่ะ
โดย: เด็กแก่นนคร IP: 222.123.11.212 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:57:59 น.
มานก้อดีนะค่า
มีสาระละฟามรู้แยอะดค่า
นู๋เคยทดลองแล้ว
เกี่ยวกับ....ต้นกระสังนี่เหละ
แต่....ว่าหน้าจามีข้อมูลมากกว่านี้
อีกนิดดดดดดดดดดดดดด 1
โดย: ......................... IP: 125.26.58.66 วันที่: 17 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:53:04 น.
ดีจัง
โดย: บัฟ IP: 118.174.2.128 วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:33:42 น.
มีแต่ความรู้และสาระที่ดี
โดย: ก3698741250 IP: 125.26.111.243 วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:29:20 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
น้าโหด
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add น้าโหด's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.