|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
9 ธันวาคม 2554 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Something borrowed / ขอได้ไหม ผู้ชายของเธอ
ผู้ชายขอกันได้ด้วยเหรอ???? เป็นประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาหลังจากอ่านชื่อหนังสือแถมยังใช้แทนว่า something อีกต่างหาก (ผู้ชายเป็น something ตั้งแต่เมือไหร่เนี่ย แต่ก็นะ something จริงๆ ด้วยหลังจากอ่านจบ) ซื้อมาเพราะคิดว่าน่าจะสนุกเพราะเป็นนิยายระดับ best seller แถมได้รับการแปลมาแล้ว 25-26 ภาษา แถมยังนำมาทำเป็นภาพยนตร์ ก็ไม่น่าจะธรรมดา ยิ่งรวมกับคำชื่นชมมากมายอย่าง chick list บ้างล่ะ อ่านสนุกจนวางไม่ลงบ้างล่ะ แต่ทำไมฉันถึงไม่ชอบเอาซะเลยนะ
Emily Giffin เล่นประเด็นเีืรื่องแอบรักคู่หมั้นของเพื่อนสนิท จะบอกตามหัวใจตัวเองหรือเก็บมันไว้เพราะไม่อยากทำร้ายเพื่อน น่ารักน่าลุ้นกันตลอดเรื่อง อะไรทำนองนี้ แค่ concept ของเรื่องก็โดนใจคนอ่านซะแล้ว เพราะสถานการณ์แบบนี้มันฮิตนักแล ไอ้การแอบรักแต่ไม่กล้าบอกเนี่ย แต่มันคงจะไม่เป็นเรื่องถ้าคนที่คุณแอบรักไม่ใช่คนรักของเพื่อนสนิทคุณน่ะสิ
ราเชลและดาร์ซี่เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เล็ก แบ่งปันทุกๆ เรื่องราวกันตลอดตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว ถึงแม้จะมีนิสัยต่างกันมากแต่ทั้งสองก็เข้ากันได้อย่างดี ราเชล สาวนักกฏหมายผู้สงบเสงี่ยมและเจียมตัว ไม่ชอบทำตัวเด่น สาวแสนดีที่มองโลกในแง่บวกและมักจะยอมให้เพื่อนรักของเธอเสมอจนเหมือนถูกเอาเปรียบ ผิดกับดาร์ซี่ สาวพีอาร์ผู้ร่าเริง สวย โดดเด่น กล้าแสดงออก หลงตัวเอง เจ้ากี่เจ้าการ เอาแต่ใจ และทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบเสมอ ระหว่างสองคนนี้ก็จะมีเพื่อนชายอีกคน ชื่อ อีทาน (ฉันชอบคนนี้มาก จะมีบทบาทมากในเล่ม 2) คนนี้คู่ปรับดาร์ซี่เลยทีเดียวเพราะเธอสงสัยว่าอีตานี่จะเป็นเกย์ (แต่สุดท้ายก็ได้กับเค้า)
ในคืนงานเลี้ยงวันเกิดครบ 30 ของราเชลที่ดาร์ซี่เป็นแม่งาน เธอดื่มหนักและสนุกสุดเหวี่ยงจเผลอไผลไปมีอะไรกับเด็กซ์ คู่หมั้นของเพื่อนรักและกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คราวนี้เธอจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น และที่เลวร้ายไปกว่านั้น เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอรักผู้ชายคนนี้ เธอควรจะเก็บความรักนี้ไว้และเป็นเพื่อนที่ดีกับทั้งสองต่อไปหรือจะทำตามหัวใจของตัวเองด้วยการบอกความรู้สึกที่ปิดมาตลอด 10 ปี เพื่อจะได้สมหวังในความรักครั้งนี้แต่ต้องแตกหักกับเพื่อนสนิทของเธอที่เธอรักที่สุดเช่นกัน เรื่องยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อมีชายหนุ่มเข้ามาจีบราเชลตามคำแนะนำของดาร์ชี่ และไม่ใช่แค่เธอและเด็กซ์ที่เผลอตัวเผลอใจ แม้แต่ดาร์ชี่ก็เช่นกัน แต่กับใครไปหาคำตอบในเล่มได้
น้อยเรื่องนักที่ฉันจะอ่านหนังสือด้วยความรู้สึกทรมาน เล่มนี้ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดกับเนื้อหาที่ผู้เขียนนำเสนอ ไม่ผิดที่คนเราทำตามความรู้สึกและความต้องการของตัวเอง แต่สิ่งนั้นต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ฉันเชื่อเช่นนั้น แต่นี่มันไม่ใช่ ว่ากันตามจริงแล้ว ราเชลรู้จักกับเด็กซ์มาก่อนดาร์ซี่เพราะเรียนที่เดียวกัน ทั้งสองมีเคมีที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีแต่ไม่เคยมีการแสดงออกที่มากกว่าคำว่าเพื่อน และเธอเองที่เป็นคนแนะนำเด็กซ์ให้รู้จักกับดาร์ซี่จนทั้งสองเป็นแฟนและหมั้นหมายกันในเวลาต่อมา เป็นเวลา 7 ปีที่ทั้งคู่คบกัน การเผลอตัวเผลอใจมันเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ควรที่จะเกิดซ้ำๆ อย่างเด็กซ์ที่พยายามติดต่อราเชลเพื่อพล่ามถึงความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เลิกลาจากดาร์ซี่ให้เป็นเรื่องเป็นราว ตัวราเชลเองก็ไม่ใจแข็งพอที่จะยับยั้งชั่งใจทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิด และที่ตลกที่สุดคือ ผู้ชายเพิ่งมารู้ว่าตัวเองว่ารักราเชลมากกว่าดาร์ชี่และเหมาะกับเธอมากกว่า โอ้ว...คนเราใช้เวลานานขนาดนี้ถึงเพิ่งรู้ตัวเหรอนี่ จนใกล้จะแต่งแล้วเนี่ยนะ มันตลกและ non sense อย่างแรง ยิ่งบทสรุปตอนท้ายเป็นอะไรที่เหลือรับจริงๆ ที่ราเชลถามว่าคิดถึงดาร์ชี่บ้างไหม พี่แกตอบ"ไม่" อย่างหน้าตาเฉย พูดไม่ออกเลยฉัน
ฉันเข้าใจว่าคนเราเมื่อรักแล้วก็เลิกรักได้ หรือคบกันไปแล้วใจมันเปลี่ยน อาจจะนิสัยเข้ากันไม่ได้หรือชอบอะไรไม่ตรงกัน หรือแม้แต่เขาอาจจะไม่ใช่คนที่เราคิดว่าเป็นตอนคบกันใหม่ๆ และอีกร้อยแปดพันเก้าเหตุผลที่ทำให้คนเราเลิกกัน มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ แต่ไม่ใช่อย่างที่เกิดในเรื่อง เหมือนพวกลักกินขโมยกินยังไงไม่รู้ ฉันว่าฉันไม่ใช่คนหัวโบราณนะแต่ขณะที่อ่านฉันยังไม่ชอบพฤติกรรมของราเชลและเด็กซ์ในเรื่อง และฉันก็อ่านข้ามไปซะหลายหน้าอยู่ มันอึดอัดและไม่สนุกเอาเสียเลย แนวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดชัดๆ
ฉันไม่ชอบหลายๆ ฉากในหนังสือ หนังพอโอเค ไม่รู้สึกว่าแรงเกินไปแต่หลังจากดูจบ ทั้งรุ่นน้องและฝรั่งที่ดูก็มี issue คาใจมากมายกับเรื่องราวในนั้น ทั้งตัวเด็กซ์และราเชล คนที่น่าสงสารที่สุดคือ ดาร์ซี่ ถึงแม้ในหนังจะทำให้เธอดูเป็นสาวร้าย ดูแย่อย่างไรก็ตามแต่ แต่ไม่มีใครสมน้ำหน้าเธอหรือคิดว่าราเชลและเด็กซ์ทำสิ่งที่ถูกต้องตามที่หนังพยายามนำเสนอ ในหนังสือก็เช่นกัน ฉันไม่เข้าใจว่าคนอเมริกันหรือชาติอื่นๆ คอยลุ้นให้ราเชลลงเอยกับเด็กซ์ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่พฤติกรรมหลังๆ ของเธอเป็นอะไรที่เห็นแก่ตัวมาก ถึงขนาดขอร้องให้เด็กซ์ถอนหมั้นกับดาร์ซี่ที่เป็นเพื่อนรักของเธอเอง!!! เนี่ยนะ มิตรภาพที่งดงาม ตรงไหนเนี่ย???? เด็กซ์เองก็ดูจะเป็นผู้ชายที่ขี้ขลาด เห็นแก่ได้ ไม่แมนเอาเสียเลย สองสาวในเรื่องยังห้าวกว่าตั้งเยอะ หรือว่าสังคมมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ไม่มีอะไรดีและเลวมีแต่ความต้องการของตัวเองเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะต้องทำร้ายคนที่เรารักที่สุดก็ตาม อย่างราเชลในเรื่อง
เอ๊ะ หรือว่าผู้หญิงที่พบเจอทุกวันนี้เอาเรื่องนี้เป็นตัวอย่างหรือเปล่าหนอ ถึงมีการแย่งแฟนกันเป็นว่าเล่น รวมทั้งยอมเป็นน้อยเ้ค้า โดยเฉพาะผู้ชายฝาหรั่ง ทั้งๆ ที่เค้ามีลูกมีเมียแล้วก็ยังจะเอา อย่างว่าแหละ ผู้ชายเป็น Something นี่นา คงหายากกกกกกกกกกกกก
ถ้าใครชอบหนังหรือหนังสือเรื่องนี้ฉันคงต้องขออภัยอย่างแรง ก็อย่างที่บอก นี่เป็นความรู้สึกของฉันล้วนๆ หลังจากทนอ่านเล่มนี้จบ ฉันก็นึกสงสัยว่ามีคนอย่างราเชล เด็กซ์และดาร์ซี่กี่คนบนโลกใบนี้ ไม่แน่นะคะ เค้าอาจจะอยู่ใกล้ตัวคุณก็ได้ จริงไหมคะ
P.S. มีเล่มต่อด้วยนะคะ Something Blue / เจอจนได้ผู้ชายของฉัน อ่านแล้วสบายใจกว่าเล่มนี้มากและค่อยเป็นผู้เป็นคนหน่อย พระเอกน่าเอาอย่างมากค่ะ ดีกว่าอีตาเด็กซ์แน่นอน ส่วนฉันคงขอบายกับนักเขียนคนนี้ค่ะ :)
Create Date : 09 ธันวาคม 2554 |
|
3 comments |
Last Update : 9 ธันวาคม 2554 15:03:54 น. |
Counter : 907 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Bee IP: 110.49.251.74 9 ธันวาคม 2554 18:59:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: nikanda 10 ธันวาคม 2554 5:10:02 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|