Mooton
<<
สิงหาคม 2555
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 สิงหาคม 2555
 
 

ตามหาบ้านเช่าในบังกาลอร์

และแล้วก็ได้เวลาที่ฉันต้องย้ายออกจาก convent ที่อยู่มานาน 3 เดือน ไปหาบ้านเช่าอยู่เองเสียที ด้วยความที่ฉันต้องเรียนปริญญาโทและสถานที่ใน convent ไม่เหมาะกับการศึกษาต่อของฉันเป็นอย่างยิ่ง ขืนอยู่ไปฉันอาจจะเรียนไม่จบและไม่รู้ว่าฉันจะได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไหน ไกลจากที่พักหรือเปล่าก็ไม่รู้ การหาบ้านอยู่เองจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แต่การหาบ้านในช่วงแรกๆ ก็เป็นปัญหาของฉันอย่างมาก ด้วยความที่ฉันไม่รู้จักนักเรียนไทยคนไหนเลย ทำให้หาค่อนข้างลำบากเพราะไม่รู้จะหาข้อมูลจากไหน โรงเรียนสอนภาษาก็มีคนไทยบ้างแต่ส่วนใหญ่มักจะมาเรียนคอร์สภาษาสั้นๆ หรือไม่ก็มาเรียนคอมพิวเตอร์ ซึ่งอยู่ไม่นานเท่ากับฉัน อีกอย่างพวกนี้ก็มากับเอเย่นซี่ที่มีที่พักให้เรียบร้อย ก็เลยช่วยอะไรมากไม่ได้ ระหว่างที่ฉันกำลังหาบ้านอยู่ เพื่อนมองโกเลียก็อยากออกจากคอนแวนต์ใจจะขาด พอรู้ว่าฉันจะย้าย she ก็จัดการติดต่อเพื่อนจาก Ivory coat ที่ทำงานในบังกาลอร์เพื่อขออาศัยชั่วคราว นัยว่าเพื่อนคนนี้มาปิ๊งหล่อนและเคยเอ่ยชวนให้ไปอยู่ด้วย ทุกอย่างก็ดูท่าจะราบรื่นแต่ดันมีปัญหาตอนออกจากคอนแวนต์ซะงั้น

การย้ายออกจากคอนแวนต์ต้องได้รับความยินยอมจาก Guardian หรือผู้ดูแลพร้อมลายเซ็นต์ เหมือนกับการเข้ามาพักอยู่ที่นี่ และต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วัน (เป็นกฏที่ฉันไม่ยักรู้ หรือฉันไม่ได้ฟังตอนย้ายเข้ามาหว่า) ตัวฉันเองไม่มีปัญหาแต่ Prinpical ฉันนี่สิ แกไม่ยอมเซ็นต์ให้ อ้างเหตุผลสารพัด หาว่าไม่แจ้งแกมั่ง ย้ายไปอยู่ที่ไหนก็ไม่บอกแกมั่ง ก็ไม่รู้จะรั้งทำไม ยิ่งรู้ว่าเพื่อนมองโกเลียจะไปกับฉันด้วยแกยิ่งเต้นเข้าไปใหญ่ ไม่ยอมให้มันย้ายออก ห่วงว่าจะไปอยู่ยังไงไกลหูไกลตาแก คุยกันไป คุยกันมากลายเป็นว่าฉันเป็นตัวกลางระหว่างเพื่อนฉันกับแกแทน  จนเพื่อนฉันรำคาญให้ฉันตัดสายไปเลย สรุปเราคุยกับแกไม่รู้เรื่องและไม่ว่ายังไงพวกเราก็ออกมาในวันนั้นจนได้ โดยที่บรรดาซิสเตอร์ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ฉันคิดเอาเองว่าท่านๆ คงอ่อนใจกับอีเด็กต่างชาติแหกคอกพวกนี้เต็มทน เพราะก่อนหน้านี้เพื่อนฉันมันก็สร้างวีรกรรมไว้พอประมาณ ไปค้างที่อื่นโดยไม่แจ้งคอนแวนต์ ซิสเตอร์ก็โทรตามกันให้ควั่ก ถามฉันก็ไม่มีคำตอบให้เพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน she กลับมาวันรุ่งขึ้นแทบจะโดนไล่ออกไำปซะตอนนั้น ดีที่ซิสเตอร์ยังสาวสนิทกับฉันและพอจะเอ็นดูกันอยู่เลยรอดมาได้

บ้านเพื่อน Ivory coat อยู่ไกลจากคอนแวนต์ค่อนข้างมาก ดูเหมือนออกชานเมืองไปหน่อยแต่ถนนหนทางค่อนข้างดี สภาพแวดล้อมคล้ายๆ ถนน Indiranagar แต่แตกต่างกันที่ผู้คน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านนอกนิดๆ แบบ village หน่อยๆ ครั้งแรกที่เห็นตัวบ้านฉันก็ชอบเลย เป็นบ้าน 2 ชั้น 3 ห้องนอน มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง และที่เก๋ที่สุดก็ตรงที่มี geaser หรือเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย ชั้นล่างเป็นห้องรับแขกทั้งชั้น มีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง บ้านที่เห็นในหนังฝรั่งเป็นยังไงที่นี่ก็เป็นอย่างนั้น บ้านหลังนี้มีสมาชิกอยู่ด้วยกัน 4 คน เป็นเพื่อนและญาติมาจากประเทศเดียวกันและทำงานที่เดียวกันมา 3 ปีแล้ว พวกเขาทำงานกะกลางคืนเป็นส่วนมากคล้ายๆ Telesales อะไรประมาณนั้น แต่ละคนก็ดูเป็นมิตรดี การมาอยู่ที่นี่ทำให้ฉันมีอิสระมากขึ้นและได้รู้จักเพื่อนต่างชาติต่างภาษาโดยเฉพาะพวกตะวันออกกลาง บางคนก็มาจากอเมริกา ยุโรปนิดหน่อย แต่ะละคนมาจากต่างเมือง ฉันเพิ่งรู้หนุ่มๆ Ivory coat กลุ่มนี้เนื้อหอมและมีเพื่อนฝูงเยอะมิใช่น้อย ดูจากการที่มี party ด้วยกันเกือบทุกเดือนเท่าที่เห็นและฟังจากพวกเขาเล่า คิดว่าถ้าอยู่ต่อไปคงจะีดีแต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะการเดินทางค่อนข้างลำบาก มีรถเมล์ผ่านแค่สายเดียวและมาคันละหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ อีกทั้งcollege ฉันได้ก็ไกลจากที่นี่มาก ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ ไม่รวมรอรถเมล์ แถมต่อรถอีก มันจะยุ่งยากไปไหม ที่สำคัญฉันอยู่แค่ชั่วคราวเพื่อรอหาบ้านของตัวเอง สุดท้ายฉันก็เจอจนได้

ฉันย้ายมาอยู่บ้านน้องอั๋น นักเรียนไทยคนแรกที่ฉันเจอในบังกาลอร์ เรียนปริญญาตรีปีแรกที่ Christ college ฉันจำไม่ได้ว่าเจอน้องเค้าครั้งแรกที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง จำได้แค่ว่าฉันไปช่วยน้องเค้าสัมภาษณ์และสมัครเข้าเรียนที่ Christ กับ Father Virgis ที่ดูแลเรื่องการรับนักเรียนเข้าใหม่ ด้วยความที่เป็นเด็กต่างชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง การที่จะมาเรียนสถาบันดังขนาดนี้จึงมีความจำเป็นต้องสัมภาษณ์เด็กว่ามีความพร้อมและสามารถเรียนได้หรือไม่ อย่างที่รู้ๆ กันว่าการเรียนการสอนในอินเดียใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมดและเด็กไทยมักจะมีปัญหาในเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ ถ้าภาษาไม่ได้ทาง father ก็จะให้เรียน 4 ปี จากหลักสูตรปกติ 3 ปี แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเสียเวลาอีก 1 ปี พวกน้องๆ เลยวิ่งหารุ่นพี่ให้ช่วยคุยกับ Father แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่เป็นผล เพราะแค่เค้าถามแต่เด็กตอบไม่ได้แม้กระทั่งคำถามง่ายๆ ก็แทบไม่ต้องพูดอะไรต่อแล้ว และอั๋นก็เป็นหนึ่งในนั้น ฉันต่อรองให้น้องจนได้ 3 ปีแต่มีข้อแม้ว่าถ้าเด็กสอบไม่ผ่านเกินครึ่งของทั้งหมด ต้องเรียนซ้ำชั้น ซึ่งน้องก็โอเค หลังจากเสร็จเรื่องฉันก็เลยขอย้ายไปอยู่กับน้องเค้าด้วย ระหว่างนั้นเพื่อนน้องคนนึง ชื่อแน๊ตตี้ ก็ได้ย้ายออกพอดี นัยว่ามีปัญหากันเลยเหลืออั๋นกับน้องอีกคนชือ เน็ต เรียนที่เดียวกัน ปีเดียวกัน ก็ใหม่ด้วยกันทั้งคู่ พอตกลงอะไรเสร็จสรรพฉันก็นัดวันย้ายเลย

บ้านใหม่ที่ฉันจะย้ายไปอยู่ไม่เหมือนกับบ้านเพื่อน Ivory coat แม้แต่อย่างเดียว บ้านเก่าให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านจริงๆ แยกออกเป็นเอกเทศ ดูโปร่งโล่งสบาย แต่บ้านใหม่เหมือนกับตึกแถว 3 ชั้น แล้วเจ้าของบ้านกั้นเป็นล็อคเอาไว้ให้เช่าโดยเฉพาะ โดยเจ้าของอยู่ชั้น 2 ทั้งชั้น ชั้นล่างกับชั้น 2 แบ่งให้คนเช่า บ้านน้องเค้าอยู่ชั้น 2 ขึ้นไปก็เป็นดาดฟ้าที่ไม่มีหลังคา ตอนกลางวันนี่อย่าให้เซด โคตรจะร้อนเพราะแดดมันเผาเต็มที่ กลางคืนก็สบายหน่อย พื้นที่ของบ้านไม่ใหญ่นัก มันไำม่ควรจะเรียกว่าบ้านนะฉันว่า มันควรเป็นห้องมากกว่า ข้างในแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น ส่วนครัว และ 1 ห้องนอนและห้องน้ำในตัวพร้อม geaser ไม่มีผักบัวหรืออะไรทั้งสิ้น ค่าเช่าก็อยู่ที่ 5,500 รูปี ไม่รวมน้ำไฟ (ราคานี้ถือว่าถูกแล้วในย่านนี้) นอกจากบ้านน้องเค้าแล้ว ถัดไปที่ติดกับบันไดก็มีอีกบ้านทีแขกเช่าอยู่ ฉันถามน้องว่าตอนอยู่ 3 คนนอนกันยังไง ก็ได้ความว่า 2 คนนอนในห้อง อีกคนนอนในห้องนั่งเล่น อ้อ..ไม่มีเตียงนะคะ ซื้อฟูกมาปูเอา อยู่กันอย่างง่ายๆ น้องก็สุภาพบุรุษเต็มที่ เสียสละให้ฉันไปนอนในห้องเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิง แต่มันลืมไปหรือเปล่าว่าในห้องน่ะมีเพื่อนมันอยู่อีกตัวที่เป็นผู้ชาย ตัวฉันเองก็ใจกล๊า..กล้า ไปอาศัยอยู่ในบ้านผู้ชายทั้งดุ้น ยอมรับเลยว่าตอนนั้นไม่ได้คิดมากเพราะเวลามันไม่มี คนไทยก็หายาก ผู้หญิงนี่นับคนได้และเรียนกันปีสุดท้ายด้วย อีกอย่าง ฉันรู้สึกถูกชะตากับน้องคนนี้เป็นพิเศษ คิดว่าเราน่าจะเป็นคนประเภทเดียวกัน คงจะคบกันได้ยาว และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทุกวันนี้เรายังติดต่อสนิทสนมกันอยู่เลย

วันที่ฉันย้ายออกจากบ้านหลังนั้น เพื่อนมองโกเลียก็ช่วยฉันขนของขึ้นออโต้ ตัวเธอเองก็ยังอยู่ที่นั่นต่อและยังไม่มีแพลนจะย้ายไปที่ไหนจนกว่าจะครบครึ่งปีอย่างที่เธอตั้งใจไว้ แต่สุดท้ายฉันก็ได้ข่าวว่าเธอก็ย้ายออกหลังฉันประมาณ 1 เดือน ครูสอนภาษาที่ london school เป็นคนหาให้และเธอเองก็มีปัญหากับแฟนชาว Ivory coat เห็นว่าจู้จี้กับเธอมากไป ดูท่ามันจะมีปัญหากับทุกบ้านที่มันไปอยู่เลยนะเนี่ย แรกๆ ที่ฉันย้ายมาอยู่ก็ทำใจไม่ค่อยได้ เพราะสภาพแวดล้อมและผู้คนช่างแตกต่างกับที่ที่ฉันเคยอยู่เสียเหลือเกิน ชอยเข้าบ้านเต็มไปด้วยร้านค้าตลอดเส้นทาง ดูพลุกพล่านเหมือนกับตลาดสด ดีอย่างตรงที่อยู่ใกล้กับ Christ college สามารถเดินไปเรียนได้ ถามว่าสะดวกไหม มันก็สะดวกนะแต่ดูวุ่นวาย ถนนก็เต็มไปด้วยรถ บีบแตรมันทั้งวัน ดีอย่างตรงที่เดินทางไม่ไกลจาก college ฉัน นั่งรถต่อเดียวถึง ไม่เกิน 45 นาทีแถมมีรถหลายสาย ดูเหมือนอยู่ในกรุงหน่อย ไม่ค่อยบ้านนอกเหมือนบ้านเพื่อนผิวหมึกนั่น ย่านที่ฉันอยู่เรียกว่า S.G.Palya บ้านเช่าส่วนใหญ่ก็เป็นลักษณะแบบเดียวกับที่ฉันเช่าอยู่ แม้ว่าบางตึกจะทำเป็น apartment ให้เช่าแต่ความกว้างของห้องก็ไม่ได้แตกต่างกับบ้านที่ฉันอยู่สักเท่าไหร่นัก ยิ่งถ้าอยู่ต้นซอยราคาก็ยิ่งสูง ลึกเข้ามาเท่าไหร่ราคาก็ถูกลงเท่านั้น ส่วนบ้านฉันก็ไม่ใกล้ไม่ไกลจากถนนใหญ่ กำลังพอดีๆ ก็กำลังโอ ฉันจำได้เลยว่าวันแรกที่ย้ายมาก็ค่ำละ มาถึงไม่มีใครอยู่บ้าน น้องอั๋นก็ลืมว่าฉันจะมาวันนี้เลยนั่งรถกลับมาจาก bridget พร้อมน้องเน็ต และดันมีเรื่องกับคนขับรถออโต้เพราะมิเตอร์มันโกงราคาไปเท่าตัว แทบจะต่อยกันกลางซอย แขกก็รอรุมกระทืบอยู่วงนอก เลยมาหาฉันช้า ดีที่ฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่งั้นคงได้เข้าร่วมวงงไปด้วยแน่ๆ แขกนี่มัน...จริงๆ น๊า....

บ้านหลังนี้ฉันอยู่มาเป็นปี เป็นบ้านหลังแรกที่ได้เช่าอยู่ เจ้าของบ้านก็ดีแสนดี ยิ่มอย่างเดียวเพราะแกพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะได้ นับถือศาสนาคริสต์กันทั้งบ้าน ถือว่าเป็นอินเดียอีกคนที่น่าคบและหายากในสังคมอินเดีย หลังจากนั้นฉันก็ได้ย้ายบ้านอีก 2-3 หลัง จนเรียนจบ จนฉันพอรู้ว่าการหาบ้านที่ดีจะต้องดูอะไรบ้าง

ราคาบ้านเช่าในบังกาลอร์ จะแบ่งตามพื้นที่นะคะ

1. S.G.Palya เริ่มต้น 6000 รูปีขึ้นไปค่ะ ขึ้นอยู่กับระยะทางและ area ด้วย

2. koramangkala ย่านนี้ค่อนข้างไฮขึ้นมาอีกนิด ถนนร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ไม่ดูแห้งแล้งเหมือนข้างบน ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวแต่ก็ยังแบ่งพื้นที่ชั้นบนหรือชั้นล่างให้เช่าอยู่ดี โดยเจ้าของบ้านก็อาศัยอยู่ในนั้นแหละ สนนราคา 1 ห้องนอนก็ประมาณ 9000 รูปีขึ้นไป

3. Indiranagar อันนี้สิหรูสมชื่อ หาบ้านราคาถูกได้ยากมาก ราคาก็หมื่นอัฟแน่นอน

4. ย่านชานเมืองทั้งหมด บ้านดี เป็น apartment ซะส่วนมาก ไม่ต้องอยู่บ้านเดียวกับเจ้าของ พื้นที่กว้างใหญ่ ราคาเริ่มต้นหมื่นขึ้นไปสามารถได้ 2 ห้องนอนและมักจะเป็นตึกที่สร้างใหม่้เป็นส่วนมาก แต่ข้อเสียคือไกลและการคมนาคมไม่สะดวกเท่าไหร่ ราคาบ้านจึงถูกนั่นเอง

นี่คือบางส่วนของบ้านเช่าในบังกาลอร์ค่ะ

วิธีการหาบ้านเช่าในบังกาลอร์หาำได้ตั้งแต่

1. จ้าง broker หาบ้านให้ วิธีนี้จะทำให้ได้บ้านในราคาและคุณสมบัติตามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นห้องสตูดิโอ 1 ห้องนอน ไปจนถึง 5 ห้องนอน broker หาให้ได้หมด อยากอยู่ย่านไหนบอกมา ข้อดีก็คือสะดวกสบาย ไม่เหนื่อย แต่ข้อเสียคือคุณต้องจ่ายค่าบริการเท่ากับ 1 เดือนของค่าเช่าบ้านค่ะ

2. หาตามประกาศที่ลงในหนังสือพิมพ์ จะบอกเอาไว้หมดทุกอย่างทั้งจำนวนห้องและ facility รวมถึงราคาด้วย แต่จะเหนื่อยหน่อยในการเดินหาและบาง area เราก็ไม่รู้จัก ค่อนข้างจะเสียเวลา หรือบางที่จะติดป้ายหน้าบ้านหรืออาคารเลยว่า House available ก็เข้าไปสอบถามได้เลย

3. ให้เพื่อนคนไทยหรืออินเดียช่วยหาให้ อันนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ประหยัดเวลา โดยเฉพาะเพื่อนอินเดีย อาจจะได้ค่าเช่าในราคาที่ถูกกว่าเราไปติดต่อเอง เพราะเขาสามารถพูดภาษาท้องถิ่นได้ คงดีกว่าเราที่เป็นต่างชาติเพราะอาจจะโดนฟันราคาหน้ามืดเกินกว่าความเป็นจริง และบางทีเพื่อนเราเองอาจจะมีบ้านให้เช่าอยู่แล้วก็สบายไป แต่ไม่แน่นะคะ อินเียยังไงก็เป็นอินเดีย สุภาษิตไทยกล่าวไว้ว่า ให้ตีแขกก่อนตีงูนั้นเป็นเรืื่องจริงค่ะ บางทีมันก็มาบวกเราเพิ่มหรือไม่ก็ไปเตี๊ยมกับเจ้าของบ้านไว้ก็มีให้เห็นมาแล้ว แขกไว้ใจยาก

4. ย้ายไปอยู่กับเพื่อนคนไทยที่เช่าบ้านอยู่แล้วซะเลย อย่างที่ฉันทำ เป็นวิธีที่ดีที่สุดและเลิศที่สุดแล้ว บางคนอยากได้ภาษามากๆ ก็ย้ายไปอยู่กับคนอินเดีย แต่ก็ต้องระวังข้าวของเราให้ดีๆ เพราะแขกส่วนใหญ่มักจะไม่มีมารยาท มักจะเอาของๆ เราไปใช้โดยไม่บอกเป็นประจำ แต่การยย้ายเข้าไปอยู่แบบนี้ อาจจะต้องมีการแจ้งเจ้าของบ้านด้วย เพราะในสัญญาจะมีระบุไว้ว่ามีคนมาอาศัยกี่คน ถ้านอกเหนือจากนั้น เจ้าบ้านอาจจะถือสิทธฺ์ในการยกเลิกสัญญาและไม่คืนเงินค่ามัดจำได้ ต้องดูดีๆ นะคะ

เมื่อได้บ้านที่ถูกใจแล้ว สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเช่าบ้านคือ

1. จ่ายค่ามัดจำบ้านล่วงหน้า 10 เดือนไม่รวมค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน อันนี้เป็นกฏของการเช่าบ้านที่บังกาลอร์เลยค่ะ ทุกที่ทำเหมือนกันหมด และต้องมีการทำสัญญาเช่าระหว่างเจ้าของและคนเช่าด้วย ถือ agreement ตัวจริงคนละชุด และจะมีการทำสัญญาต่อทุกๆ 10 เดือน และค่าเช่าจะเพิ่ม 5-10% ของค่าเช่า

2. เมื่อมีการย้ายออก ต้องแจ้งล่วงหน้า 1 เดือน และทางเจ้าของบ้านจะคืนมัดจำให้แค่ 9 เดือน หักค่าเสื่อม 1 เดือนของค่าเช่า  อันนี้เป็นกฏเช่นกันค่ะ

3. หลังจากทำสัญญาแล้ว ต้องอยู่ให้ครบกำหนดเวลาที่ได้ทำไว้ ไม่ควรย้ายออกก่อน 10 เดือนนับตั้งแต่วันที่ย้ายเข้าไปอยู่ เจ้าของบ้านสามารถริบเงินมัดจำทั้งหมดได้โดยไม่มีข้อยกเว้นค่ะ

ฉันเองก็ผ่านมาหมดทุกวิธีในการหาบ้านเช่า ขอบอกว่่าเหนื่อยสุดๆ ช่วงที่ฉันอยู่ี่หาแทบไม่ได้ เพระาคนเริ่มมาที่บังกาลอร์เยอะขึ้น ธุรกิจบ้านเช่านี่บูมมากๆ มากชนิดที่ค่าบ้านขึ้นอย่างต่ำ 1500-2000 ต่อเดือน ทั้งๆ ที่ย่านนั้นสภาพก็ไม่ได้ดีเด่อะไร ถนนเข้าซอยนี่แบบว่าราดยางมะตอยอ่ะ ฝนตกทีนี่ขี้ดินชัดๆ วัวก็เดินกันเต็มซอย ขี้วัวมีให้เห็นเป็นหย่อมๆ แต่ด้วยความที่มันใกล้ college ชื่อดังอย่าง christ ที่ใครๆ ก็อยากเข้าและมันอยู่ในเมือง เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก คนก็เลยแห่กันมา และคนไทยตอนนั้นก็ยังไม่เยอะ ก็ต้องดำน้ำลองผิดลองถูกกันไป  ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่ฉันได้ยินว่ามันพัฒนาไปเยอะแล้ว และคนไทยก็เยอะขึ้น เลยไม่ลำบากเหมือนอย่างตอนนั้น จำได้ว่าฉันเดินหาทั้งวันจนรองเท้าสึก อะไรก็ไม่ยากเท่ากับหาบ้านที่ถูกใจในราคาที่อยากได้นี่สิ มันสุดๆ จริงๆ




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2555
1 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2555 18:19:19 น.
Counter : 2449 Pageviews.

 

อยากได้ราคารถเช่าในเมืองบังกาลอร์ ไม่ทราบมีคำแนะนำหรือขอจากบริษัทได้หรือไม่

 

โดย: พี่นก IP: 61.19.98.125 27 มีนาคม 2556 18:21:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

saranan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




ดูดวงเป็นอาชีพหลัก งานประจำเป็นงานอดิเรก

ID Line : mooton.banana

[Add saranan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com