สิงหาคม 2556

ใช่แล้วค่ะ...งานไม่ประจำทำเงินกว่ายังไงล่ะคะ

นานๆ จะมีหนังสือแบบนี้ออกมาสักที เปิดเผยและจริงใจมากๆ และมันไม่ใช่สิ่งเพ้อฝันอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจด้วย 

งานไม่ประจำหลายๆ คนอาจจะนึกถึงในแง่ freelance หรืออะไรก็ตามทีที่เป็นรายได้เสริมและรายรับน้อยกว่างานประจำที่ได้รับอยู่ทุกเดือน อาจจะตีความไปว่าเป็นงานที่ไม่มั่นคงไปด้วยเลย อยากจะหัวเราะให้ดังๆ มันมีด้วยเหรองานที่มั่นคงในโลกใบนี้อ่ะ ใครรู้ช่วยตอบฉันที จริงๆ นะ

สมัยก่อนฉันถามตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าความมั่นคงมันคืออะไร เราถูกปลูกฝังมาจากพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ตลอดจนครูบาอาจารย์ยุค baby boomer ว่าให้ตั้งใจเรียน สอบได้เกรดดีๆ เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ แล้วเราจะได้ทำงานที่บริษัทใหญ่ๆ หน้าที่การงานมั่นคง และเงินเดือนเยอะๆ คือสอนไปเป็นลูกจ้างเค้า ว่ายังงั้นเถอะ 

บอกตามตรง เกือบ 10 ปีที่แล้วฉันทำตามนั้นเป๊ะ เหมือนสูตรสำเร็จอ่ะ เค้าว่าได้ภาษาจะได้เปรียบ ก็บ้าไปเรียนกะเค้า หมดไปเป็นหมื่น ได้เงินเดือนเพิ่มขี้นนิดเดียว เท่านั้นยังไม่พอ ยังกล้าไปเรียนที่อินเดียเพราะเค้าว่ากันว่าปริญญาโทจะได้เปรียบกว่าชาวบ้าน ได้ภาษาเพิ่มด้วย เงินเยอะขึ้น โอกาสหางานเพิ่มขึ้น มีโอกาสได้ตำแหน่งใหญ่ๆ โตๆ ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และความมั่นคงจะตามมา แต่สิ่งที่ดันลืมคิดกันก็คือ โลกมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า ท้ายสุดที่ทำกันมาคือการเป็นพนักงานดีเด่นที่มีรายได้คงที่ในแต่ละเดือนใช่ไหม 

ที่เศร้าใจยิ่งกว่าก็ตรงที่ตำแหน่งมันมักจะมาพร้อมความรับผิดชอบ หมายถึงเงินเยอะ เลิกดึก เป็นวัฐจักรกรรมยังไงก็ไม่รู้ สุขภาพก็โทรม โรคต่างๆ ก็ตามมาเพราะความเครียด เงินที่หามาได้สุดท้ายก็เอาไว้รักษาตัวหมด ถึงวันนั้นคุณว่าบริษัทมันยังจะจ้างคุณอีกไหม นั่นละ คืองานมั่นคง รายได้มั่นคงอย่างที่พวกเราเข้าใจกันมาตลอดล่ะค่ะ

หลังจากนั้นฉันตอบตัวเองได้ตั้งนานแล้วว่าไม่มีบริษัทไหนในโลกที่มั่นคงหรอก นอกจาก บริษัท "ฉันเอง" จำกัด อย่างที่หนังสือเล่มนี้บอกไว้ ความมั่นคงอยู่ที่ตัวเราค่ะ ไม่ใช่อยู่ที่ขนาดหรือชื่อเสียงของบริษัทเลย เห็นพี่ๆ น้องๆ หลายคนตั้งหน้าตั้งตารอเงินเดือนออก และยึดงานประจำยังกะที่พึ่งสุดท้ายแล้วรู้สึกหดหู่แทน ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังติดแหง็กกับงานประจำอยู่อย่างนั้น ปากก็บ่นทุกวัน แปลกดี ลองคิดเล่นๆ ดูนะคะว่าถ้าพรุ่งนี้บริษัทเลิกจ้าง คุณจะทำอะไรต่อไป จะหาเงินมาจากไหน ช็อคเลยใช่ไหมคะ

จีงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเราจึงต้องสร้างทางเลือกให้ตัวเองไว้ยังไงล่ะคะ เริ่มคิดเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่สิ เริ่มทำเลยดีกว่า มันไม่ยากเลยค่ะ ลองคิดถึงสิ่งที่คุณอยากทำและรักที่จะทำ เท่านั้นยังไม่พอ สิ่งนั้นต้องสร้างรายได้อย่างงามด้วย แค่ก้าวเท้าออกมาจาก comfort zone (งานประจำ) แล้วคุณจะรู้ว่าคุณทำอะไรได้อีกเยอะ แค่ขจัดความกลัวเท่านั้นเอง อ้อ..เลิกมีคำว่า "ถ้า" อยู่ในหัวด้วยนะคะ คำๆ นี้ไม่ค่อยทำให้ใครเจริญสักเท่าไหร่ เชื่อเหอะ พิสูจน์ออกมาแล้วจากคน 95% จงเป็น 5% ที่เหลือซะ เผื่อโลกเราจะมีคนรวยมากกว่านี้ 

หลายๆ คนคงคิดในใจ ว่าถ้ามันง่ายก็คงออกมาทำกันแล้ว แหมๆๆๆๆ ก็เพราะคำพุดนี้ไง ถึงมีคนรวยแค่ 5% เท่านั้น คนส่วนใหญ่คิดมากกว่าทำ ชอบทำเรื่องง่ายๆ มากกว่าเรื่องยากๆ ชอบใช้เงินซื้อของมากกว่าใช้เงินลงทุน เอาเวลาไปใส่ใจเรื่องคนอื่นมากกว่าเรื่องตนเอง มันก็เลยเอวังด้วยประการฉะนี้

แต่ไม่ได้หมายความว่าการทำงานประจำไม่ดีนะคะ ถ้าคุณรักในสิ่งที่ทำและสามารถสร้ายรายได้ให้อย่างงดงาม รู้ไว้เถอะว่าคุณคือคนที่โชคดีที่สุดแล้ว ไม่มีทางที่คุณจะตกงานได้เลยเพราะคุณรู้ว่าชีวิตคุณต้องการอะไร แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นการลองหาตัวเองดูโดยการลองทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้างจึงไม่ใช่เรื่องเสียหายเลย 

ตัวฉันเองได้ลองทำมาแล้วค่ะ จากความชอบเล็กๆ บวกกับความกล้าหน่อยๆ ไม่เคยคิดว่าจะสร้างรายได้จากสิ่งที่ตัวเองทำเล่นๆ ด้วยซ้ำ ตอนนี้มีความสุขกับมันมากค่ะ เหนื่อยน้อยกว่า รายได้โอเคและเป็นงานที่รัก ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการมีอิสระในการใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการอีกแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มที่จะลองหาอย่างอื่นทำเพิ่มไปเรื่อยๆ ขอบอกว่ามันส์มากๆ ค่ะ ชีวิตมีรสชาติขึ้นอีกเยอะ ก็ชีวิตเป็นของเรานี่นา แต่ตอนนี้ก็ทำงานประจำอยู่นะคะ เพราะใจยังชอบงานนี้อยู่ มีอะไรใหม่ๆ ให้เรียนรู้อยู่ทุกวัน และไม่กลัวด้วยว่าวันไหนจะตกงานหรือถูกเลิกจ้าง เพราะรู้ตัวว่าเราทำอะไรได้มากกว่านั้น เป็นความรู้สึกเดียวกับคนเขียนหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ 

ลองหามาอ่านกันดูค่ะ อยากให้หนังสือเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้คุณค้นหาตัวเองให้พบ มีรายได้อย่างไม่รู้จักหมด แล้วคุณจะรู้จักคำว่า "อิสระ" ได้ดียิ่งขี้น ในเมื่อคนอื่นทำได้ เราก็น่าจะทำได้เช่นกัน คาถาง่ายๆ สำหรับความสำเร็จ มีแค่นี้เองจริงๆ ค่ะ