ช่วงแรกของการเรียนภาษาที่ London school of speech ฉันก็พอมีเวลาว่างช่วงบ่ายเลยออกตระเวณไปตามที่ต่างๆ และหนึ่งในนั้นก็คือ Bridget Road แหล่งชอปปิ้งที่ขึ้นชื่อและทันสมัยที่สุดของเมืองนี้
ด้วยความที่หนังสือคู่มือเรียนต่อฉบับเทวดาเล่มนั้นได้โปรยข้อความจนฉันอยากจะไป นัยว่า เป็นแหล่งรวมทุกอย่างที่เป็นแฟชั่นและเป็นศูนย์กลางของการชอปปิ้ง ถ้าเทียบกับกรุงเทพก็คือสยามสแควร์ดีๆ นี่เอง มีของแบรนด์เนมมากมาย เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของเหล่าวัยรุ่นที่แต่งตัวทันสมัยมาโชว์กัน รวมทั้งเป็นแหล่งแฟชั่นชั้นนำเพราะตลอดทางเดินเต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย ทั้งร้านอาหารและเสื้อผ้าหน้าผมรวมถึงเสื้อผ้าและแฟชั้นทั้งหลาย มีโรงหนังที่ใหญ่โตและทันสมัยที่สุดแล้ว อย่างนี้เป็นต้น ฉันก็เลยอยากไปเห็นให้เป็นขวัญตาว่ามันเป็นยังไง ก็เลยถามทางกับรูมเมทของฉันที่เป็นคนอินเดีย เธอก็เลยเรียกรถออโต้ริกชอว์ให้ แล้วเธอขึ้นรถมาด้วย ตอนแรกฉันก็หลงคิดว่าเธอช่างใจดีจัง มีน้ำใจไปส่งให้ถึงที่ (แบบว่ายังฟังภาษาไม่เก่ง จับใจความได้แค่ "I will go with you") แต่พอนั่งไปแป๊บเดียวเธอก็ขอลงระหว่างทาง (ลืมบอกไปว่าเธอเรียนภาษาเยอรมันแถวๆ คอนแวนต์เพื่อเตรียมตัวไปทำงานพยาบาลที่นั่น) และคุยกับคนขับสักพักเธอก็เชย์ good bye ฉันเลยถึงบางอ้อว่าการติดรถฟรีมันเป็นยังไง อินเดียน่ะนะ...
โชคดีที่ bridget road ไม่ไกลจากคอนแวนต์ฉันสักเท่าไหร่นัก ประมาณ 15 นาทีก็เดินทางมาถึง ค่ารถก็ประมาณ 33 รูปี ถือว่าพอทน สิ่งแรกที่ฉันเห็นก็ต่างกับสิ่งที่ฉันได้อ่านและคิดเอาไว้มากกก ฉันคิดว่ามันจะใหญ่แบบมีหลายพันร้านอยู่ในละแวกนั้น และคงต้องเดินเที่ยวกันจนเมื่อย แต่ภาพแรกที่เห็นคือ ทางเดินที่สูงต่ำตลอดแนว (บังกาลอร์เป็นเมืองที่ภูมิประเทศเป็นภูเขาซะเป็นส่วนใหญ่ บ้านเรือนและถนนหนทางก็ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ของภูเขา) สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนม มีทั้งร้านอาหารและเสื้อผ้ารองเท้าตลอดแนว ไม่ว่าจะเป็น Levi's, Adidas, Nike, Pepe jeans, Puma, Reebok, Mc Donald's (มีครั้งแรกในปีที่ฉันไป!!) KFC, Pizza Hut และร้าน chill out หรูๆ อีกมากมาย ฟังดูเหมือนน่าจะดี แต่ แต่ว่า...มันเล็กมากน่ะสิคะ เอาเป็นว่าถนนเส้นนั้นที่เรียกว่าย่าน shopping ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ไม่นับซอกซอยที่น่าเดินอีกประมาณ 2 ซอย ประมาณว่าเดินทั่วๆ ก็ใช้เวลาแค่ 30 นาทีก็เดินจนครบแล้วน่ะค่ะ เป็นย่านชอปปิ้งที่ถนนสั้นที่สุด ใช้เวลาน้อยที่สุดตั้งแต่เดินมาเลย โอ้ว....ไม่จริงอ่ะ ฉันเปิดหนังสืออ่านแล้วอ่านอีก มั่นใจว่ามาไม่ผิดที่ วันนั้นคือมึนค่ะ มึน แต่อย่างน้อยแทบทุกร้านมันก็มีแอร์วะ ตั้งแต่เดินมาเพิ่งมีที่นี่แหละ ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองหน่อย และจะว่าไป ถนนเส้นนี้ก็มีทุกอย่างที่อยากได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านตัดผม เสื้อผ้า รองเท้า มือถือ laptop อุปกรณ์ IT มีครบ โรงหนัง (อันนี้ไม่อยากจะเซด สภาพเหมือนสะพานควายรามาบ้านเรา) รวมๆ แล้วก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ก็นะ ... มันก็ยังเล็กอยู่ดี อย่างว่า หนังสือที่อยู่ในมือฉัน คนเขียนอยู่มาตั้งแต่ 15 ปีที่แล้วนี่นะ อะไรๆ ก็ย่อมเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา สมัยนั้นเค้าคงว่ามันหรูที่สุดแล้วล่ะมั๊ง (บังกาลอร์เพิ่งมาเจริญไม่กี่ปีมานี้เอง)
นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ไปเยือน Bridget road และมีอีกหลายๆ ครั้งตามมาต่อจากนั้น ไปมันแทบทุกวันจนแทบจะรู้จักทุกซอกทุกมุมของย่านนั้นแล้ว ประมาณว่าอยู่มา 2 ปีครึ่ง เวลาครึ่งนึงของทั้งหมดไปสิงสถิตอยู่ที่นั่น ทั้งๆ ที่มันก็เล็กแสนเล็ก แต่ก็ชอบไปขลุกกันจัง และเป็นสถานที่นัดพบของคนไทยที่อาศัยอยู่ที่นั่น ไม่มีใครไม่รู้จัก Bridget road ต่อให้อยู่ไกลแค่ไหนก็จะมา ดังนั้น ถ้าอยากรู้จักคนไทยกรุณามาเดินที่นี่ คุณจะเจอทุกวันตั้งแต่เช้ายันดึก กิจกรรมที่ทำก็ไม่พ้นชอปปิ้ง เดินเล่น กินข้าว ซื้อหนังสือหรือแม้กระทั่งไปเฉยๆ โดยไม่มีจุดมุ่งหมายก็ยังได้ แปลกดี หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไปครั้งเดียวแล้วมันได้ทุกอย่างเลยก็เป็นได้ อีกทั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางไปมาสะดวก (แต่ถ้าอยู่ชานเมืองออกไปหน่อยก็อาจจะถือว่าไกล ค่าออโต้ก็ตั้งแต่ 100-300 รูปี ขึ้นอยู่กับระยะทาง แต่ไม่ว่าอย่างไรคนไทยก็จ่ายด้ายยยย ขอแค่ตรูได้มาเป็นพอ)
High-Light on Bridget Road
นอกจากร้านแฟชั่นของแบรนด์ต่างๆ แล้ว บนถนน Bridget road ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอย่างอื่นที่ฉันถือว่าไม่รู้จักไม่ได้เลย
1. ร้านอาหารทิเบต Dubai Plaza ชั้น 3 : เป็นร้านอาหารทิเบตค่ะ มีแต่อาหารทิเบตล้วนๆ เจ้าของรวมทั้งพนักงานในร้านก็เป็นคนทิเบตและชอบเล่นกับคนไทยซะด้วย แถมพูดไทยได้อีกต่างหาก แต่ละคำนี่อยากจะตบปากอีคนสอน ฟังแต่ละคำแล้วสะดุ้ง รสชาติอาหารถูกปากคนไทยมากและราคาไม่แพง พริดก็เผ็ดใช้ได้ แต่ไม่ใช่พริกป่นนะคะ ออกแนวน้ำจิ้มพริกซะมากกว่าและราคาไม่แพง คนไทยจึงชอบไปกินที่นี่มากกว่าร้านอาหารอินเดีย อาหารที่ฉันอยากจะแนะนำก็ไม่พ้น เชาเมี้ยน (Chowmien) หรือหมี่ผัดแห้ง ถ้าอยากกินบะหมี่น้ำก็นี่เลย Thukpa มีทั้งเนื้อและไก่ เส้นบะหมี่คล้ายๆ เส้นสปาเกตตี้กลม หรืออยากกินเส้นอีกแบบก็ Thenthuk เส้นเหมือนเส้นก๋วยจั๊บแต่หนากว่า เส้นสีเหลือง น้ำซุปก็ข้นและออกรสเผ็ดกว่า Thukpa และเป็นอาหารจานโปรดของฉันด้วย ประเภทข้าวก็จะมีข้าวผัด คล้ายข้าวผัดจีน แห้งมากๆ ไม่เหมือนเมืองไทยแต่รสชาติคล้ายกันก็โอเค แต่ที่ขึ้นชื่อจริงๆ ต้องอันนี้เลย Tingmo ลักษณะเหมือนเกี๊ยวซ่าบ้านเรา มีไส้หมู ไก่และผัก (อินเดียส่วนใหญ่ของเมืองนี้เป็นมังสวิรัตค่ะ) มีทั้งนึ่งและทอด สนนราคาร้านนี้ก็ประมาณ 35-55 รูปีค่ะ (แต่ตอนนี้ราคาน่าจะขึ้นไปอีกเล็กน้อยเพราะเงินเริ่มเฟ้อแล้ว)
Thukpa บะหมี่น้ำทิเบต
Momo นึ่งและทอด กินกับน้ำจิ้มเผ็ดค่ะ
Thenthuk