Mooton
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
25 กรกฏาคม 2555
 
 
My Indian Friend's Wedding

หายเงียบจากการเขียน blog ไปหลายเดือน วุ่นวายกับงานในแผนกใหม่พร้อมความรับผิดชอบที่ตื่นเต้นมากขึ้น เลยใช้เวลาในการเรียนรู้งานและปรับตัวให้เข้าที่เข้าทางไปพักใหญ่ๆ หาเวลาว่างมะค่อยจะได้  วันนี้นายไม่อยู่แถมงานก็เพลาลง เลยแวบมาเขียนซะเลยก่อนที่คนอ่านจะลืมกันไป และจากนี้ก็ให้สัญญากับตัวเองว่าอย่างน้อยต้องมีเวลามาอัพสักอาทิตย์ละเรื่อง เพื่อเป็นการฝึกตัวเองและเล่าสู่กันฟังด้วยค่ะ

หลังจากอยู่ที่ convent ได้สักพัก ก็เริ่มปรับตัวได้  เริ่มสนิทกับเพื่อนร่วมห้องที่เป็นอินเดียมากขึ้น เธอได้หมั้นหมายกับหนุ่มชาติเดียวกันแต่ไปโตและทำงานอยู่ที่เยอรมัน และมีแพลนจะแต่งงานกันในเร็ววันนี้ ก่อนที่จะบินไปใช้ชีวิตคู่ที่เยอรมันด้วยกัน เธอได้เชิญฉันกับเพื่อนมองโกลเลียไปงานแต่งของเธอที่บ้านเกิดเมือง Kottayam, Kelela ซึ่งฉันก็รับปากกว่าจะไป แหม...ก็เธอเป็นเพื่อนสนิทฉันนี่นา แถมยังออกค่าฝใช้จ่ายทุกอย่างให้ เล่นไปแบบฟรีๆ อย่างนี้ไม่มีปฏิเสธอยู่แล้ว และเธอก็น่ารักซะด้วย (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าฉันต้องออกค่ารถไปกลับทุกอย่างเองเพราะความผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อจากอีเพือนมองโกลเลียของฉัน) อีกอย่างฉันก็ได้รับอนุญาตจาก sister ใน convent ที่ฉันพักอยู่เรียบร้อย (แต่จริงๆ แล้ว ตามกฏเป็นไปไม่ได้ แต่ท่านคงเห็นว่าฉันเป็นต่างชาติและเราก็สนิทกัน เลยอยากให้ฉันไปเห็นวัฒนธรรมอะไรแบบนี้มั้ง) เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้ไปงานแต่งงานแบบอินเดี๊ย อินเดีย แถมแต่งแบบคริสต์ซะด้วย และฝั่งเพื่อนเจ้าบ่าวก็บินตรงมาจากเยอรมันเหมือนกัน งานนี้อินเตอร์แน่นอน นี่จะเป็นการเดินทางออกนอกเมืองครั้งแรก (อีกเหมือนกัน) ทั้งๆ ที่เพิ่งมาอยู่ได้แค่ 2 เดือน แค่คิดก็ตื่นเต้นละ

ก่อนที่จะถึงงานแต่งเพื่อนคนนี้ ฉันได้แว๊บกลับเมืองไทยเพื่อไปทำเรื่องวีซ่า  เนื่องจากฉันอยู่เกิน 3 เดือนก่อนที่จะได้ใบรับรองจากมหาวิทยาลัยที่ฉันสังกัดอยู่ แบบว่าโคตรยุ่งยากมากมายหลายขั้นตอน แบบว่ากว่าจะเสร็จก็คลอดลูกได้พอดีอะไรประมาณนั้น แถมตบตีกับเจ้าหน่้าทีimmigration ชนิดฟ้าแทบผ่า กว่าฉันจะกลับมาเพื่อนอินเดียก็อยู่ที่บ้านเกิดของเธอเพื่อตระเตรียมเรื่องการแต่งงาน เลยฝากเรื่องการจองตั๋วรถและคนติดต่อไว้กับเพื่อนมองโกลเลียแทน ก็นัดแนะกันเสร็จสรรพ ฉันก็ลั๊นลาที่กรุงเทพสบายใจไป  แต่พอกลับมากลายเป็นว่า she ยังไม่ทำอะไรเลย ฉันงี้งงไก่ตาแตก พอถามว่าที่เจ้าสาวเธอบอกว่าได้บอกเพื่อมองโกลฉันไปตั้งแต่เธอยังอยู่ แต่เพื่อนตัวดีดันบอกว่ารอให้ฉันกลับมาก่อน ก็เลยเลยตามเลยมาจนวันนี้ และถามฉันกลับมาว่าฉันจะไปไหม โอ้ว....นี่มีปัญหาเรื่อง communication หรือเพื่อนฉันมันไม่เข้าใจภาษาอังกฤษกันแน่ แต่ที่จำได้ฉันโกรธหัวฟ้ดหัวเหวี่ยง ทำไปทำมาเสียเงินซะอย่างงั้น เชื่อเลย แต่สุดท้ายฉันก็ยอมจ่ายเงินค่ารถไปงานแต่งเพื่อนฉันจนได้ และเพื่อนฉันมันก็ไม่ออกให้ด้วยนะ ไหงตอนแรกว่าจะ support ทุกอย่างไง ฉันเข้าใจผิดหรือภาษาฉันไม่ดีก็ชักไม่แน่ใจ แต่เริ่มที่จะเรียนรู้นิสัยอินเดียขึ้นมาตะหงิดๆ ละ

ฉันจองรถทัวร์ไปโดยที่ไม่รู้ว่ามีแบบนอนไ้ด้ด้วย อันนี้เป็นความรู้ใหม่มากๆ บ้านเรายังไม่มีเลย อะไรมันจะไฮเทคขนาดนี้ เป็นรถบัส 2 ชั้นแบบบ้านเราค่ะ แต่ชั้นบนเค้าทำเป็นที่นอนเลย ชั้นล่างเป็นนั่งปรับเอนธรรมดา แต่มันจะลำบากตรงที่ถ้าคุณจองตั๋วแบบนอนคุณก็จะนอนได้อย่างเดียว จะปรับเป็นนั่งแบบชั้นล่างไม่ได้ อันนี้เหมาะสำหรับคนที่เดินทางไกลตอนกลางคืนมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะไอ้เมืองที่ฉันจะไปเนี่ย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 14-15 ชม. แล้วทางลงก็เหมือนภาคใต้บ้านเราเลยค่ะ แต่ป่าเยอะกว่า ทรมานมากกกกกกกก ขอบอก ยิ่งตอนกลางคืน รองเท้าที่แขกมันใส่นอนด้วยตกลงมาโดนหน้าฉันนี่แทบเป็นลม แทบอยากจะให้ถึงซะตอนนั้นเลย นั่งไปก็คิดไป เมื่อไหร่มันจะถึงเนี่ย ร้านรวง 2 ข้างทางในเมืองเหมือนต่างจังหวัดสมัยก่อนบ้านเรา ผู้คนไม่ขวักไขว่เท่าบังกาลอร์ ชีวิตเรียบง่ายและอากาศดีมากค่ะ ฉันกับเพื่อนไปถึง Kottayam ประมาณเกือบเที่ยงได้ รอ father บาทหลวงที่เป็นพี่ชายของเพื่อนมารับ รอนานจนต้องเข้าไปกินอะไรสักหน่อยที่ร้านอาหารแถวนั้น Father หน้าดุมาก ดูไม่ค่อยใจดีอย่างที่เพื่อนฉันคุยให้ฟังเลย ท่านพาเราไปพักผ่อนในบ้านพักของบาทหลวง ที่ๆ ท่านพำนักอยู่ ห้องสะอาดมาก มีทุกอย่างพร้อมสรรพแต่ไม่มีแอร์ (เหมือนกับบังกาลอร์เด๊ะ) แถมได้ทานกลางวันที่นั่นอีก  อาหารอย่างเพียบแถมอร่อยด้วย ทำให้ฉันได้รู้ว่าทีนี่อยู่ดีกินดีขนาดไหนและ ศาสนจักรมีเงินเยอะแค่ไหน สมแล้วที่เพื่อนฉันบอกว่าพี่ชายเธอได้รับทุนไปเรียนเมืองนอกบ่อยมาก

หลังจากทานข้าวเสร็จ father ก็พาฉันกับเพื่อนไปส่งที่บ้านญาติของเจ้าสาวเพื่อค้างคืนที่นั่น วันรุ่งขึ้นถึงจะเป็นงานแต่ง ทุกคนต้อนรับฉันกับเพื่อนเป็นอย่างดี บางคนก็จ้อง บางคนก็มอง กล้าหน่อยก็เข้ามาคุย สนุกสนานเฮฮากันไป เพื่อนฉันโชว์ชุดเจ้าสาวส่าหรีที่ทอกับมือสีแดงสดดิ้นทองให้ดู สนนราคาอยู่หลายหมื่นบาท เป็นผ้าไหมทั้งผืน ก่อนค่ำฉันได้ออกไปเดินเล่นชมวิวทิวทัศน์ข้างทางและอยากพิสูจน์ว่าเืมืองนี้ไม่มียุง และมันไม่มีจริงๆ ด้วย คุณเชื่อไหมคะ  เมืองที่เต็มไปด้วยต้นมะพร้าว สองข้างทางเป็นป่าซะส่วนใหญ่ กลับไม่มียุงเลยสักตัว ตอนแรกฉันว่าเพื่อนมันโม้ แต่พอถามใครแถวนี้ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกัน เป็นเมืองที่แปลกมาก ฉันคุยกับว่าที่เจ้าสาวจนดึก ก่อนเข้านอนก็อดคิดไม่ได้ว่าพรุ่งนี้งานแต่งจะเป็นไงหนอ

รูปข้่างล่างนี้ไม่ใช่เพื่อนฉันนะคะ เอามาจากเว็บอื่นเพื่อประกอบ งานจริงก็คล้ายๆ แบบนี้ค่ะ ผิดกันที่เพื่อนฉันใส่สาหรีค่ะ รูปที่เคยถ่ายไว้มันหายไปตั้งแต่เครื่องเจ๊ง  เสียดายมาจนถึงทุกวันนี้

เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่จะร่วมงานแต่งงานที่จัดขึ้นในบ้านหลังนี้ ฉันก็ได้เจอเพื่อนรักของว่าที่เจ้าสาว เป็นหมอหนุ่มทั้งคู่  คนนึงแต่งงานแล้ว และอีกคนยังโสดที่เพื่อนฉันเคยแอบชอบและเชียร์เต็มที่ ทั้งสองคนรู้จักฉันเป็นอย่างดีเพราะเพื่อนฉันไปเม้าท์มอยให้ฟังบ่อยๆ แต่ฉันจำชื่อพวกเขาไม่ได้ แหม...ชื่ออินเดียจำยากมากสำหรับฉันในตอนนั้น ทั้งสองคนก็โอเคมากๆ น่าคบน่ารู้จักแต่ปัจจุบันเลิกติดต่อกันไปละ ห่างๆ กันไปเอง ฉันได้เห็นพิธีแต่งงานทั้งที่บ้านก่อนไปประกอบพิธีกันที่โบสถ์ เจ้าสาวสวยมากในชุดส่าหรีสีขาวปักดิ้นทอง ชุดสวยจนฉันอยากซื้อมั่ง เจ้าบ่าวที่ฉันเพิ่งเห็นครั้งแรกก็ตัวดำยิ่งกว่าที่ฉันจินตนาการไว้ (คนรัฐนี้ส่วนใหญ่ก็ผิวแบบนั้นอยู่แล้ว  น้อยมากที่จะขาว เหมือนคนใต้บ้านเราค่ะ) สำหรับฉันรู้สึกเฉยๆ แต่เพื่อนฉันคงว่าหล่อในสายตาเขามั๊ง ฉันไม่มีชุดส่าหรีเพราะไม่รู้จะซื้อที่ไหน  แต่งยังไงด้วย เลยอดไป แต่เคยได้ลองใส่ครั้งนึง ขอบอกว่ายุ่งยากมากค่ะ เพือ่นมองโกลฉันก็เหมือนกัน มีแต่เราที่ไม่ได้ใส่ส่าหรี แต่เพื่อนฝั่งเจ้าบ่าวที่มาจากเยอรมันใส่กันทุกคน ทุ่มทุนสร้างกันไป เสร็จพิธีจากที่บ้านเราก้ไปต่อกันที่โบสถ์ เป็นพิธีที่เรียบง่าย เหมือนกินเลี้ยงกันมากกว่า ที่นั่งก็เป็นเหมือนโรงอาหารกว้างๆ แต่ตัวโบสถ์เล็กและดูเก่า แต่เขาว่าศักดิ์สิทธิ์และเป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียง ก็คงเป็นอย่างนั้นมั้ง ฉันกับเพื่อนถูกจัดให้นั่งกับคนเยอรมัน ทำพิธีเสร็จก็กินเลี้ยงกันเลย เพื่อนฉันเปลี่ยนส่าหรีชุดใหม่เป็นสีแดงที่เห็นเมื่อคืน ดูไม่สวยเท่าชุดแต่งงาน แต่ก็โอเคเพราะเธอน่ารักอยู่แล้ว เพื่อนเยอรมันทำฉันเซอร์ไพร์โดยใช้มือกินข้าวแทนช้อน และดูจะชอบมากเสียด้วย แถมให้ฉันลองตามเขาดู ตั้งแต่อยู่อินเดียมา Tradition นี้เท่านั้นที่ฉันไม่ทำ มันรู้สึกกระดากๆ และขัดๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก้แล้วแต่ ฉันก็ดีใจที่ได้มาร่วงงานแต่งของเพื่อนรักของฉันและเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นการแต่งงานแบบคริสต์อินเดีย

หลังจากงานแต่งเสร็จสิ้น ฉันกับเพื่อนก็ล่ำลาทุกคนเพื่อไปพักกับญาติเพื่อนอีกที่นึงในเมือง Cochin เมืองหลวงของรัฐนี้และมีมหาวิทยาลัยชื่อดังรวมอยู่ด้วย เมืองนี้มีความเป็นตัวเมืองอย่างชัดเจน  มากกว่าเมืองที่ฉันจากมา เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคนมีการศึกษา ทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้และเป็นเมืองที่ยังคงเต็มไปด้วยธรรมชาติที่น่าอยู่มากอีกเมืองนึงของอินเดีย ความประัทับใจของฉันเริ่มจากเมืองนี้เอง

ญาติเพื่อนที่ฉันพักอยู่ด้วยน่ารักมากๆ และต้อนรับฉันกับเพื่อนดีสุดๆ พูดภาษาอังกฤษได้ทั้งครอบครัว มีพ่อ แม่และลูก 2 คน ชายหญิงอย่างละหนึ่ง ตอนกลางคืนไม่เท่าไหร่ แต่ตอนเช้านี่สิ พวกเขาต้อนรับเราด้วยอาหารเช้าที่พวกเขาทำขึ้นเองทั้งครอบครัว ทุกคนเข้าครัวเพื่อทำอาหารที่อร่อยสุดๆ ให้พวกฉันกิน อ้อ..ลืมบอกไปว่านอกจากเราแล้ว ยังมีสาวเยอรมันมาพักด้วยอีกหนึ่งคน อายุยังวัยรุ่นอยู่เลย  ฉันมีส่วนร่วมในการทำอาหารกับพวกเขาด้วย พวกเขาน่ารัก พูดเพราะ เป็นกันเองและใจดีสุดๆ ลูกชายทำแป้งโรตี พ่อทำแกงต่างๆ แทบทั้งหมด ฉันชอบผู้ชายที่ทำอาหารมาก ยิ่งกว่านั้น พวกเขาจัดโต๊ะให้เราโดยที่ไม่มาร่วมกินเลย แต่ยืนรอที่มุมโต๊ะเพื่อจะได้บริการพวกเราได้ ฉันไม่รู้จะทำยังไงนอกจากบอกพวกเขาว่าอาหารอร่อยและพวกเขาน่ารักมากๆ คนเป็นพ่อตอบกลับมาว่า "คนที่น่ารักคือคุณต่างหาก ทำให้พวกเขาอยากทำอาหารที่อร่อยๆ แบบนี้จนทำให้ฉันอยากกลับมาี่นี่อีก" น่ารักไหมคะ

ขากลับคนพ่อมาส่งฉันที่รถทัวร์ ก่อนจากกันเขาทำอาหารให้พวกฉันเอาไปกินบนรถเพระากลัวฉันจะหิว (หลังจากที่พาเที่ยวเมืองทั้งวัน) ฉันกลับบังกาลอร์ด้วยรอยยิ้มและนึกขอบคุณเพื่อนสาวที่เชิญฉันมางานแต่งงาน น่าเสียดายที่ฉันทำเบอร์ติดต่อหายไปไหนไม่รู้ ถ้ามีโอกาสอีกสักครั้งฉันก็อยากจะกลับไปที่นั่นอีก ไปพบกับพวกเขาและนำของจากบ้านเกิดเมืองนอนฉันไปให้เป็นการตอบแทน ถึงแม้หลังจากนั้นฉันจะได้รับเชิญไปงานแต่งงานมาหลายครั้ง ก็ไม่มีที่ไหนประทับใจฉันเท่ากับครั้งนั้นเลย คิดถึงจัง....

 




Create Date : 25 กรกฎาคม 2555
Last Update : 27 กรกฎาคม 2555 11:57:05 น. 0 comments
Counter : 1423 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

saranan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




ดูดวงเป็นอาชีพหลัก งานประจำเป็นงานอดิเรก

ID Line : mooton.banana

[Add saranan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com