Mooton
 
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 มกราคม 2553
 
 
ก่อนเหินฟ้าสู่แดนภารตะ

เมื่อตัดสินใจแล้วว่าการไปเรียนต่อโทที่อินเดียคือทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะทำให้ฉันก้าวหน้าในหน้าที่การงานและมีการพัฒนาภาษาอังกฤษที่ดี การค้นคว้าหาข้อมูลคือสิ่งที่ตามมาเป็นขั้นต่อไป

ฉันได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาต่อที่อินเดียหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งซื้อหนังสือมาอ่านจากผู้ที่เคยไปเรียนที่นั่น search หาตาม internet ถามข้อมูลจากคนที่เคยไปมาแล้วและคนที่ยังศึกษาต่อ ซึ่งก้อมีมากมายหลายเมืองเหลือเกิน บ้างก้อว่าให้ไปทางเหนือ เพราะอากาศดี อยู่บนเขา ไม่ร้อนและเงียบสงบเหมาะแก่ก่ารศึกษา แต่บางคนก้อคิดเห็นขัดแย้งกันไป ว่ามันลำบากมั่ง ผู้คนไม่เยอะแล้วจะมีโอกาสใช้ภาษาได้อย่างไร การศึกษาไม่ดีสู้เมืองหลวงอย่างเดลีไม่ได้ แต่เดลีก้ออากาศร้อนมากถึงหนาวมาก ไม่มีความพอดีเสียเลย ส่วนปูเณ่ก้อไม่มีสนามบินต้องไปลงที่มุมไบแล้วนั่งรถต่อไปอีก 3 ชม. ฝุ่นเยอะ น้ำท่วมบ่อย ฟังดูแล้วลำบากยังไงพิกล สรุปแล้วออกจะเป็น negative มากกว่า positive อยู่เยอะ แบบว่า อย่าไปเลยดีที่สุด จนถึงโทรหาเอเย่นที่มีมากมายหลายสำนัก ราคาก้อแตกต่างกันไปแถมโฆษณาชวนโอเว่อร์อีก บางเจ้านี่ถึงขนาดบอกว่าบรรยากาศเหมือนยุโรป ว่ากันไปนู่น

ด้วยข้อมูลทั้งหมด สิ่งที่ทำให้ฉันตัดสินใจไปเองก้อมาจากหนังสือที่บรรดานักเขียนที่เคยร่ำเรียนที่นั่นได้ให้ข้อมูลไว้ค่อนข้างละเอียด จนฉันรู้สึกว่ามันน่าจะไปเองได้ ไม่น่าจะยากเย็นอะไร จนลืมคิดไปว่า นัีกเขียนเหล่านั้นได้ทุนจาก ICCR ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เตรียมอะไรให้พร้อมแล้ว ไม่ใช่เหมือนอย่างฉันที่ต้องไปลุยเอง ความลำบากมันแตกต่างกันเยอะ

ก่อนหน้านั้น ฉันก้อได้ติดต่อไปยังนักเรียนไทยที่เรียนอยู่ที่ปูเณ่ เค้ารับอาชีพเสริมโดยการรับจ้างหาที่เรียน ที่พักให้กับคนไทยที่ต้องการไปศึกษาต่อที่นั่น โดยคิดอัตราค่าจ้างเป็นเงิน 1 หมื่นบาท ไม่รวมค่ารถที่เค้าต้องเหมามารับเราที่มุมไบ ซึ่งเราต้องจ่ายเอง 3 พันบาท ถามว่าแพงไหม ก้อพอสมควรอยู่และการเิดินทางที่ดูแล้วท่าจะลำบาก และปูเณ่เป็นเมืองที่ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นักถึงแม้การศึกษาจะดีพอสมควร อีกเหตุผลนึงไม่อยากเสียเงิน รู้สึกเสียดายตัง เงินจำนวนนั้นเอาไปทำไรได้อีกเยอะแยะ แบบว่างกอ่ะ ก้อเลยตัดสินใจไม่เอา....ตอนหลังเสียดายใจแทบขาด หลังจากเจอฤทธิ์อินเดีย เงิน 1 หมื่นนี่คุ้มในพริบตาถ้าทำให้ตรูสะดวกสบาย ไม่ลำบากลำบนขนาดนี้ ยินดีจ่ายแบบไม่รีรอเลย เข้าตำราเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายจริงๆ ตรู...........

เมืองที่ฉันเลือกไปก้อคือบังกาลอร์ เมืองที่โด่งดังทางด้าน IT ที่บิลเกตอุตส่าห์มาลงทุนตั้ง microsoft ที่นี่ จนได้ฉายาว่า Silicon Valley เมืองสีเขียวกับชื่อ Garden City ถนนสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่อายุนับ 100 ปี (แต่ปัจจุบันแทบไม่เหลือเพราะโดนตัดไปทำถนนและสะพานเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเมืองอย่างรวดเร็ว) อากาศที่แสนสบายๆ คล้ายเชียงใหม่บ้านเรา ความเจริญที่ทั่วถึงแบบอยุ่ได้ไม่ลำบาก ผู้คนส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ คนต่างชาติค่อนข้างเยอะ และมีห้างที่ทันสมัยพอสมควรแถมการศึกษาที่นี่ก้อถือว่าอยุ่ในระดับต้นๆ ของอินเดีย

ฉันได้ติดต่อกับ principal ของสถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่งโดยความช่วยเหลือของนักเรียนไทยที่เดลี ได้ให้อีเมลและเบอร์โทรกับฉัน principal เป็นหญิงสูงอายุชาวศรีลังกา แต่ย้ายมาอยู่ที่อินเดียและเปิดโรงเรียนสอนภาษามากว่า 30 ปีแล้ว แกเป็นคนใจดีมาก ฉันแจ้งความประสงค์ไปว่าจะไปเรียนภาษากับแก ฉันไม่รู้จักใครเลยที่นั่น แกก้อเป็นธุระจัดการที่พักให้และมารับฉันที่สนามบินเพราะฉันเป็นต่างชาติ แกกลัวว่าฉันจะถูกหลอก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับไมตรีจากคนอินเดีย

การขอวีซ่า

ฉันมาที่สถานทูตอินเดียแต่เช้าเพราะกลัวคนเยอะ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ฉันมาที่นี่ ครั้งแรกฉันมาขอทุน ICCR เพื่อไปเรียนฟรี แต่ฉันทำเรื่องไม่ทันในขั้นตอนการตรวจสุขภาพ เพราะต้องใช้เวลาพอสมควรและค่าใช้จ่ายก้อราวๆ 3000 บาท ฉันเลยลักไก่ไปตรวจกะหมอแถวบ้านหวังให้ช่วย กลับกลายเป็นว่าหมอด่าฉันซะยับเยิน เพราะมันไม่ได้ตรวจสุขภาพแบบตอนเข้าทำงาน ที่จ่ายเงิน 100 เดียวแล้วได้ใบรับรองแพทย์ แต่นี่มีทั้งตรวจเลือด ปัสสาวะ และอื่นๆ อีกจิปาถะ กว่าจะตรวจหมดและรู้ผลก้อกินเวลาเป็นอาทิตย์ แต่ฉันไม่มีเวลาขนาดนั้น และเค้าไม่เอาอนาคตหมอมาเสี่ยงกะฉันด้วย เกิดฉันเป็นไรขึ้นมา มีโรคนั้นโรคนี้เค้าจะซวยเอา โห...นี่ฉันไปเรียนที่อินเดียนะ ไม่ใช่คนอินเดีย แล้วฉันก้อไม่ได้ซอมซ่อมาจากไหนถึงจะไม่ดูแลสุขภาพตัวเองขนาดนั้น ฉันก่นด่าหมอในใจสารพัด เชอะ...ไอ้หมออ้วน เป็นหมอแล้วยังไม่ดูแลต้วเองปล่อยให้อ้วนขนาดนั้นเดี๋ยวก้อตายก่อนได้ตรวจหรอก ...ฯลฯ....บาปมากมายเลยฉัน จริงๆ แล้วฉันควรจะโทษตัวเองที่ไม่ทำอะไต่เนิ่นๆ ปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยไปจนถึงวันสุดท้าย ก้อฉันน่ะ ถ้าไม่ไฟลนก้นก้อยากที่จะทำ ทุนนี้ก้อเลยอดไป

คร้งที่ 2 ฉันไปยื่นแบบไปเองแต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้ เพราะฉันไม่มีหลักฐานที่อยู่ว่าฉันรู้จักใครที่นั่น เค้ากลัวว่าฉันจะไปเป็น robinhood แม่เจ้า....อินเดียเนี่ยนะ มันน่าอยู่ตรงไหนเนี่ย ถ้าไม่ไปเที่ยวหรือเรียน ฉันก้อนึกไม่ออกว่าใครอยากจะขุดทองที่นั่น หรือเค้ากลัวว่าชั้นจะไปจับผู้ชายอินเดียแต่งงานแล้วได้สัญชาติที่นั่นหรอไง ไม่เข้าใจ สรุปฉันต้องแห้วกลับบ้าน

มาครั้งนี้ ฉันนำอีเมลของ principal มายื่นกับเจ้าหน้าที่หญิงไทยหน้าบึ้งคนนี้และได้วีซ่าเป็น provision student มีอายุแค่ 3 เดือน หลังจากนั้นฉันสามารถต่อวีซ่าที่อินเดียได้เลยหลังจากหา college ที่เรียนได้เรียบร้อยแล้ว อันนี้หนังสือบอกฉันมา แต่ไม่ได้บอกว่ามันจะสร้างความยุ่งยากลำบากให้ฉันในภายหลัง ชนิดผมหงอกฉันแย่งกันผุดขึ้นมายังกะดอกเห็ด

สงสัยไช่ไหมว่าทำไมฉันไม่ขอ tourist visa ง่ายกว่าตั้งเยอะ ใช่ค่ะ ง่ายแต่คุณไม่สามารถจะต่อวีซ่าที่นั่นได้ ต้องกลับไทยมาเปลี่ยนวีซ่าอีกทีหลังจากคุณได้ bonafied จาก college ที่คุณสมัครเรียบร้อยแล้ว ซึ่งฉันไม่อยากบินกลับมาอีกและเสียค่าวีซ่า 2 ต่อ ถ้าต่อวีซ่าที่นั่นไม่เสียเงินสักบาทค่ะ แต่ต้องไปต่อทุกปี อีกอย่าง ฉันต้องเสียเงินค่าตั๋วไปกลับอีกรอบ มันเปลืองค่ะเปลือง ไอ้ครั้นจะติดต่อ college ก่อนแล้วค่อยทำวีซ่าอันนี้เป็นไปได้ยากมากค่ะ ฉันไม่รู้ว่าที่ไหนดีไม่ดี หนังสือแนะนำว่าฉันควรไปดูเองเพราะอินเดียชอบแหกตาค่ะ รูปสวยเลิศเลอพอไปแล้วนึกว่ามาผิดที่ อะไรประมาณนั้น

ขอเม้าท์นิดนึงถึงเจ้าหน้าที่หน้าบึ้งคนนั้น เชื่อไหมว่าฉันไป 3 ครั้งยังไม่เคยเห็นแม่เจ้าประคุณยิ้มต้อนรับฉันเลย ไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นนะ กับคนอื่นๆ ก้อเป็น เหมือนเจ๊แกโกรธใครมาสัก 100 ปี ถ้าใครได้ไปติดต่อเพื่อขอวีซ่าไปเรียนที่อินเดียก้อจะต้องเจอเค้าคนนี้แหละค่ะ บึ้งได้ใจ เด็กไทยในอินเดียรู้จักดี รุ่นน้องเราซวยหนักถึงขั้นโดนเจ๊แกด่ามาแล้ว ไม่ได้ด่ามันคนเดียวนะ โดนกันเป็น family package เลย

เรื่องมันเริ่มจากรุ่นน้องเราคนนี้ไปขอวีซ่าเพื่อจะไปเรียนต่อที่บังกาลอร์กับครอบครัว ต้องกรอกแบบฟอร์มที่ทางสถานทูตจัดเตรียมไว้ให้และดันเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งรุ่นน้องเราไม่ได้ภาษามากๆ เลยกรอกผิดกรอกถูกและนำไปยื่นกับเจ๊แก เท่านั้นและเจ๊แกด่าจนพ่อรุ่นน้องและรุ่นน้องเราปากสั่นไปหมด

เจ๊หน้าบึ้ง : "นี่น้อง มันไม่ได้กรอกแบบนี้นะ แล้วคุณน่ะ เป็นพ่อภาษาอะไรทำไมไม่แนะนำลูกชายให้กรอกให้ถูกต้อง"
พ่อ : "ขอโทษครับ ผมผิดเองครับที่ไม่ได้ดูลูกผม"

เจ๊แกดุถึงใจจริงๆ รุ้นน้องเราบอกว่า "เรากะพ่อเรานะ ปากคอสั่นไปหมดเลยอ่ะตอนเจ๊แกด่าอ่ะ ขนาดพ่อเราเป็นผู้กำกับนะ คิดดูดิ" พวกที่เหลือฮากันครืนนนนนนนนนนน


ตีตั๋วขาเดียวโลด

ฉันไปซื้อตั๋วที่ตรอกข้าวสารตามคำแนะนำของหนังสือ นัยว่าได้ราคาถูก ตอนนี้หนังสือเป็นเหมือนคัมภีร์เทวดาสำหรับฉันแล้ว ฉันเข้าไปถามหาราคาตั๋วที่ถูกที่สุด ขาเดียว เดินทางภายในเดือนเมษา 2007 เจ้าหน้าที่เลยเลือกสายการบิน Indian Airline มาให้ฉัน (ปัจจุบันนี้ถูกเทคไปเรียบร้อยแล้วค่ะ) ไม่ได้บินตรง ต้องไป transit เครื่องที่ Chennai จากนั้น 9 ชม.ถึงบินต่อไปยังบังกาลอร์ ถึงประมาณ 3 ทุ่มเวลาท้องถิ่นที่นั่น นี่เป็นตั๋วที่ถูกที่สุดที่ชั้นหาได้ในราคา 12000 บาทไทย (ตอนหลังมาฉันรู้ว่าราคานี้แพงโคตรๆ อยากจะฉีกหนังสือทิ้งจริงๆ ไหนมันว่าที่ข้าวสารถูกไงฟระ) ถ้านั่งการบินไทยจะเป็นบินตรงเลยแต่แพงกว่า 2000 ฉันเลยไม่เอา และก้อมีสายการบินศรีลังกา แอร์ไลน์ transit เครื่องที่โคลัมโบ ค้างที่นั่นหนึ่งคืนแล้วบินต่อมายังบังกาลอร์ ตั๋วราคา 10000 ถูกมากแต่เต็ม ว่างอีกทีก้อวันที่ 10 กว่าๆ เดือนพฤษภาเลย ตัดใจอย่างเสียดายเพราะฉันขอวีซ่ามาเกือบ 3 อาทิตย์แล้ว ไม่อยากรออีกกลัวหา college และต่อวีซ่าไม่ทัน สรุปเลยเป็นIndian Airline สายการบินของอินเดียไป ของแท้เลยฉัน ไปเรียนที่อินเดีย เดินทางด้วยสายการบืนอินเดีย อะไรจะเป็นอินเดียขนาดนี้ไม่มีอีกแล้ว (ภายหลังฉันได้รู้ว่าชื่อจริงฉันเป็นชื่ออินเดีย 100% ฟ้าส่งชั้นมาอินเดียแน่นอน!!!!!)

หลังจาก pack กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เอกสารครบ วีซ่า เงิน ทุกอย่างพร้อมก้อบินกันได้เลย!!!!!!


Tips!!!!
1. ICCR เป็นทุนที่อินเดียแจกให้กับหลายประเทศทั่วโลกเพื่อเป็นการส่งเสริมและแลกเปลี่ยนกันในด้านวัฒนธรรม ประเทศไทยก้อได้รับทุนนี้เป็นจำนวน 24 ทุน มีทั้งปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก เป็นทุนที่เรียนฟรีและได้เงินใช้จ่ายเดือนละ 6600-8500 รูปีแล้วแต่ระดับการศึกษา เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจค่ะ แจกให้กับคนที่ไม่เคยไปอินเดียเท่านั้นค่ะ สนใจสมัครได้ที่สถานทูตอินเดีย สุขุมวิทค่ะ
2. Provision Visa เป็นวีซ่าชนิดเดียวที่สามารถต่อวีซ่าได้ที่อินเดีย แต่ต้องสมัครเรียน college เท่านั้น สถาบันสอนภาษาไม่มีสิทธิ์ต่อได้ค่ะ
3. อย่าเชื่อหนังสือกะบรรดาเอเย่นมากนัก หาข้อมูลศีกษาอินเดียเยอะๆ และถามนักเรียนที่เคยไปเรียนมาจะดีที่สุดค่ะ







Create Date : 09 มกราคม 2553
Last Update : 10 มกราคม 2553 17:26:02 น. 3 comments
Counter : 545 Pageviews.

 


โดย: ผมชอบกินข้าวมันไก่ วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:23:36:10 น.  

 
คือพี่พอจะทราบทุนมั้ยคะ
ถ้าหากว่าจะสมัครไปเรียนป.ตรีที่นั้นจะยากรึป่าวคะกว่าจะได้ทุนนะคะ
แล้วในใบสมัครต้องกรอกใบตรวจสุขภาพถ้าเราให้หมอตรวจแล้วกรอกลงในแบบฟอร์มนั้นเลยได้มั้ยคะ
รบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ


โดย: chicky IP: 117.47.237.234 วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:19:10:34 น.  

 
พี่คะ หนูก็อยากไปเรียนต่อที่อินเดียค่ะ ต่อโทนะ อยากไปมุมไบ เมืองอื่นไม่อยากไป จะมีทุนไปมุมไบมั้ยคะ


โดย: ฟิล์ม IP: 203.144.144.164 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:18:38:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

saranan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




ดูดวงเป็นอาชีพหลัก งานประจำเป็นงานอดิเรก

ID Line : mooton.banana

[Add saranan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com