Mooton
 
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 มกราคม 2553
 
 
Education in India

การศึกษาในอินเดียนั้นก้อยังยึดถือระบบอังกฤษเป็นหลัก...แหม ก้อตกป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาตั้ง 200 กว่าปีนี่นา ปัจจุบันนี้ก้อได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว จากเดิมเรียนทั้งปีสอบครั้งเดียวมาเป็นสอบเป็นเทอมๆ ไป นัยว่าปรับปรุงให้ทันสมัยเป็นสากลมากขึ้น และที่สำคัญเป็นผลดีกับฉันที่เป็นต่างชาติด้วย แค่สอบเป็นเทอมฉันก้อจะเดี้ยงอยู่ละ ขืนสอบครั้งเดียว 14 วิชา ตกแล้วตกเลยก้อตายกะตายสิคะ

การเรียนที่อินเดียนี่ถือว่าหินใช้ได้ โดยเฉพาะกับนักเรียนไทยและต่างชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก การเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่บางที่ก้อเป็นภาษาฮินดี โดยเฉพาะโรงเรียนทางเหนือ แต่ที่บังกาลอร์จะเจอน้อยมากเว้นแต่ดวงซวยไปเจอโรงเรียนบ้านๆ หรือ local เอาจิงๆ ก้อจะมีภาษาท้องถิ่นหลุดออกมาให้ได้ยินกันเนืองๆ ที่อินเดียจะเรียนกันทั้งวันในทุกระดับชั้น ไม่ว่าจะเป็น school จนถึงปริญญาโท เรียนกันตั้งแต่เช้ายันเย็น ทุกวันและวันเสาร์ครึ่งวัน แต่บางที่ก้อเว้นวันเสาร์ ชั่วโมงการเรียนการสอนก้อขึ้นอยู่กับคณะที่เลือกเรียน MBA กับพวกคอมพิวเตอร์นี่จะเรียนหนักสุด และราคาค่าเรียนค่อนข้างแพงถ้าเทียบกับคณะอื่นๆ

อย่างที่บอกว่าอินเดียเรียนค่อนข้างหนักทั้งในแง่ชั่วโมงการเรียนและจำนวนวิชา แต่ละคณะถ้าไม่นับสาย art แล้วก้อเรียนกันเทอมละ 6-7 วิชา ปริญญาตรีจะใช้หนังสือเรียนแต่ปริญญาโทจะใช้เป็น text book ที่หนาเป็น 3 เท่าของปริญญาตรี ถ้าภาษาไม่ดีพอและไม่ตั้งใจเรียนก้อมีสิทธิ์ตกเอาง่ายๆ อินเดียเน้นหนักในด้านการท่องจำเป็นส่วนมาก ยิ่งเรียนกับคนอินเดียด้วยแล้วจะชอบ show power สุดๆ ประมาณว่ายกมือแสดงความคิดเห็นตลอดเวลา แย่งกันพูดและตอบจนบางทีถึงขั้นทะเลาะกันเองใน class ก้อมี นี่คือเรื่องปกติของสังคมการเรียนในอินเดีย แต่จะพบได้ในกรณีที่คุณได้ศึกษาในสถาบันที่มีชื่อเสียงของอินเดียเท่านั้นนะคะ local ไม่เกี่ยว ขอย้ำ ! ฟากนักเรียนไทยก้อได้แต่เงียบเป็นเป่าสาก ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีในห้องค่ะคุณผู้ชม แหม...ก้อภาษามันไม่แข็งแรง แค่ลำพังฟังอย่างเดียวก้อแทบจะไม่รู้เรื่องละ จะหาญกล้าขยับปากแสดงความคิดเห็นนี่ลืมไปได้เลย นักเรียนไทยบางคนเรียนจนจะจบแล้วยังไม่เคยได้ยกมือขึ้นในห้องด้วยซ้ำ นิสัยคนไทยคือเรารักสงบเสงี่ยมค่ะ

และถ้าใครเคยเรียนกับคนอินเดียด้วยแล้ว จะรู้เลยว่าอินเดียจำเก่งมากกกกกกกกกก ทั้งเล่มมันก้อจำได้แต่พอให้เอามาประยุกต์หน่อยหรือถามเพี้นนไปนิด นอกเหนือตำราแล้วล่ะก้อ อินเดียกลายเป็นโง่ขึ้นมาดื้อๆ เรื่องนี้คาใจฉันมากมาย ทั้งๆ ที่หนังสือและหนังสือพิมพ์อินเดียถูกมากจนคนจนก้อสามารถหาซื้อมาอ่านได้สบายๆ แต่ไหงคนอินเดียถึงไม่ค่อยรู้อะไรนัก แม้กระทั่งเด็กปริญญาโทที่ส่วนมากมักไม่ค่อยรู้ว่า TOEFL คืออะไร เอาไว้ทำอะไร หรือว่าฉันเรียนใน local college ก้อไม่รู้ได้

หลายคนอาจแปลกใจว่าทำไมอินเดียมี college เยอะจัง ไม่มี University หรอ คำตอบคือมีค่ะ Bangalore University คือ University ใหญ่ของเมืองบังกาลอร์และมี college ในเครือกว่า 400 แห่ง แต่ละ college ก้อมีเปิดสอนระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอกเลย เมื่อมีการสอบแต่ละเทอม ข้อสอบจะมาจาก Bangalore University โดยตรง college ไม่มีสิทธิ์ออกข้อสอบเอง ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเรียนสถาบันไหนก้อใช้ข้อสอบชุดเดียวที่มาจาก U ใหญ่เท่านั้น มาตรฐานเดียวกัน และเวลาจบก้อจะได้ใบจบจาก Bangalore University ค่ะ

มาว่าเรื่องสอบกันบ้าง การสอบของ Bangalore University จะแบ่งให้ทำเป็น 4 part คือ A B C และ D ให้คะแนนในแต่ละ part ไม่เท่ากัน เวลาทำ 3 ชม. ปริญญาตรี 90 คะแนน ส่วนปริญญาโท 75 คะแนน การสอบในแต่ละครั้งทำเอานักเรียนไทยและต่างชาติอกสั่นขวัญแขวน เพราะเป็นข้อสอบเขียนทั้งหมด ไม่มี choice เลยแม้สักข้อ เป็นเรื่องที่นักเรียนไทยไม่ถนัดเอาเสียเลย แค่เขียนเรียงความหน้านึงก้อคิดกันหัวแทบแตก ไม่รู้จะเขียนอะไร เขียนไม่ออก ดังนั้นก่อนสอบควรที่จะฝึกเขียนเอาไว้บ้าง เพื่อสร้างความเคยชินเอาไว้ก่อนที่จะไปตายเอาในห้องสอบ เอ้ย...ไม่ใช่ เตรียมเอาไว้ให้พร้อมเพื่อลุยข้อสอบได้ แล้วอย่าหวังว่าจะลอกได้นะคะ เพราะผู้เขียนเคยทำมาแล้วแต่ไม่เวิร์คอย่างแรง ไม่ใช่ว่าถูกจับได้หรืออะไรหรอก เพื่อนๆ ก้อช่วยกันสุดๆ แต่ความผิดมันอยู่ที่ฉันเอง ยังไงหรอคะ ฉันยังจำได้ไม่ลืมเลย วันนั้นเป็นวันสอบวันแรกและครั้งแรกของฉัน มีหลายๆ ข้อที่ฉันทำไม่ได้ ฉันเห็นเพื่อนคนอื่นถามกันไปมา ฉันก้อเลยมองหน้าเพื่อนที่นั่งข้างๆ ฉันและถามมั่ง


“นี่ ข้อนี้ตอบอะไร”

“jgjgknhlmj;[jpi[u”

“หา...อะไรนะ”

“fkvbjgk;k’;bg”

“????????”


ฉันฟังไม่รู้เรื่องค่ะ ว่าเค้าพูดว่าอะไร เพื่อนมันคงเห็นว่าฉันไม่เก็ทก้อเลยหาทางช่วยใหม่ คราวนี้เพื่อนเล่นโชว์กระดาษคำตอบให้ฉันดูเลย แต่...ฉานอ่านมันไม่ออกสักกะตัวที่มันเขียน สรุป...ก้อได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำไป และฉันตกในวิชานั้นค่ะ ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวนะคะที่เป็นแบบนี้ นักเรียนไทยคนอื่นก้อเช่นกัน แบบว่าฟังไม่ออกอ่านไม่ออกอ่ะค่ะ ลายมือแขกมักจะเป็นตัวเขียนและหวัดมาก คนไทยมักไม่ค่อยชินลายมือแบบนี้ก้อเลยเป็นอย่างที่เห็น ถึงบอกไงว่าอย่าคิดลอกเลย มันไม่มีทางงงงงงงงงงง

อีกอย่างที่อยากจะเตือนไว้ถ้าคิดจะไปเรียนที่อินเดีย อย่าพยายามตกเด็ดขาดเพราะมันจะลำบากเราเองในภายหลัง จะกลายเป็นดินพอกหางหมู เหนื่อยกันไปจนกว่าจะจบ นักเรียนหลายต่อหลายคนกลับประเทศไปหลังจากผ่านปีแรกเพราะสอบตกหมดมั่ง มันยากมั่ง ท้อบ้าง และหลายคนคิดว่าขีนเรียนต่อไปก้อไม่จบแน่ ถ้าไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดกับตัวเราก้อต้องตั้งใจเรียนและพยายามให้มาก และสุดท้ายก้อจะประสบความสำเร็จเองค่ะ เอาใจช่วยนะคt

ข้อมูลนี้อาจจะไม่ละเอียดมากนัก ถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ ขอเชิญเข้าชมที่ //www.mootonindia.net ที่จะเปิดตัวในวันที่ 1 กุมภานี้ค่ะ






Create Date : 18 มกราคม 2553
Last Update : 19 มกราคม 2553 14:05:36 น. 1 comments
Counter : 514 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆน่ะค่ะ =]


โดย: chris IP: 124.122.10.158 วันที่: 26 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:10:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

saranan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




ดูดวงเป็นอาชีพหลัก งานประจำเป็นงานอดิเรก

ID Line : mooton.banana

[Add saranan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com