|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
เกาะลอย - จอมเทียน (ร้อนยังกะโดนเทียนลน)
เมื่อวาน วันเชงเม้ง ปีนี้ลืมสนิท (จริงๆแล้วแกล้งลืม) มานึกขึ้นได้ก็ตอนรับโทรศัพท์จากพ่อ ดีว่าที่บ้านเข้าใจ ปลายสายบอกมาว่าไหว้เผื่อให้แล้ว .. วางหูโทรศัพท์ จากพ่อกะว่าจะต่อเน็ตซ่ะหน่อย ไฟก็ดันมาดับซ่ะอีก ลำพังไอ้คอมเปิดไม่ได้ก็ไม่เท่าไหร่ แต่แอร์ที่ห้องทำงานเปิดไม่ได้ด้วยซิ
นึกขึ้นได้ว่าไอ้โหดมีปัญหาอยู่หน่อยหนึ่ง ก็เลยให้ลูกน้อง(คนขับรถ)บรรทุกไอ้โหดไปร้านซ่อมที่ ศรีราชา ซักหน่อย พอไปถึงร้านช่างบอกว่าต้องใช้เวลาซ่อม นั่งดูรายการซ่อมไม่ถึง 5 นาที มีโทรศัพท์มาตามลูกน้อง เพราะว่าต้องไปทำธุระด่วนเรื่องโอนเงิน เอาล่ะซิ! ไม่ได้เตรียมการสำหรับปั่นกลับเลย แต่ทำใจใหญ่ บอกให้ลูกน้องเอารถยนต์กลับก่อนเลย ไม่ต้องรอ บอกลูกน้องว่าเดี๋ยวจะปั่นกลับไปเอง ... ลูกน้องได้ยินทำหน้า งงๆ ก็เลยย้ำอีกทีว่าไม่ต้องรอ ลูกน้องถึงได้กลับไป แถมถามกลับมาว่า "พี่เสร็จแล้วก็โทรหาผมดู เผื่อว่าผมจะมารับได้"
ลูกน้องกลับไปแล้ว ผมก็ไปเดินเล่น โรบินสัน ศรีราชา ตั้งแต่ห้างนี้เปิดผมยังไม่เคยเดินเหยีบไปเลย ขนาดว่าทาง บ. ได้ออกบูธขายบ้านอยู่ตั้งเป็นอาทิตย์ ผมก็ไม่เคยจะเข้ามาดูบูธเลย วันนี้ได้จังหวะก็เลยโฉบเข้าไปหน่อย ...
เที่ยงตรงทางร้านซ่อมโทรมาบอกว่ารถเสร็จแล้ว
นึกในใจว่าทำไมมันซ่อมเร็วจังวะ? ตอนแรกนึกว่าซ่อมเสร็จซักบ่าย 4 จะได้ปั่นกลับแบบไม่ร้อน
หลังจากไปเอาไอ้โหดจากร้านจักรยาน ก็เลยปั่นไปเกาะลอย กะฆ่าเวลาซักหน่อยก็ยังดี
เกาะลอยเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเยอะ เมื่อก่อนสมัยเรียนจบใหม่ๆ มาคุมงานที่สนาม Golf บางพระ ไปนั่งเล่นเกาะลอยทุกเย็น เพราะว่าเช่าที่พักอยู่แถวศรีราชา ตอนนั้นยังจำได้ว่าสะพานเชื่อมเกาะลอยยังเป็นทางเล็กๆอยู่เลย สวนหิน น้ำพุ อะไรก็ยังไม่มี จะมีก็แต่เรือกับลูกเรือจอดนอนอยู่เต็มไปหมด
สะพานคอนกรีตข้ามจากฝั่งศรีราชาไปยังเกาะลอย
ออกจากเกาะลอย ดูเวลาแล้วก็เพิ่งจะเลยเที่ยงมาหน่อยเดียว ท้องชักจะร้อง นึกได้ว่ามีร้านหมูสะเต๊ะ อร่อยอยู่ร้านหนึ่ง เมื่อก่อนจำได้ว่าชื่อ "หมูสะเต๊ะอพอโล" แต่วันนี้ไปกินกลายเป็นชื่อ "หมูสะเต๊ะศรีราชา"
หมูสะเต๊ะ 20 ไม้ + ตับอีก 5 ไม้
หลังจากจัดการกับหมูสะเต๊ะจนหมดแล้ว ก็ได้เวลาปั่นกลับ (หาดจอมเทียน) นาฬิกาบอกที่ 13.00 น. พอดี
ไอ้ลำพังระยะทางแค่ 32 กม.นี่ไม่เท่าไหร่เลย แต่แดดตอนบ่ายโมงนี่ซิ (ส่วนใหญ่แล้วจะปั่นตอนเย็นประมาณ 18.00 น.) แถมกางเกงที่ใส่ไปวันนี้ยังเป็นกางเกงยีนส์อีกด้วย ซึ่งถ้าเป็นกางเกงที่ใส่ปั่นจักรยานมันจะระบายเหงื่อได้ดี แถมยังมีฟองน้ำรองก้นอีก หนำซ้ำรองเท้าวันนี้ก็เป็นรองเท้าอีแต๊ะอีก แล้วยังจะไม่มีหมวกกันน๊อกอีก กระติกน้ำก็ไม่มี...
คิดในใจไม่เป็นไรน่าค่อยๆอย่ารีบ ปั่นซัก 2 ชม.ก็น่าจะถึง
ออกจากศรีราชา 13.30 น.ค่อยๆปั่นไปเรื่อย ก่อนถึงอ่าวอุดมก็แวะปั๊มน้ำมันเอาน้ำลูบหน้าลูบแขนลดความร้อนในตัว แล้วก็ปั่นต่อ ผ่านอ่าวอุดม จนมาถึงแหลมฉบัง สำรวจตัวเองดูแล้วว่าน่าจะต้องหาน้ำมาเติมร่างกายซักหน่อย เพราะว่าเหงื่อเต็มเสื้อหมดแล้ว เจอ 7-11 ข้างห้างแหลมทอง(เก่า) เข้าไปซื้อน้ำมากิน 1 ขวด จากนั้นก็ค่อยๆปั่นผ่านโรงโป๊ะ ผ่านแยกกระทิงลาย ตรงมายังนาเกลือ ผ่านพัทยาเหนือ,กลาง,ใต้ ตามลำดับ แล้วก็ถึงจอมเทียน ดูเวลาที่ปั่นก็ 1 ชม.กับอีก 50 นาที
ถึงจอมเทียน (ที่ทำงาน) ถ้ามี ซ๊อสภูเขาทอง ก็ดีเลย . . . . . ก็เอามาเยาะหยอด ไข่ปิ้ง ไง
ถึงที่ทำงานค่อยยังชั่วหน่อย เพราะว่าไฟฟ้ามาแล้ว เปิดแอร์ได้ อิๆ
นั่งให้หายเหนื่อยก็นึกถึงไอ้ไข่นุ้ย เพราะว่าไม่ได้เติมน้ำให้มันก่อนออกไป เดินไปดูมันที่กรง ... เห็นสภาพมันแล้วน่าอิจฉามันจริงๆเลย ...
อากาศร้อนยังไง เพ่ไข่นุ้ยก็หลับได้ตลอด
ก่อนจบ blog ก็ขอมีสาระทิ้งท้ายไว้ซักหน่อย ว่าด้วยเรื่องการขี่จักรยานหน้าร้อน เผื่อจะมีประโยชน์กับใครบ้าง
ออกตัวก่อน...บทความข้างล่างนี้ผมมิได้เขียนขึ้นมาเองนะครับ
การขี่จักรยานเพื่อออกกำลังหรือท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมที่ดี การเคลื่อนไหวร่างกายในขอบเขตของแอโรบิกช่วยลดไขมันได้ ทำให้จิตใจสดชื่นปลอดโปร่ง ลมที่พัดมาปะทะช่วยให้เหงื่อระเหยไปอย่างรวดเร็วและเย็นสบาย แต่แย่หน่อยที่ประเทศของเรานั้น แม้จะมีสามฤดูจริงแต่กลับเป็นฤดูร้อนเสียทั้งหมด คือฤดูร้อน ร้อนมาก และร้อนสุดๆ (หรือใครจะบอกว่าร้อนจนอะไรหายก็ตามแต่ความสะใจ) และความร้อนนี่เองที่เป็นศัตรูตัวสำคัญต่อการขี่จักรยาน
หน้าร้อนนี้ไม่ว่าคุณจะขี่จักรยานเทรนเนอร์อยู่กับบ้าน หรือออกมาขี่จักรยานจริงตามถนนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้นก็คือการเสียเหงื่ออันจะส่งผลต่อเนื่องไปยังการเสียน้ำและเกลือแร่ ประมาณว่าในอุณหภูมิที่รู้สึกได้ประมาณ 34-36 องศาในอากาศนั้น จะสูงประมาณ 40-ถึงเกือบ 100 องศาที่พื้นถนน ความร้อนขนาดนี้ทำให้พื้นยางแอสฟัลต์ (ยางมะตอย) เยิ้มได้ และจะสะท้อนขึ้นมาสู่ร่างกายของเราจนทำให้อุณหภูมิในอากาศที่สูงอยู่แล้วนั้นสูงขึ้นไปอีก
ประมาณว่าการขี่จักรยานกลางแดด โดยเฉพาะช่วงใกล้เที่ยงจนถึงบ่ายกลางๆ ติดต่อกันนานหนึ่งชั่วโมงร่างกายของเราจะเสียน้ำไปประมาณ 1 ลิตรครึ่งถึงสองลิตร นับว่าไม่น้อยเลยเมื่อคิดถึงปริมาณเทียบกับขวดน้ำอัดลมขนาดเท่ากัน สิ่งที่เสียไปพร้อมกับน้ำในรูปของเหงื่อก็คือเกลือแร่ แต่ที่เราไม่รู้สึกว่าเสียน้ำไปมากขนาดนี้เพราะลมที่พัดมาปะทะช่วยให้เหงื่อแห้งไปทันทีที่หลั่ง ลมคือตัวช่วยลดความร้อนสร้างสมดุลให้อุณหภูมิร่างกาย มันรักษาสมดุลด้านอุณหภูมิได้ก็จริง แต่ของเหลวที่เสียไปนั้นคุณต้องทดแทนเข้าไปด้วยการดื่ม
สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับจักรยานของคุณ คือขวดน้ำหรือถุงน้ำสะพายหลังเพื่อใส่น้ำไว้ทดแทนส่วนที่หลั่งออกมาในรูปเหงื่อ ในเมื่อคุณทราบแล้วว่าหนึ่งชั่วโมงของการขี่จักรยานกลางแจ้ง ต้องเสียน้ำไปถึงเกือบสองลิตร ดังนั้นปริมาณทดแทนควรจะมากเท่าๆ กันหรือใกล้เคียง ถ้าเป็นขวดน้ำก็คือสองขวด หรือถ้าเป็นถุงน้ำก็ควรมีความจุ 1 ลิตรครึ่งหรือ 2 ลิตร และเพื่อให้ชดเชยการสูญเสียเกลือแร่จึงควรชงผลกลูโคสใส่ลงด้วยประมาณ 1-2 ช้อน
ถ้านักจักรยานท่านใดคิดว่าการอดน้ำเป็นเรื่องเล็ก ขอบอกเสียก่อนว่ามันไม่เล็กอย่างที่คิด เพราะเมื่อร่างกายขาดน้ำส่วนที่ถูกกระทบกระเทือนแรกสุดคือเลือด ซึ่งจะข้นและไหลเวียนลำบากจนหัวใจทำงานหนักเพราะต้องบีบรัดแรงขึ้นกว่าเดิม เพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ สมองซึ่งเป็นน้ำอยู่ถึง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์จะได้รับผลกระทบเป็นอันดับต่อมา
อาการเบื้องต้นที่รู้สึกได้คือปวดศีรษะ มึน ความคิดช้า ถ้าคุณรู้สึกเช่นนี้เมื่อใดก็ขอให้ทราบเลยว่ามีปัญหาขาดน้ำแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดคือหาที่ร่มเพื่อหยุด ดื่มน้ำให้พอ พักผ่อนสัก 10 ถึง 15 นาทีแล้วค่อยขี่จักรยานต่อ หรือถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นหัวใจสั่นหรือปวดศีรษะ บางทีอาจต้องตัดสินใจโบกรถกลับบ้านหรือให้คนที่บ้านขับรถยนต์มารับแทนการขี่จักรยานกลับ
อุณหภูมิสูงๆ ไม่เคยปรานีใคร การขาดน้ำอาจทำให้คุณหมดสติหรือถ้ามากกว่านั้นอาจช็อกและเสียชีวิตได้ สาเหตุใหญ่ๆ เกิดจากการขาดน้ำและอุณหภูมิร่างกายเสียสมดุล วิธีป้องกันที่ง่ายที่สุดสำหรับพวกเราก็คือการดื่มน้ำให้เพียงพอทั้งก่อนการขี่จักรยานและระหว่างการขี่ เมื่อรู้สึกกระหายให้ดื่มทันทีไม่ต้องทน ถ้าน้ำหมดก็หาแหล่งน้ำเติมให้ได้ และทางที่ดีก็ควรจะเลือกเวลาขี่ให้เหมาะสมด้วย ถ้าคุณชอบขี่จักรยานตอนเช้าก็น่าจะตื่นให้เช้ากว่าเดิมสัก 1 ชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถ้าเป็นตอนเย็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็นไปแล้วจะเหมาะที่สุด แม้จะขี่กลับบ้าน 6 โมงกว่าก็ยังสว่างปลอดภัย ปรับเวลาเพื่อลดความร้อนดีกว่าทนขี่ตากแดดที่ทั้งร้อนและมีรังสียูวีแรงกล้า
แล้วการขี่จักรยานก็จะยังเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานและเสริมสุขภาพเหมือนเดิม ไม่กลายเป็นความทรมานบันเทิงไปเพราะขาดน้ำและแดดเผา
*** คัดลอกมาจาก หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ วันที่ 05 เมษายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3885 คอลัมน์ เทรนด์ดี้สปอร์ต โดย สรศักดิ์ สุบงกช ***
Create Date : 06 เมษายน 2550 |
|
39 comments |
Last Update : 6 เมษายน 2550 8:43:56 น. |
Counter : 1549 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: สอระ (สอระ ) 6 เมษายน 2550 12:50:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: nakwan6 6 เมษายน 2550 18:23:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: T_Ang 6 เมษายน 2550 19:34:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 6 เมษายน 2550 22:24:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: T_Ang 7 เมษายน 2550 21:00:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: poser IP: 58.9.15.22 8 เมษายน 2550 13:48:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: goodpeople (goodpeople ) 8 เมษายน 2550 21:21:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: goodpeople (goodpeople ) 8 เมษายน 2550 21:22:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: nanoguy 9 เมษายน 2550 10:35:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: poser (poser ) 9 เมษายน 2550 13:23:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: cascade 9 เมษายน 2550 16:03:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: tpipe 9 เมษายน 2550 16:50:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: goodpeople (goodpeople ) 9 เมษายน 2550 17:14:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 9 เมษายน 2550 17:56:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) 10 เมษายน 2550 11:34:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: mungkood 12 เมษายน 2550 22:49:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: nakwan6 13 เมษายน 2550 0:23:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 13 เมษายน 2550 10:12:16 น. |
|
|
|
| |
|
|
แวะมาทักทายและตามไปเที่ยวเกาะลอยด้วยค่ะ
นานมากแล้วที่ไม่ได้ไป