กาแฟร้อน
น้ำสตรอเบอรี่ก็สดชื่นดี
แซลมอนโทสต์ อันนี้ชอบ ๆ ฮ่ะ อาหารดูเพื่อสุขภาพมาก ฝั่งนึงเป็นแซลมอนบนขนมปัง อีกฝั่งเป็นขนมปังเนยถั่วโปะด้วยกล้วยหอม มีไข่ดาวมาให้ 1 ลูกด้วย
อาเฮียสั่งไข่กระทะ
เมื่อกินเสร็จเราก็เอื่อยเฉื่อยค่อย ๆ ยุรยาตรกันออกมาเที่ยว เพราะวันนี้ไม่ได้มีอะไรที่เป็นไฮไลต์ แต่จะเป็นการเก็บตกที่เที่ยวเล็ก ๆ กะปริดกะปรอยหลายที่ พลาดไปมั่งก็ไม่เป็นไร แต่สรุปแล้ววันนี้เป็นวันที่เราชอบมากเลย
ไปที่แรกจุดชมวิวเขาฝาชี อันนี้ขับออกมาจากตัวเมืองประมาณ 40 นาทีเลย โดยไปทางน้ำตกปุญญบาล ที่จุดชมวิวนี้เค้าแนะนำว่าให้ไปเที่ยวช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตกกัน จะได้วิวที่สวยสุด ๆ ไปเลย แต่พวกเราไปถึงกันซะเกือบ 11 โมงละ
ทางขึ้นชันและถนนแคบพอควรเลยนะคะ ถ้ามีรถวิ่งสวนนี่น่าหวาดเสียวมาก โชคดีแล้วที่พวกเราขึ้นกันตอนสายและไม่มีรถอื่นเลย
แต่ก็ขึ้นมาจนถึงละ
เค้าว่ามองเห็นไปถึงพม่าเลยเชียว แต่อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้
วิวสวย ลมเย็น เงียบสงบดีมากค่ะ ตอนสาย ๆ ยังสวยขนาดนี้ ถ้ามาดูพระอาทิตย์ตกนี่คงสุดยอดเลยนะนี่
เดินชมวิวกันจนอิ่ม เราก็ลงมาหาหัวรถไฟเก่าที่เที่ยวที่พวกสายฮิปเค้าชอบไปถ่ายรูปกัน
แวะชิมชาพะยอม ร้านนี้มีชาชักด้วย
และที่เจ๋งสุด มีผลิตภัณฑ์จากพม่าด้วย พวกสบู่ก้อน ทานาคาหลายแบบ
อิฉันถอยมาเต็มเลย เป็นของฝากให้เด็ก ๆ Made in Burma ล้วน ๆ
มีก้อนสีขาวเล็ก ๆ เป็นสบู่ข้าว อิฉันเก็บไว้ใช้เอง หอมสะอาดมาก กลิ่นข้าวหอมสุด ๆ ก้อนละ 15 บาทเท่านั้น เสียดายมีแค่ก้อนเดียว
เลี้ยวเข้าซอยไปแค่นิดเดียวก็เจอละ พิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สอง
ที่นี่มีหัวรถไฟ 1 อัน เก่าหง่อม แต่อย่างน้อยก็มีหลังคากันแดดกันฝน
และมีอาคารสภาพดี 1 หลังอยู่ข้าง ๆ หัวรถจักรนั่น แต่พอไปแอบเมียงมอง ก็พบว่าเป็นอาคารว่างเปล่า ไม่ได้ทำอะไรและไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย ดูแล้วน่าเสียดายจริง ๆ
อยู่ข้าง ๆ แม่น้ำ
อิฉันตามมาที่นี่จากรีวิวหลาย ๆ คนที่เล่าให้ฟังว่าหัวรถจักรนี้เป็นของตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นเอามาทิ้งไว้ ทีแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เคยมีสงครามก็คงทิ้งไว้เป็นเรื่องปกตินี่นา
แต่พอกลับมาบ้านก็ลองมา search หาประวัติ ก็พบว่ามันน่าสนใจไม่เบา เพราะนี่เป็นรถไฟสายสั้น ๆ มีแค่ 5-6 สถานีที่ญี่ปุ่นให้คนไทย (และเชลยมาสร้างต่อ เพราะคนไทยเผ่นกันหมด) มาสร้างเพื่อเอาไว้ขนเสบียงและยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ในช่วงสงครามโลกเท่านั้น และใช้กันเป็นเวลาสั้น ๆ มาก เพราะเมื่อสัมพันธมิตรเข้ามาแล้ว ญี่ปุ่นก็ทำลายหลักฐานทิ้งไปเกือบหมด
แต่ที่อิฉันไปเจอแล้วน่าสนใจก็อยู่ตรงที่ มีกลุ่มคนแถว ๆ กระบุรีกลุ่มหนึ่งเค้าพยายามค้นคว้าประวัติในแถบนั้นอย่างจริงจัง โดยใช้เวลาและเงินของตนเองในการค้นหาประวัติทางรถไฟสายนี้ และหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาได้มากมาย ที่ยังคงถูกทิ้งตามข้างทางตามป่าตามบ้านผู้คน เจอกระทั่งส้วมทหารญี่ปุ่น หรืออุโมงค์ซ่อนตัวของทหารญี่ปุ่นที่ป่านนี้ยังเข้าไปสำรวจได้ไม่หมดเลย เพราะขาดเครื่องไม้เครื่องมือ คนกลุ่มนี้พยายามทำให้รัฐสนใจนะคะ ยื่นเรื่องไปทั้งรัฐบาล หรือผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ทางผู้ว่าบอกให้ชาวบ้านทำกันเองไปก่อน
หากใครสนใจลองเข้าไปดูใน facebook : ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ชุมพร - กระบุรี - เขาฝาชี เลยนะคะ น่าสนใจมาก ๆ เลย อยากให้ทางหน่วยงานท้องถื่นเห็นความสำคัญของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นบ้างจริง ๆ ไม่เช่นนั้นก็จะสูญหายไปตามกาลเวลา
ขับรถกลับมาทางตัวเมือง ระหว่างทางเจอร้านกาแฟเล็ก ๆ น่ารัก เลยแวะซะหน่อย
เมนูน่าสนใจฮ่ะ มีนมกาหยู (เม็ดมะม่วงหิมพานต์)ปั่นด้วย อันนี้แนะนำ เพราะหวานหอมกลมกล่อมมาก จริงๆ สนใจอีผักเหลียงและส้มจี๊ดปั่นด้วย น่าจะสดชื่นดีนะ
โต๊ะเก้าอี้มีจัดไว้ให้ริมน้ำ ใครอยากลงไปนั่งกินก็สั่งน้ำแล้วลงไปจับจองที่กันได้เลย มีห้องน้ำสะอาดกริ๊บด้วย
นมกาหยูปั่น เด็ดมากฮ่ะ
จริง ๆ อิฉันไม่ค่อยชอบร้านอาหารที่ลงไปนั่งกินกันในน้ำซักเท่าไหร่ เพราะมีความรู้สึกว่ามันน่าจะสกปรก เดี๋ยวคงมีอะไรต่อมิอะไรร่วงลงน้ำกันเต็ม แต่ที่นี่สะอาดดีค่ะ น้ำใสแหนว ไม่มีขยะเลย เข้าใจว่าเพราะยังไม่มีขายอาหารด้วยแหละ
บรรยากาศดีมาก เสียงน้ำไหลฟังแล้วชวนง่วง
น้ำไม่ลึก ลงไปลุยได้เย็น ๆ
อ่างล้างมือ น่ารักเชียว
เข้ามาในเมือง แวะหาโรตีกิน แต่มาถึงเอาเกือบบ่ายสอง ร้านโรตีบังกีเหลือแค่แกงไก่กับโรตีกรอบ เสียจุยย อยากกินแกงเนื้อกับโรตีอาหรับ
มาต่อที่พระราชวังรัตนรังสรรค์ ซึ่งก็อยู่ในเมืองนั้นแหละ
ที่นี่เป็นพระราชวังไม้จำลอง ทำขนาดลงลงมาจากของเดิมที่เป็นพระราชวังไม้ที่เจ้าเมืองในสมัยรัชกาลที่ 5 สร้างขึ้นเพราะไว้ใช้รับรองรัชกาลที่ 5 สมัยเสด็จประพาสมลายู
ดีงามกว่าที่คิดมากมายฮ่ะ เสียค่าเข้าคนละ 50 บาท อาเฮียร้อยนึง ถ้ากระโปรงใส่สั้นไปก็มีผ้าซิ่นให้เช่า ข้างในห้ามถ่ายรูปนะคะ แต่น่าสนใจมาก มีห้องบรรทม ร.5 ห้องพักของพระมเหสีและสนม ห้องทรงงานต่าง ๆ มีไกด์มาคอยเล่าให้ฟังด้วย ตั้งแต่ ร.5 เสด็จประพาสมลายูก็เดินทางทางเรือ และมาต่อด้วยขบวนช้างเป็น 100 เชือกจากชุมพรมากระบุรีอะไรประมาณนี้ ก่อนที่จะลงเรือต่อไปยังมลายู ซึ่งสมัยนั้นคงอลังการมากเลย
ตอนที่ผ่านมายังระนองนั้น ทางเจ้าเมืองก็ให้สร้างพระราชวังไม้เอาไว้ ซึ่งแต่ก่อนไม่ได้อยู่ตรงนี้หรอก อยู่ใกล้ ๆ กัน และขนาดก็ใหญ่กว่านี้ แต่พอเวลาผ่านไปประกอบกับระนองเป็นเมืองฝนแปดแดดสี่ ความชื้นก็ไม่เป็นรองใคร พระราชวังไม้ก็ผุกร่อนไปตามกาลเวลาและความชื้น เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดในสมัยนั้น ก็สร้างพระราชวังไม้จำลองขึ้นมา เพื่อที่ประวัติศาสตร์จะได้ไม่เลือนหายไป
เท่าที่อิฉันติดตามเพจชาวกระบุรีที่ว่าไว้ด้านบน ก็ทำให้ทราบว่าประวัติศาสตร์ที่ระนองนี่เยอะมากนะคะ มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ญี่ปุ่นบุกขึ้นบกมาก็ที่นี่ มีการปะทะกันด้วย หากท่านผู้ว่าในยุคนี้มีดำริจะเก็บหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไว้ศึกษาบ้าง คงจะดีไม่น้อย ไม่งั้นประวัติศาสตร์คงจะเหลือแต่เป็นตัวหนังสือ
บ่นไปเรื่อยเจื้อย ตามมาดูพระราชวังกะอิฉันดีกว่า
สวยอลังค่ะ
นุ่งผ้าซิ่นทับกระโปรงสั้น
ระเบียงรอบนอกถ่ายรูปได้ ข้างในอาคารนั้น นอกจากไกด์ จะมีมัลติมีเดียคอยแสดงให้ความรู้ถึงพระราชวัง ถึงเจ้าเมืองต่าง ๆ ในสมัยก่อนทำได้ดีและไม่น่าเบื่อเลย
ข้างบนเขานั้น จะมีต้นมะขามที่ ร.5 ทรงปลูกเอาไว้ด้วย คุณไกด์เล่าว่าสมัยก่อนเวลาวันปิยมหาราช ชาวระนองจะมาทำพิธีกันที่ต้นมะขามนี้ แต่ไม่นานมานี้มีการสร้างรูปปั้น ร.5 ที่หน้าศาลากลางจึงย้ายไปทำพิธีที่นั่นแทน อิฉันว่าทำพิธีที่ต้นมะขามดูขลังกว่ากันเยอะแฮะ
จากมุมนี้ถ้าหันขวาไป จะมีศาลาเล็ก ๆ ที่มีพระพุทธรูปอยู่ด้วย คุณไกด์บอกว่ามีคนเอามาให้ทางการ หลังจากเจอพระลอยน้ำมาจากซึนามิเมื่อคราวนั้น
ทางด้านหน้าข้ามนนไปจะมีร้านขายของฝาก ร้านบ้าน ๆ แต่ขายของถูกดี มีน้ำพริก เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อิฉันได้สร้อยมุกแหวนมุกมาใส่เล่นหลายอัน เป็นพวกมุกถูก ๆ เม็ดไม่เท่ากันเลย 30 เม็ด 30 รูปร่าง แต่น่ารักดีนะคะ เสียดายน่าซื้อมาอีก
รถสองแถวไม้ ของดีเมืองระนอง
บ่ายสามเกือบสี่โมงละ เป้าหมายสุดท้ายคือไปดูภูเขาหญ้ากับน้ำตกหงาวที่อยู่ตรงข้ามภูเขาหญ้ากันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ดังนั้น ยังพอมีเวลาอยู่นิดหน่อย เราจึงไปป่าชายเลนหงาวกัน อยู่ไม่ไกลจากภูเขาหญ้าฮ่ะ แต่ถ้าไปตาม GPS ระวังโดนมันหลอกนิดนุง เพราะจุดที่มันบอกว่าถึงแล้ว ไม่ใช่ทางเข้าไปป่าชายเลนนะครัช ต้องขับเลยเข้าไปอีกหน่อยหลายร้อยเมตรอยู่ ซึงวันที่อิฉันเข้าไปเป็นวันอาทิตย์จึงดูเงียบมาก มีเด็กซัก 5-6 ขวบมาพาอิฉันไปลงชื่อในสมุดเข้าป่า และขากลับก็เจอน้องหมาฟันยื่นอีกตัวมายืนส่ง นอกนั้น ไม่เจอใครเลยยย
มีจุดชมวิวสวย จะเห็นเกาะหลายเกาะเลย
ตามรูปเป๊ะ
นี่คือน้องหมาเหยินที่มาส่ง เสียจุยยไม่มีขนมติดรถมาให้กินเลย
มาต่อกันที่ภูเขาหญ้า ซึ่งใครไปใครมาก็ต้องแวะ จริง ๆ มันก็คือเนินเขาเตี้ย ๆ ไม่มีต้นไม้ขึ้น มีแต่หญ้า และฝั่งตรงข้ามจะเห็นน้ำตกหงาวด้วย
เป็นลานกิจกรรมที่ดี มีพ่อค้าแม่ค้าเอาอาหารมาขายกันประปราย มีครอบครัวพาลูก ๆ มาเล่นว่าว พาหมามาวิ่งเล่น อากาศดี๊ดี ลมพัดสบาย
ได้ไอติมนมเย็นมากิน
อาเฮียไปขโมยว่าวเด็กแถวนั้นมาเล่น
อาเฮีย Skype คุยกะป๊าม๊าที่อังกฤษ ภาพเสียงชัดแจ๋ว
ข้างหลังเห็นน้ำตกหงาวด้วย
ขับรถกลับที่พัก ผ่านตัวเมืองแวะเดินตลาดจักหน่อย
วันนี้เที่ยวหลายที่ หมดแรง เลยมากินข้าวชิล ๆ กันที่ที่พัก อันนี้เป็นอาหารโบราณ ล่าเตียง ข้างในเป็นหมูสับกุ้งสับ อร่อย
ผักซีอิ๊วทะเล
ปลาทรายทอดขมิ้น กรอบอร่อย
แล้วอยู่ ๆ อีเหมียวก็โผล่มา
นางมองเฉย ๆ เฉย ๆ เฉย ๆ ไม่หืออือ ไม่ร้องไม่อะไรทั้งนั้น
มองมันเข้าไป
ให้ก็ได้วะ
เมื่อปลาหมด นางก็มองล่าเตียง
มองเฉย ๆ
สั่งขนมมาปิดท้าย อาหารที่นี่ดีจริง ๆ The hidden resort
เครปกล้วยคาราเมล
กล้วยบวดชี
กลับห้องมาดูของที่ช็อปมาวันนี้ฮ่ะ มีกาหยู ชาลำไย (อันนี้ OTOP ของเชียงราย ตรูจะเอามาเพื่อ ) ชา 3in 1 ของระนองหอมดีนะคะ น้ำพริกต่าง ๆ และสบู่พม่า
ได้สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้าของรักษะวาริณ และมุกราคาไม่แพงมาใส่เล่น
*************************************************************************
*************************************************************************
วันสุดท้าย กลับกัน flight ก่อนเที่ยง จึงไม่เหลือเวลาทำอะไร
พอแค่ Enjoy อาหารเช้าแล้วไปคืนรถและขึ้นเครื่องเท่านั้น อาเฮียบอกให้ลงไปว่ายน้ำเล่นได้อีกรอบ แต่วันนี้ตอนเช้าหนาวยะเยือกเลยไม่ลงดีฝ่า
วันนี้กินชาร้อนๆ
อาหารชุด American breakfast
และ Very Berries Smoothies ชอบที่สุดดดด
แล้วนางก็มา
มองเฉย ๆ
มองเงียบ ๆ
มอง ไม่หือไม่อือ
เห็นชั้นด้วยเหรอมะนุด
เริ่มแสยะยิ้ม
แสยะยิ้มจริงๆ ด้วย
หึหึหึ เป็นทาสชั้นซะสิ
เล่น(หูเล่นตา)กับนางจนหนำใจ เพราะจริงๆ แล้วนางไม่เล่นด้วย ที่นี่มีแมว 3 ตัว พนักงานบอกว่า ตัวสีส้มชอบเล่นกับคน สีดำกลัวคน และอีเทานี่ไม่ค่อยชอบคน แต่มีแต่นังเทานี่แหละที่มานั่งจ้องหน้า
แพ็คเป๋ากลับบ้านกันอย่างปลาบปลื้มกับที่พักที่นี่
มาขึ้นเครื่องกลับ เคาน์เตอร์นกแอร์มีป้ายแขวนกระเป๋าขาย น่ารักและช่วยการกุศลด้วย
พร้อมกลับบ้านละ
น้องนกแจกน้ำขากลับ