2017 Nan short trip : Day 2 บ่อเกลือ - ดอยภูคา - ปัว
หลังจากโซ้ยมื้อเช้ากันอย่างอิ่มหนำจากบ่อเกลือวิว เราก็เริ่มออกเดินทาง โดย Itinerary ของวันนี้เราจะเป็นอย่างงี้
บ่อเกลือ - ดอยภูคา (จุดชมวิว 1715)- ปัว (พิพิธภัณฑ์บ้านไทลื้อ - วัดภูเก็ต) - ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ - ตัวเมืองน่าน (พักที่คุ้มเมืองมินทร์) - ตลาดกลางคืน
ออกจากบ่อเกลือวิว เราควรจะวิ่งไปทางดอยภูคา แต่เมื่อเลี้ยว ๆ หลงๆ ตรงจุดเริ่มต้น ก็ดันเห็นป้ายทางขึ้นอุทยานแห่งชาติขุนน่านซึ่งบอกว่าไปอีกไม่ไกล ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้ว ก็เลยแวะไปซักหน่อย
ตกลงได้ถ่ายแต่ป้ายนะขรั่บ..
เมื่อไปถึงทางเข้า เจ้าหน้าที่บอกว่าฝนมันยังตกอยู่เลยนะ เข้าไม่ได้ มาใหม่เดือน ตค ละกัน
อ้ะ..ไม่เป็นไร ขับรถต่อไป ตาม GPS ไปเรื่อย ๆ มุ่งหน้าขึ้นดอยภูคา
วันนี้ฝนตกช่วงเช้าตรู่ และฝนปรอย ๆ บาง ๆ ตลอดเช้า
ทางขึ้นดอยค่อนข้างคดเคี้ยว และหมอกหนามากกกกกกกกกกกกก
เราไต่ไปประมาณ 20-30 กม./ชม. ยิ่งสูงหมอกยิ่งหนา รถที่วิ่งสวนมาแทบไม่มี แต่บางครั้งมีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนมาด้วย น่าจะชาวบ้านแถว ๆ นั้น
เจอหมู่บ้านระหว่างทาง บ้านก่อก๋วง ดูเจริญรุ่งเรืองสุด ๆ ในแถบนั้น มีตลาดอยู่หน้าหมู่บ้าน เราจึงจอดรถ เพราะอยากจะอุดหนุนชาวบ้าน และลงไปส่องว่าเค้าขายอะไรกันน้อ
มีตลาด มีชาวบ้าน มีวัว มีหมา เราเดินเตร่ ๆ แถวนั้น ชาวบ้านชวนคุยแล้วบอกว่าเดินลงไปดูที่หมู่บ้านสิ แต่หมอกหนา มองไม่ค่อยเห็นอะไรหรอก
จอดรถ แล้วเดินลงเขาเข้าหมู่บ้าน
น้องหมานั่งมองหมอก
หน้าตามีสกุลรุนชาติ หน้าเหมือนหมาอาคิตะ เจ้าฮาจิโกะ
มาอ่านเจอทีหลังถึงหมู่บ้านนี้ ว่าไม่มีไฟฟ้าใช้ มีระบบโซล่าเซลล์อยู๋นิดหน่อย เท่าที่เดินดู ยังเป็นธรรมชาติมาก เลี้ยงไก่ เลี้ยงวัว เหมือนบ้านชนบทในหนังสือเรียนมานะมานี อาชีพชาวบ้านแถวนี้คือไปเก็บของป่าเช่นพวกเห็ด ผักต่าง ๆ มากินมาขาย
เอ๊ะ.. ไม่มีไฟฟ้า แล้วนี่เสาอาร้ายยย
หมอกหนาจริง ๆ ค่ะท่านผู้ชม
เดินกลับมาดูตลาดกันหน่อย ไหนมีไรขายมั่ง
เห็ด ปลี ข้าวโพด และลูกอะไรต่อมิอะไรที่อิฉันไม่รู้จัก และไม่รู้จะอุดหนุนยังไง
วัวก็กินเปลือกข้าวโพดกันอย่างเอร็ดอร่อย
นังฮาจิโกะหรือพี่น้องของมันก็ไม่รู้วิ่งตามมา
ขึ้นรถมาแล้ว ลูกวัวมาชะเง้อมอง
ขับรถขึ้นเขาต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งสูงหมอกยิ่งหนา อิฉันขับรถลดความเร็วลงไปอีกจาก 30 ไป 20 ไป 10 กม / ชม ไฟเปิดมันทุกดวง เพราะมองไปข้างหน้าได้ไม่ไกลเท่าไหร่ จนมาเจอจุดชมวิว 1715 นี่คือจุดที่สูงที่สุดของดอยภูคา
เปิดรถลงไป อากาศหนาวเยือก ลมแรงมาก
แวะไปดูเทอร์โมมิเตอร์ อุณหภูมิอยู่ที่ 17 องศา
ในเมืองข้างล่างอย่างร้อนเลย
ขับต่อไป เจอร้านกาแฟกับลานกางเต๊นท์ รีบแวะเลยฮ่ะ
บนภูก็มีลาเต้อาร์ตให้กิน
เดินไปด้านหลัง เค้าเรียกลานดูดาว ปกติคงเอาไว้กางเต๊นท์กัน ห้องน้ำที่นี่สะอาดสะอ้านและเข้าฟรี แต่มีกล่องให้หยอดบริจาคไว้ด้านหน้า ใครไปใช้บริการการช่วยกันหยอดนะคะ ช่วยค่าน้ำค่าทำความสะอาดกันด้วย
ลานด้านหลังจะมีจุดนึงที่รับสัญญาณ DTAC ได้แต่ห้ามขยับจากจุดนั้นเลยเชียว เพียง 1 ก้าว สัญญาณก็หายได้
ขับมาเรื่อย ๆ ผ่านช่วงที่เค้าเรียกถนนลอยฟ้า สวยขาดใจเลย สวยจริง ๆ
แต่รูปถ่ายทำไมง่อยกระรอกอย่างเง้ เป็นที่กล้องแน่ ๆ เลย
มุ่งหน้าไปยังปัว
ลงเขามาเรื่อย ๆ หมอกหายไปละ ปัวเริ่มเขียวสวย ท้องนาเต็มไปหมด ตาม GPS ไปพิพิธภัณฑ์บ้านไทลื้อ เค้าว่ากินกาแฟแกล้มวิวที่นี่เด็ดสุด ๆ
มีทางแยก 2 ทางนะคะ ทางที่เป็นไม้ไผ่เดินลงทุ่งนาดูปลอดภัยกว่ากันมาก อิฉันดันไปพาอาเฮียเดินไปฝั่งไม้แผ่นใหญ่ ๆ ก่อน อิฉันก็ว่ามันก็มีลำไม้ไผ่ให้เกาะดูปลอดภัยอยู่นา แต่พอเดินไป ๆ มันสูงขึ้นทุกที และบางช่วงลำไม้ไผ่ไม่มีให้เกาะ อาเฮียกลัวมาก เดินขาสั่นแหง่ก ๆ แล้วไม่ยอมไปต่อ
ทางนี้แหละ
เลยพาเฮียเดินกลับไปนั่งกระต๊อบ ส่วนอิฉันเดินแรดต่อคนเดียว
กระต๊อบพวกนี้เค้าเรียกเถียงนาใช่ไหม ที่นี่มีเอาไว้นั่งชิล ๆ เค้ามีหลายหลัง มีเสื่อมีหมอนไว้ให้นอนเล่น ก่อนเข้าไปก็สั่งกาแฟสั่งเค้กหิ้วไปนั่งๆ นอน ๆ กินเค้กแกล้มวิวกัน
มีแพะตัวดำขลับ ลูบหัวเล่นได้ด้วย แพะเป็นมิตรดีฮ่ะ ทีแรกยังคิดว่ามันจะขวิดตรูไหม
กลับมาตรงทางเข้า แวะกินเค้กกันหน่อย เค้กส้มสดชื่นดี
ด้านหน้าจะมีร้านขายผ้าทอร้านใหญ่มากอยู่ด้วย อิฉันเข้าไปเดินดู ราคาไม่แพงเลย เป็นร้านขายผ้าที่ตัดเป็นชุดสำเร็จแล้วเสื้อ กระโปรง ผ้าถุงสวยมาก
จุดเช็คอินถัดไปตามประสานักท่องเที่ยว ๆ น่านมือใหม่ ยังไงซะก็ต้องเป็นวัดภูเก็ต
ไหว้พระแล้ว ก็มาดูวิวนาข้าวด้านหลัง
ด้านล่างมีตูบนาโฮมสเตย์ ขายกาแฟ และแถวนั้นมีตลาดเล็ก ๆ ขายของชาวบ้าน เช่นพวกผ้าทอ ข้าวสาร อิฉันได้ผ้าทอคลุมไหล่มาฝากคุณแม่ ดูเหมือนราคาสูงกว่าร้านในเมืองหน่อย แต่ดูเนื้อผ้าต่างกัน อันนี้ดูบ้าน ๆ ดี
ข้างบนลานวัดมีต้นดิกเดียม พอลูบต้นแล้วมันจะจั๊กจี้ ร้องอุ๊ย ๆ
( บ้าเรอะ มันจะร้องได้ไง) ลูบแล้วมันจะจั๊กจี้ และกระดิกยอดได้ด้วยฮ่ะ อิฉันว่ามันกระดิกได้จริง ๆ นะ ถึงแม้อาเฮียจะยืนยันหนักแน่นว่าลมมันพัด
เดินลงมาดูด้านล่าง มีรถด้วยยย
ไปต่อกันที่ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำเพื่อกินมื้อกลางวัน ทั้งหมดทั้งปวงในปัว ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์บ้านไทลื้อ วัดภูเก็ต และฟาร์มเห็ดนี้ไม่ไกลกันเลย ขับรถต่อมาอีกนิดเดียว แต่ถ้ามาอย่างอิฉันมันจะย้อนไปมานิดหน่อย เพราะจริง ๆ น่าจะไปฟาร์มเห็ดก่อนที่อื่น ๆ
ไปฟาร์มเห็ดต้องตาม GPS ไปอย่างเดียว ทางเข้าเล็กและวกวนซะจนไม่เหมือนทางเข้า
เมื่อชื่อเป็นฟาร์มเห็ด อาหารจึงเน้นแบบเห็ด ๆ ที่ดัง ๆ น่าจะเป็นพิซซ่าเห็ด แต่อิฉันลองสั่งไข่ป่ามมา อร่อยดีฮ่ะ เหมือนออมเล็ตเห็ด แบบเยิ้ม ๆ หน่อย และเค้าไม่ได้ทอดกะน้ำมัน แต่ใส่ไว้ในใบไม้แล้วน่าจะเอาไปปิ้ง อาหารที่นี่รสชาติดีเชียว
ก่อนอาหารมา ก็นั่งดูวิวนาข้าวเขียว ๆ ไป
ที่นี่เค้ามีทำเป็นโฮมสเตย์ด้วย ถึงแม้จะชื่อโฮมสเตย์ แต่อิฉันว่ามันเหมือนโรงแรมมากกว่า
จากฟาร์มเห็ด สามารถเดินไปวังศิลาแลงได้ แต่ทริปนี้อิฉันกับอาเฮียขอข้ามไป เพราะกลัวว่าจะขับรถกลับตัวเมืองน่านไม่ทันมืด ทริปของวันนี้ เราจึงจบกันเพียงแค่นี้ จริง ๆ ตารางของวันนี้ ถ้าหากให้อิฉันจัดใหม่ ก็อยากจะค้างที่ปัวซะ 1 คืน เพราะจริง ๆ แล้ว เหมือนน่าจะยังมีที่ให้แวะชมช้า ๆ เนิบ ๆ อยู่อีก
บล็อกหน้าพาไปเช็คอินคุ้มเมืองมินทร์ที่พักสุดแสนน่ารักในตัวเมืองน่านค่ะ
Create Date : 08 ตุลาคม 2560 |
Last Update : 8 ตุลาคม 2560 17:56:21 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2208 Pageviews. |
|
|