กำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงสถานที่ด้วย
นี่เลยฮ่ะ รูปดวงตาที่เป็นสัญญลักษณ์ จะว่าไปก็ออกแนวเหมือนสัญลักษณ์ "เพื่อน" ใน Twenty Century Boy หน่อย ๆ
น่าเสียดาย เลยไม่เห็นเค้าสวดมนต์ เพราะเห็นว่าจะมีดนตรีในแบบฉบับเกาได๋ด้วย
นั่งรถออกมาอีกนิดนึง คุณเวียดบอกว่าเราจะแวะอีกวัดนึง วัดนี้คนจะเยอะหน่อยนะ เพราะเป็นวัดยอดฮิต แต่ยูมานี่แล้วยังไงก็ต้องแวะ
วัดเจดีย์มังกร Linh Phouc Temple เป็นวัดที่ตกแต่งประดับประดาไปด้วยเศษขวดเศษกระเบื้องเหมือนวัดอรุณของเรา จึงมีรายละเอียดจุ๊กจิ๊กสวยงามทุกมุมแต่ที่นี่เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่โตมโหราฬมาก
สวยงามงานละเอียดจากเศษกระเบื้อง
มีเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่มากกกกกกกกกกทำจากดอกไม้สด แต่ตอนนี้ก็แห้งซะละ
ของเค้าดี สวยทุกมุมจริง ๆ
สองหนุ่มคุยกันจุ๊งจิ๊ง ปล่อยอิฉันเดินดูวัดอย่างละเอียดคนเดียว
ระฆังใหญ่ยักษ์มากมาย
งานละเอียดสุด ๆ
มีหลายชั้นนะฮะ เมื่อลงไปชั้นล่าง จะมีโซนโชว์เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ท่อนใหญ่บ้ะเร่อ ไม่ก็หินอ่อนก้อนเท่าบ้าน อลังการงานสร้างมาก ราคาไม่เบาเลย พวกชุดเก้าอี้ชุดใหญ่ ๆ ตกชุดละ 3-4 ล้านบาท
ขอนั่งให้เป็นบุญตรูดซะหน่อย ของแพง
และมีทางลงนรกด้วย
เมื่อออกมาจากนรก ก็จะมาเจอพระให้อุ่นใจ โซนนี้ดูเหมือนจะเป็นโซนพระของไทย มีพระแก้วมรกต หุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อดัง ๆ ของไทยเป็น 10 รูป
ประทับใจวัดนี้ สวยงาม ถึงคนจะเยอะไปหน่อยก็เถอะ แต่คุ้มค่าที่จะมาจริง ๆ
และแล้ว เราก็ร่ำลาคุณเวียด หมดวันไปอย่างชื่นมื่นมาก ฮีเป็นไกด์ที่ดีจริง ๆ วางแผนเที่ยวให้ในแบบที่นักท่องเที่ยวแต่ละคนชอบ เป็นกันเอง มีเรื่องเล่าฮา ๆ เยอะ ภาษาอังกฤษก็เข้าใจง่าย จบทริปแบบรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกัน ไม่เหมือนไกด์คนอื่น ๆ มาคราวหน้ายังไงซะเราก็จะจองตัวฮีไว้เลย
กลับมานอนเลื้อย หาของเบา ๆ กินที่ที่พัก
ก่อนที่จะออกไปหาข้าวเย็นกินแถว ๆ ในเมือง ได้ที่ร้าน V Cafe ร้านมืด ๆ อาหารใช้ได้
อะไรไม่รู้ เหมือนส้มตำมาก ที่สั่งไปน่าจะเป็นสลัดส้มโอรึไงนี่แหละ
สั่งไรมาก็ไม่รู้ น่าจะเป็นแกงกะหรี่
อันนี้ดูปลอดภัยและมาเหมือนที่คิดที่สุดละ พาสต้าชีส
บานาน่าสปลิท
และกล้วยราดโยเกิร์ต
อิ่มจนพุงจะระเบิด เราเลยออกเดินตลาดกลางคืน หาของช็อปปิ้งไปฝากเพื่อน ๆ
มาสคอตในตลาดก็ยังคงหลอนไม่เปลี่ยนแปลง
ขนมกล่อง ๆ แม่ค้า Hard sale มาก เดินผ่านก็รีบแกะโน่นนี่นั่นให้กิน บอกไม่ต้อง ๆ ก็ไม่ยอม พยามแกะยื่นให้มันทุกถุง เหลือบตาไปมองอันไหน แม่ค้าจะรีบแกะถุงทันที
สุดท้าย เลยต้องซื้อกลับมาหลายกล่อง พวกเยลลี่ผลไม้ก็อร่อยใช้ได้อยู่ ตกกล่องละ 15 บาทเอง
ในตลาดมีหมวก เสื้อผ้า กระเป๋าขายเยอะ
ต่อไป เป็นข้าวของที่ขนซื้อมาของทริปนี้ เอามาวางเรียงก่อนจะโยนทั้งหมดเข้ากระเป๋าอาเฮียให้เฮียแบกกลับ
นี่ตุ๊กตารังไหม อันละ 40000ดอง หรือประมาณ 60 บาท และข้างหลังเป็นพวงกุญแจกล้อง ทำจากไม้อัด น่ารักมาก มีเขียน Dalat ด้วย ซื้อเยอะ ๆ เค้าลดเหลืออันละ 10000ดอง หรือ 15 บาท
กระเป๋าตังค์ ถูกสุด ๆ ใบละ 20000 ดอง หรือ 30 บาท
ชาอะติโช๊คก็เป็นของฝากยอดฮิต กับเยลลี่ผลไม้ ไอ้กระป๋อง ๆ นั่นก็มะละกอแห้งอร่อยดี ไว้ถ้าไปคราวหน้าอิฉันจะขนไอ้นี่มาเยอะ ๆ
วันสุดท้าย ตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวกลับ พอถึงวันกลับแล้วก็ไม่อยากกลับ มีความรู้สึกว่า 4 วัน 3 คืนที่ดาลัทนี่ไม่พอแฮะ ที่เที่ยวหลัก ๆ เรายังไม่ได้ไปเลย ดังนั้น เหมือนมันไม่จบ จึงตกลงกะอาเฮียว่า เราจะกลับมาแก้ตัวใหม่ในปีหน้า
ลงมากินข้าวเช้า
วันนี้สั่งไข่เจียว มันใหญ่มากกกกก
กลับขึ้นมานั่งชิลล์ที่ระเบียงห้องได้อีกพักใหญ่ ก่อนแท็กซี่จะมารับไปสนามบิน
ดอกไม้ทั้งหมดอยู่ในสวนหน้าบ้านนี่เอง
คุณเวียดมารับเรากลับสนามบิน ระหว่างทางต้นไม้เขียวครึ้ม ขากลับไม่หวาดเสียวเท่าขามา
ขากลับ เราลืมจองที่นั่ง เลยต้องมาระบุที่กันตอนเช็คอิน เจ้าหน้าที่เราเลยให้นั่งตรงทางฉุกเฉินด้วย Leg room ยาวกว่าขามาเยอะเลย โชคดีจริง ๆ
จบทริปไปอย่างประทับใจ และแปลกใจกับเวียดนามมาก เพราะเป็นประเทศที่อิฉันและอาเฮียไม่ได้คาดหวังอะไรซักเท่าไหร่ เห็นเป็นทริปราคาไม่แพง อยู่ใกล้ ๆ ใช้เวลาพอ ๆ กับไปเที่ยวหัวหิน แต่สุดท้ายแล้ว เราประทับใจกันมาก ทั้งอากาศ สถานที่ อาหาร คน วิว ที่พัก เวียดนามนี่ของดีจริง ๆ ฮ่ะ แล้วเราจะกลับมาใหม่ไม่นานนี้ล่ะ
เข้ามาแล้วพาลสดชื่น
แถมของกินเยอะแยะเลย