มีไม่กี่แบบหรอก แต่ๆ ละอย่างช่างดีงาม อิฉันจึงวางแผนจะกินมันวันละแบบเลย
เริ่มที่กาแฟ
สมูทตี้โบลว์ช็อคโกแลต มาแบบอลังการงานสร้างมาก
Eggs Benedict ก็น่ากินดีแท้
กลับมาห้องพักมาคว้ากระเป๋าเตรียมไปขึ้นเรือ นัดเค้าไว้ 9.30 น. ออกจากนี่ 8.30 ไปถึงได้แบบชิล ๆ
อาเฮียพร้อมแล้ว วันนี้เฮียคอสเพลย์เป็นเด็กนักเรียนอัสสัม
นักเรียนชายก็คู่กะนักเรียนหญิงสินะ อิฉันไม่ค่อยมีเสื้อขาว ลองใส่ดูเผื่อจะดูดีงามปานนางฟ้าบ้าง
ขับรถมาเรื่อย ๆ วิวสวย ๆ เขียว ๆ ระนองต้นไม้เยอะค่ะ แป๊บเดียวก็ถึงอุทยานแห่งชาติแหลมสน
ทีแรกว่าจะแวะจอดแถวนี้แหละ เห็นป้ายบอกเป็นที่จอดรถ
พี่ทหารมาถามว่ามาทำไรคับ พอบอกไปว่ามาลงเรือ พี่เค้าบอกงั้นตามผมมา แล้วขี่มอไซค์นำไป
ไม่ใกล้เท่าไหร่เลยนะ ใจดีจัง
มาจนถึงท่าเรือ เรือที่อิฉันใช้บริการเป็นของบังใหม่ อ้ะ เผื่อใครอยากจองนะคะ 086-271-0373 ไม่ได้ค่าโฆษณาเลยนะนี่
อันนี้เค้าเรียกเรือหัวโทง ที่จะพาเราข้ามน้ำไปหาเกาะ
ปลอดภัยไว้ก่อน สวมเสื้อชูชีพก่อนออกเดินทางนะฮะ
ลมดี๊ย์ดีย์ ทำไมเฮียเกาะเรือแน่นเชียว
ใกล้ถึงละ
เรามาจอดที่เกาะญี่ปุ่นเป็นเกาะแรก เห็นหาดทรายขาว ๆ อยู่ไม่ไกล
วิวยังกะโปสการ์ด
น้ำใสมากกกกกก ทรายขาวมากกกกก
เกาะนี้จะไม่สามารถเดินรอบเกาะได้ ตอนที่ไปก็รู้สึกว่าหาดมันสั้น ๆ นะ คนเรือบอกว่าวันนี้ต้องช่วงเที่ยงๆ น้ำจะลง หาดจะยาวขึ้น
แต่แค่นี้ก็สวยสุด ๆ ละ
เจอเปลือกหอยอันบ้ะเร่อ
ไม่รู้ใครมาร้อยทิ้งไว้ น่ารักเชียว
ถ่ายรัว ๆ
เกาะญี่ปุ่นนี่มีเรื่องเล่าหลายแบบ บ้างก็บอกว่าญี่ปุ่นเคยมาลงทุนที่เกาะนี้ แล้วตอนหลังเลิกไป และอะไรอีกหลายอย่าง แต่ตอนนี้เกาะเกาะว่าง ๆ ไม่มีอะไรเลย ไม่มีคนอยู่ ไม่มีร้านค้า ห้องน้ำก็ไม่มี
คนเรือแนะนำว่าจะลงเล่นน้ำที่นี่ก็ได้ เพราะน้ำใส และไม่ลึกมาก หรือจะไปเล่นน้ำที่เกาะถัดไปก็ได้เพราะหาดจะกว้างกว่า มีโต๊ะเก้าอี้นั่งเล่นนั่งกินข้าวได้สบายกว่า
เราจึงไปเกาะถัดไป เกาะกำตก
แป๊บเดียวก็มาถึง เกาะอยู่ใกล้ๆ กัน
เกาะนี้ดูเจริญกว่าเกาะญี่ปุ่นพอควร มีเรือจอดอยู่ก่อนละ และดูดีงาม มีโต๊ะเรียงราย มีป้ายบอกทางไปห้องน้ำ มีเจ้าหน้าที่อุทยานคอยดูแล
แวะกินข้าวกล่อง
ลมดี๊ดี กินอิ่มก็อยากจะนอน
แต่ว่าเราจะขึ้นไปจุดชมวิว เลยทิ้งข้าวของไว้ที่โต๊ะกินข้าว แล้วเดินไปหาจุดชมวิว
ตามป้ายนี้ขึ้นไปเลยฮ่ะ ที่นี่นอกจากเป็นจุดชมวิวแล้วยังเป็นเส้นทางหนีสึนามิด้วย เมื่อตอนครั้งที่เกิดสึนามิ ที่เกาะนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ และเสียชีวิตไปกับสึนามิในครั้งนั้นด้วย
ทางขึ้นดูเบาะ ๆ ก็สงสัยว่าทำไมต้องมีเชือกด้วยฟระ
พอขึ้นไปซักพัก ชักไม่เบาะแล้วนะคะ ทางเริ่มชัน การขึ้นต้องใช้ความแข็งแรงระดับหนึ่งในการโหนตัวขึ้นด้วย การไปชมวิวที่นี่ต้องมี skill rock climber เล็กน้อยเลยทีเดียว เราสองคนไปรองเท้าแตะและอิฉันมีเป๋าสะพายด้วย ขอเตือนคนจะไป เตรียมผ้าใบไปด้วยจะดีกว่า และกระเป๋าก็น่าจะเป็นเป้
แต่การปีนสุดโหด คุ้มค่าน่าปีนมากค่ะ เมื่อขึ้นมาบนยอดและเห็นวิวอ่าวเขาควายนี้
ข้างบนจะมีเจ้าหน้าที่อุทยานอยู่ด้วย 2-3 คน ทีแรกก็ว่าพี่เค้าคงขึ้นมาดูแลประจำป้อมข้างบนละมั้ง แต่จริง ๆ คือเค้ามาดูแลอีพวกปีนขึ้นลงนี่ล่ะค่ะ
ขาขึ้นว่าโหดแล้ว ขาลงหวาดเสียวกว่ามากมาย ตอนขึ้นอิฉันไม่มีปัญหาเพราะอึดถึกเป็นงัว แต่ขาลง แม่เจ้าโว๊ยยย พี่เจ้าหน้าที่ต้องบอกทีละก้าวเลยเชียว ว่าเท้าไหนต้องวางตรงไหน เอี้ยวตัวไปดึงเชือกต้องฝั่งโน้นนี้นะ
ไม่งั้นมีไหลกองทีเดียวพรวดไปถึงตีนเขาแน่นวลลลล
ลงมาถึงตีนเขาแบบขาสั่นเล็กน้อย แต่เหงื่อซึมเป็นโอ่ง
เดินลุยน้ำเล่นเย็นสบ๊ายยยย เดินลุยทรายที่นี่จมเกือบครึ่งแข้งนะคะ ไม่แน่ใจว่าเพราะทรายละเอียดป่นเป็นแป้ง หรือเพราะอิฉันอ้วน
แต่น่าจะเพราะทรายละเอียดน่ะค่ะ
เดินตัดสวนสนมาหาดทรายอีกฝั่ง เพื่อจะมาเล่นน้ำ ถ้าจะลงน้ำที่นี่ลงได้ทั้งสองฝั่งเลย
หาดขาวสะอาด น้ำใสมากกกกก
ปล่อยอาเฮียทิ้งไว้บนหาด
อิฉันลงไปเล่นเป็นชั่วโมง ไม่อยากจะขึ้นมาเลย
แต่ก็น่าจะถึงเวลาไปเกาะที่สามละ เกาะค้างคาว
ที่เกาะนี้เป็นเกาะที่น้ำค่อนข้างลึก ปกติเค้าจะมาดำน้ำดูปะการังกัน
แต่ช่วงที่ไปลมแรง คลื่นแรงมาก เราไม่ต้องการดำน้ำ แต่อยากจะขึ้นไปเดินบนเกาะเท่านั้น เลยเข้าไม่ถึงเกาะอ่ะ
คลื่นกระแทกเรือแรงมาก น้ำซัดกระเซ็นขึ้นมาบนเรือ อาเฮียผู้ไม่ได้ลงน้ำเปียกจนถึงกุงเกงลิง อิฉันขยับหนีมานั่งบนหัวเรือก็เลยโดนแค่ละอองน้ำเปียกบ้าง อิฉันก็สงกะสัยว่าทำไมเฮียมันไม่หนีมานั่งตรงแห้ง ๆ ฟระ เฮียบอกเฮียไม่รู้นี่หว่า ทำได้แค่หันหลังหนีน้ำ
หาดดูขาวเชียว แต่เข้าไม่ได้
เมื่อออกนอกโซนเกาะค้างคาว น้ำก็นิ่งขึ้น
กลับมาถึงท่าเรืออย่างปลอดภัย
หมู่เกาะกำ ถ้าไม่ลงดำน้ำหรือลงเล่นน้ำแค่เกาะเดียวก็ใช้เวลาแค่ครึ่งวันพอนะคะ จริงๆ แล้ว ถ้าเหมาเรือเค้าจะแวะตามใจเราจะเล่นนานขนาดไหนก็ได้ แต่ครึ่งวันก็เล่นได้จุใจแล้วล่ะ
มีเด็ก ๆ มาตกปูกันอยู่
มีป้ายห้ามตกปลา แต่ตกปูคงไม่เป็นไรล่ะมัง
ขับรถเลี้ยวเข้ามาในอุทยาน ทะเลตรงนี้ไม่ค่อยสวยเท่าตามเกาะ แต่แถวนี้ถ้ากลับมาจากเกาะช่วงเย็น ๆ เค้าว่าควายทะเลจะมาเดินหากินกันแถวนี้เพียบเลยนะคะ
ขับรถกลับเข้าเมือง ที่ระนองเค้าจะใช้รถสองแถวแบบนี้ เป็นสองแถวไม้น่ารักดี
เนื่องจากข้าวกล่องเมื่อกลางวันไม่อิ่ม เราจึงแวะร้านฟาร์มเฮ้าส์ อาหารน่ากิน แอร์เย็นเจี๊ยบ
ที่นี่ดังเรื่องเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เราจึงสั่งไก่ผัดเม็ดมะม่วง น้ำพริกกุ้งเสียบและใบเหลียงผัดไข่ อาหารพื้นเมื่องขึ้นชื่อ อร่อยนะคะ
อิ่มมากกก แต่ของหวานแบบเซ็ตช่างน่ากิน
เอาน่ะ ของหวานกับของคาวคนละกระเพาะกัน เลยสั่งขนมมาด้วย
ดีงามมาก
ยังคงไม่หมดวัน หลังจากกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างตัวเรียบร้อย เราก็ออกไปบ่อน้ำร้อนที่เมื่อวานอดจากงานลอยกระทง
บ่อน้ำร้อนรักษะวารินทร์ ที่นี่เค้าว่าเป็นน้ำพุร้อนคุณภาพดี ไม่มีกลิ่นกำมะถันไข่เน่าเหมือนบ่อน้ำร้อนที่อื่น ๆ แถมการจัดการยังดีแสนดี สามารถเข้ามาใช้บริการแช่เท้าได้ฟรี หรือเสียค่าบริการเล็กน้อย ลงแช่ทั้งตัวได้ด้วย
ที่นี่มีบ่อพ่อแม่ลูก อุณหภูมิแต่ละบ่อต่าง ๆ กัน เห็นชาวบ้านมารองน้ำใส่ขวดใส่แกลลอนกลับไปใช้กันด้วย
เมื่อมาเที่ยว พวกเราก็เลยอยากแช่น้ำร้อนแบบ Private นิดนุง เท่าที่เคยดูในรีวิวหลาย ๆ คน ก็เห็นแบบห้อง private แค่แว้บๆ แต่มันน่าจะดีล่ะน่ะ เลยจองแช่น้ำร้อนละนวดน้ำมันต่อ
ห้องเป็นแบบแยกชายหญิง แช่ลงอ่างอาบน้ำในห้องเล็ก ๆ อิฉันเตรียมชุดว่ายน้ำไป พนักงานบอกใส่ผ้าถุงได้ฟิลกว่าพี่ เลยลองผ้าถุงดู
ก็โอเคนะคะ นวดสบายหลังแช่น้ำร้อน แต่ถ้าอิฉันกลับไปอีก อิฉันคงเลือกแช่ในบ่อรวมกับชาวบ้านดีกว่า ดูบรรยากาศดีกว่าเยอะเลย แบบส่วนตัวดูมันอ้างว้างและอึดอัดไปนิสสส
อันนี้บ่อรวม เอาภาพมาจากเน็ตนะฮะ
อันนี้เป็นบ่อแช่เท้าฟรี ไปตอนกลางคืนอากาศเย็น ๆ นั่งแข่เท้าในน้ำร้อนอย่างฟินน์อ่ะ อยากให้แถวบ้านมีมั่งจัง
*ภาพจากเน็ต
หลังแช่น้ำ นวดสปาฟินน์ ๆ ก็ออกมาหาอาหารทะเลกิน ร้านสมบูรณ์โภชนา อาหารทะเลสดและรสชาติดีมาก ร้านนี้แนะนำเลยย