แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน .
Group Blog
 
 
มกราคม 2562
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
31 มกราคม 2562
 
All Blogs
 
39 : การเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดในประเทศอิตาลี / quando ho l'intervento all'ospedale a Italia

.




เหตุเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายปี มีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร หาหมอ หมอบอกว่าฟันเราไม่มี (ฟันกรามไม่มีเลย) มีความคิดที่จะใส่ฟันปลอม....


พอจะใส่ฟันปลอม ไปหาหมอฟันเฉพาะทาง เค้าบอกว่า เนื่องจากเราปล่อยให้ไม่มีฟันมานาน ฟันด้านบนเลยยื่นลงมาชนด้านล่างแล้วทำให้ไม่มีที่สำหรับใส่ฟันปลอม (ปัญหาเริ่มมา) .. เราอาจต้องจัดฟัน


จัดก็จัด... ไปพิมพ์รูปฟันไว้ ดูไปดูมา เค้าแนะนำไปหมอฟันอีกท่าน เพราะดูแล้วน่าจะเครสใหญ่ ต้องผ่าตัด หมอฟันที่แนะนำคือหมอฟันและหมอผ่าตัดด้วย เพื่อความสะดวกจะได้ไม่ต้องไปหลายที่


สุดท้าย... ไปหาคลีนิกหมอฟันในเมือง หรูหราเชียว คลีนิกอยู่หน้าทะเลสาบโคโม หมอบอกว่าเราต้องผ่าตัดชัวร์ๆ ทำใจไว้เลย


จัดฟันมาหลายปี ถึงคิวผ่าตัด..... (จริงๆได้คิวตั้งแต่ธันวาคม แต่ด้วยงานไม่สามารถ เลยขอเลื่อนเป็นมกราคม 2019 ได้วันที่ผ่าตัดคือ 22 มกราคม 2019 )


ก่อนหน้าหนึงอาทิตย์เค้าให้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกที่ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจคลื่นหัวใจ คุยกับหมอ
ขั้นตอนการตวจไม่ยุ่ง แต่นาน (ก็โรงพยาบาลรัฐฮะเนอะ)...


ต้องไปซื้อกล่องใส่ปัสสาวะสำหรับตรวจ(ซื้อที่ร้านขายยา) อดน้ำหลังเที่ยงคืน ตื่นขึ้นมาห้ามดื่มน้ำ ไปฉี่ออกรอบนึงก่อน แล้วค่อยใช้ฉี่ที่สอง (เค้าว่าฉี่แรกสารพิษจะเยอะ) แล้วก็แพ็คดีๆถือไปโรงพยาบาล นอกนั้นก็ตามขั้นตอน


คุยกับหมอ 2 คน คำถามบางอันซ้ำๆกัน เหมือนถามเพื่อนแน่ใจ เรื่องแพ้ยา เรื่องประจำเดือนครั้งสุดท้าย ก่อนคืนผ่านตัด ต้องอาบน้ำสะผมให้สะอาด ล้างเล็บ ถอดโลหะทุกอย่างออก (ต่างหู แหวน สร้อย ฯลฯ) ห้ามแต่งหน้า


* หลังการตรวจร่างกาย ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์จะผ่าตัด เค้าไม่ลากยาว คิดว่าผลการตรวจภายนึง 1 สัปดาห์จะมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายไม่มาก แต่ถ้าลากยาวไป ร่างกายอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ แล้วผลตรวจจะไปตรงแหละ





เช้าวันที่ 22 มกราคม 2019 : มาแต่เช้าเลย นัดไว้ 7 โมงเช้า มาถึงตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง

มาถึงเงียบมาก ประตูยังไม่เปิด ตื่นเต้น พอ 7 โมง พยาบาลก็มา เอาเอกสารไปดู ถามคำถาม(เหมือนที่หมอเคยถาม) พาไปที่ห้อง แต่ไม่ใช่ห้องที่จะพัก(โชคดี เพราะในห้องผู้ป่วยอีกเตียงเป็นชาย และก็เสียงดังด้วย) เค้าบอกว่าเตียงที่เคลื่อนย้ายเหลือแต่เตียงนี้ ให้เปลี่ยนเสื้อเป็นชุดโรงพยาบาลสำหรับใส่ผ่าตัด เป็นปิดหน้าแต่ผูกโบว์ด้านหลัง และถอดออกทุกอย่างยกเว้นกางเกงใน

ของใช้ส่วนตัวยังไม่ต้องเอาเข้าตู้ เพราะจะอยู่อีกห้อง พอเปลี่ยนเสื้อ เข้าห้องน้ำ นอนรอ มีคนมาพาเข็นเตียงไปชั้น -01 ห้องเตรียมผ่าตัด





ในห้องเตรียมผ่านตัด เค้าก็เจาะสองเข็มที่มือ แล้วก็ติดเครื่องวัดหัวใจ รอเวลา ระหว่างนั้น ก็มีทีมผ่าตัดหลายทีม ก็สลับกันคุยไปมา เหมือนตลาดนัด

มีคนที่รับผิดชอบเราโดยตรงมาถามว่าโอเคไหม รู้สึกอย่างไร เราบอกว่าหนาว เค้าก็หาผ่ามาห่มให้ ได้เวลาเข็นเข้าห้องผ่าตัด ห้องเล็กๆ สะอาด ทีมพร้อม ฉีดยาเข็มนึง เอาที่มาคลอบปาก ก็ไม่รู้สึกตัวเลย จนได้ยินคนเรียกชื่อ

โดยปกติจะลุกทันที แต่เค้าจับไว้ จะยกแขน เค้าก็จับไว้ ถามว่าเจ็บตรงไหน อยากอ๊วกหรือเปล่า เราบอกว่าไม่ (ถ้าอยากอ๊วกนี่น่าจะปัญหาใหญ่นะ) เราเจ็บคอ เค้าบอกว่าปกติ นอนสักพัก เค้าก็พาไปที่ห้องพักด้านบน

ช่วงนี้ ลืมเลือนมาก จำได้ว่าเข็นขึ้นลิฟ ยิ้มให้คนเข็น 1 ครั้ง แล้วก็งงๆ รู้อีกทีตอนมาอยู่บนเตียงในห้องแล้ว
 








มีรูปตอนเค้าเข็นมาใหม่ๆ แต่ไม่กล้าลง สภาพแย่มาก อันนี้นอนไปตื่นนึงแล้ว ได้เวลาเยี่ยม คุณสามีและพ่อแม่เค้ามาเยี่ยม

โรงพยาบาลมีเวลาเยี่ยม หมดเวลาเยี่ยมทุกคนต้องกลับออกไป เราว่าดีนะ มันไม่จอแจ ได้พักผ่อน มีครอบครัวนึงมาเกือบสิบคน ทุกคนสูบบุหรี่ บุหรี่ติดเสื้อผ้า พอเข้ามาทั้งหมด คือเราอึดอัดมาก หายใจลำบาก
 








ตลอดสองวันประคบหน้ากากเย็นนี่ มันดีมากๆเลย หน้าเราไม่บวมเหมือนที่เคยเห็นนรีวิวตอนหาข้อมูล ทุกวันจะมีพยาบาลมาฉีดยา antibiotic เข้าสาย , สองวันแรกยาหลายอย่างหน่อย มีลดบวม แล้วก็น้ำเกลือ Nacl
 









วันแรกห้ามลุกคะ นอนนิ่งๆ ฉี่กระโถนบนเตียง (ครั้งแรกในชีวิตเลย) พยาบาลถอดกางเกงในให้ ดึงลงมา ปูผ้าผืนใหญ่คล้ายผ้าออมเด็ก คลุมผ้าห่มแล้วสอดกระโถน เราไม่รู้สึกดีเลยกับการฉี่อย่างนี้


ห้ามดื่มน้ำหนึงวัน ปากแห้งมาก เอานิ้วจิ้มๆที่น่ากากเย็น เอาน้ำมาแตะๆที่ปาก
 








ห้องถือว่าดี มีม่านไฟฟ้า เตียงยกได้ (เค้าให้นอนหัวสูงๆไว้) มีคนทำความสะอาดทุกวัน ตอนลุกได้แล้วยังไม่ออกโรงพยาบาล มีคนมาเปลี่ยนผ้าปูทุกวันคะ บนหัวมีปุ่มเรียกพยาบาล มีปุ่มไฟ

ในรูปอีกเตียงที่โล่งๆ เค้าไปผ่าตัด ระหว่างนั้น ก็มีคนมาทำความสะอาดเตรียมไว้แล้ว

ตอนแรกนึกว่าจะอยู่แค่วันเดียว แต่ไปๆมาๆอยู่ซะเกือบเดือน
 










วันที่ 2 : กินได้แต่ที่เป็นน้ำๆ กับหลอดหยอดเท่านั้น

6 โมงเช้าพยาบาลมาเปลี่ยนกะ เค้าถามว่าหิวไหม เราบอกว่าอยากกินน้ำ พยาบาลเอาโกโก้ร้อนมาให้แก้วนึง พอเวลาอาหารเช้าประมาณ 7:30 มีรถเข็นอาหารเช้ามาให้ วันแรกกินได้แค่น้ำชา














สามวันแรก : ฉีดยาเข้าสายน้ำเกลือ ถามเราทุกครั้ง ว่าเจ็บไหม ตั้งแต่เข้าจนออกจากโรงพยาบาล ฉีดน้ำเกลือทุกวัน วันแรกๆจะมียาฆ่าเชื้อ และลดอักเสบด้วย หลังๆจะมีแค่ยาฆ่าเชื้อกับน้ำเกลือ แผลไม่เจ็บชาๆ พยาบาลและหมอถามทุกวัน จนทำให้สงสัยว่า " มันต้องเจ็บหรือเปล่า(วะ) 555 "


*มีเข็มอยู่สองรู มีรูนึงพอหลายๆวันมันชักเจ็บนิดๆ เลยให้พยาบาลถอดออก พอตอนถอดพึงรู้ว่ามันไม่ใช่เข็มเหล็กๆเหมือนที่เคยเห็น แต่มันเป็นพาสติกนิ่มๆ สงสัยเลยถามว่าเค้าแทงเข้าไปยังไง หัวหน้าพยาบาลยิ้มๆตอบว่า เค้าแทงพร้อมเข็มเหล็ก แต่ถอดเข็มเหล็กออก 55 ดูสิ..ฉันห่างโรงพยาบาลมากแค่ไหน เค้าไปถึงไหนๆกันแล้ว เรานี่ยังล้าหลังโฮก 55
 








ทุกเช้า จะมีไปหาหมอตรวจหลังอาหารเช้า พยาบาลจะมาเรียกเป็นห้องๆ ตามคิว คนที่ลุกไม่ได้ หมอจะมาตรวจที่ห้อง วันแรกๆ หมอใหญ่ที่ผ่าตัดให้เรามาหา ถามว่าเป็นไงบ้าง พูดไม่ถนัด ยกนิ้วว่าโอเคอย่างเดียว วันอื่นๆไปหาหมอตรวจ ล้างปาก แล้วก็เปลี่ยนยาง


(ลูกศรสีฟ้า) คล้ายๆแผ่นยึดติดไว้กับฟันบน ตรงนี้ต้องทำความสะดาดอย่างดี มีน้ำยาบ้วนปากให้ เค้าบอกให้บ้วนปากบ่อยๆ เราก็ทำตามจนน้ำยาหมด พยาบาลตกใจ หมดเร็วไปอีก เค้าเอาขวดใหม่มาให้ บอกว่าไม่ต้องเยอะขนาดนั้นก็ได้ (ฉันกลัวติดเชื้อ 555 )
 








ทุกวันจะมีคนมาถามให้เลือกเมนูของวันรุ่งขึ้น แต่ทุกอย่างที่เป็นอาหารของเราคือต้องบดเท่านั้น อาหารเช้าจะมีอยู่สองอย่าง กาแฟนม กับชา แล้วก็ให้เลือกขนมปังอบหรือคุ๊กกี้ (ขนมปังกับคุ๊กกี้ไม่ได้กิน ถึงแม้จะจุ้มน้ำชาแล้วมันก็ยังแข็งไปสำหรับเราตอนนี้)
 











อาหารกลางวันและเย็นประมาณนี้ รสชาติไม่ได้แย่ เพียงแต่พอบดแล้ว มันไม่ค่อยน่ากิน เราหิวมากๆแต่ก็ทานได้นิดเดียว มันตื่อ กินเยอะแล้วจุก พอตกตึกก็หิวมากๆ พอรู้ว่าต้องอยู่อีกหลายวัน พวกที่เก็บไว้ได้เราก็เก็บไว้ก่อน บอกที่บ้านให้เอานมช็อคฯมาให้ด้วย มันหิวจนนอนไม่หลับเลย
 




















เวลาผ่านไปชั่งน่าเบื่อ ถามพยาบาลทุกวัน ถ้าอยู่อีกนานจะยกคอมฯมาไว้ที่โรงพยาบาล แต่พยาบาลก็บอกให้ไปถามหมอ เราก็ถามหมอทุกวัน เค้าก็บอกว่าจะดูวันต่อวัน เฮ้ย...

*ดอกไม้ที่ญาติคนไข้ซื้อมา พอออกจากโรงพยาบาลแล้วเค้าไม่เอากลับบ้านจะมาตั้งที่ระเบียง
 










พอดีวันเสาร์อาทิตย์ เวลาเยี่ยมเยอะขึ้น คุณสามีมาอยู่เป็นเพื่อน วางแผนพักร้อนกัน ค่อยมีอะไรทำหน่อย พูดถึงพักร้อนก็กระชุ่มกระชวย

ญาติคนไข้เตียงข้างๆมากันเยอะ บางทีเรากับคุณสามีก็ไปเดินรอบๆโรงพยาบาล ลงไปชั้นล่างดื่มกาแฟบ้าง ให้คุณสามีซื้ออะไรกิน (ส่วนเราได้แต่มอง)

 












ระหว่างอยู่โรงพยาบาล วันที่สาม เค้าก็เอาอุปกรณ์และยางมาให้ลองเปลี่ยนเอง เผื่อกลับไปบ้านจะได้เปลี่ยนเองได้ แรกๆแผลยังสด ก็กลัวๆอยู่ ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เปลี่ยนเองแบบไม่ต้องให้อุปกรณ์ช่วย 55

ถ้าใครอยู่ในเครสเดียวกับเรา ทริกคือ หุบปาก แล้วให้ใส่ด้านบนก่อนแล้วค่อยใส่ด้านล่าง
 










วันสุดท้ายที่หาหมอ หมอให้ออกโรงพยาบาบวันรุ่งขึ้น รีบแจ้งทางบ้านเลยคะ เบื่อมากกกก...

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังอาหารเช้า มีคนมาทำความสะอาดปกติ พอเค้าจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ เราบอกว่าจะออกโรงพยาบาลวันนี้ เค้าเลยบอกว่างั้นเดียวเปลี่ยนทีเดียว ขอบคุณที่ดูแลที่นอนให้เราทุกวัน (จริงๆขอบคุณทุกคนทุกครั้ง เรารู้สึกว่ามันเป็นงานหนักเอาการเลยนะ ตารางงานไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้า) ทุกคนน่ารัก เป็นมิตร ประทับใจตลอดเวลาที่อยู่คะ

หัวหน้าพยาบาลบอกให้เคลียร์ของออกจากตู้ แล้วให้ตู้สะอาดพร้อมใช้งาน เรานี่ทำความสะอาดให้สุดๆเลยคะ เอาผ้าเปียกชุบน้ำยาฆ่าเชื้อให้เสร็จ พร้อมออกมาก


จริงๆรอในห้องได้ แต่เราสมัครใจรอด้านนอก (มีโถงสำหรับญาติมาเยี่ยมรอเข้ามาหาคนไข้ และมีตู้กาแฟ) เค้าเรียกไปตรวจ ตรวจเสร็จหมอให้รอเอกสาร (นานมาก) ก็ต้องรอหมอตรวจคนไข้ทุกคนก่อน ก็เลยเที่ยงไปแหละ

พบหมออีกครั้ง ให้เอกสารผ่าตัดมาก ย้ำให้รักษาความสะอาดช่องปาก กินอาหารบด แล้วก็เปลี่ยนยางทุกวัน อาทิตย์หน้านัดพอหมดใหญ่ที่ผ่าตัดให้ชั้นล่าง ไม่ต้องขึ้นมาด้านบนแล้ว

ขอบคุณหมอ กลับบ้าน ดีใจมาก อยากอาบน้ำสะผม อยู่โรงพยาบาลสระผมและอาบน้ำครั้งเดียวเอง




* ของใช้ที่ต้องเตรียมมา :

- ชุดนอน เสื้อคลุม ชุดชั้นใน
- วาสลีน ครีมทาหน้าทาตัว หวี กระดาษเปียก กระจกเล็กๆ ทิชชู่
- หนังสืออ่านฆ่าเวลา (เบื่อมาก)
- รองเท้าใส่ในห้อง
- หูฟัง MP3 (ตอนกลางคืนหนวกหูมาก มีคนไข้เตียงอื่นกดออดทั้งวัน) ถ้านอนยาก มีผ้าปิดตาด้วยก็ดีคะ

* ใครจะดูโทรทัศท์ ไปเสียตังค์ มีตู้อยู่ด้านนอก แล้วเค้าจะให้หูฟังมา
* อยู่โรงพยาบาลวันที่สาม ต้องไปติดต่อพยาบาลขอใบรับรองเพื่อไปลางาน
* พอออกจากโรงพยาบาลให้นัดหมอประจำตัว เอาเอกสารที่โรงพยาบาลออกให้ ให้ออกใบลากับบริษัท จำนวนวันที่ลา เค้าจะเขียนไว้ในใบออกโรงพยาบาลคะ




 


Create Date : 31 มกราคม 2562
Last Update : 19 ตุลาคม 2565 0:53:16 น. 0 comments
Counter : 2225 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

marzo
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




ชื่อ login Marzo อิฉันใช้เฉพาะในพันทิพย์และ Bloggang เท่านั้น (ถ้าเจอที่อื่นคือคนละคนกัน) และอิฉันไม่มีอาชีพอื่นๆนอกจากผู้ใช้แรงงานธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
...... ไม่ได้เป็นบุคคลสำคัญ
...... ไม่ใช่คนมีชื่อเสียง
...... ไม่ได้เขียนหนังสือ
...... ไม่ได้รับปรึกษาปัญหาชีวิต
...... ไม่ได้รับออกแบบ
...... ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการใดๆในโลก(ไว้เป็นแล้วจะบอกอีกที) ฯลฯ เพราะฉะนั้น กรุณาอย่าเอาชีวิตอันสงบสุขเล็กๆของอิฉัน ไปยุ่งเกี่ยวกับคนหรือเรื่องราวอันไม่ประสงค์

ทำรีวิวหรือ blog นี้เพื่อแชร์ข้อมูลท่องเที่ยวแก่เพื่อนๆพี่น้องที่มีความรักในสิ่งเดียวกัน คือการเดินทาง ก็แค่นั้น(จริงๆ)... ถ้าการเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเดินทางที่มาจากประสบการณ์จริงๆของตัวเอง ทำให้ใครคันเกื่อก หมั่นไส้ เหม็นขี้หน้า ก็ขออภัยไว้ ณ.ที่นี่ด้วย...



PS. ไม่ใช่เซียนท่องเที่ยว เพราะฉะนั้น ข้อมูลอาจมีผิดพลาดหรือตกหล่น

ด้วยความเคารพ ครับท่านนนนน...


心滿了 一切都滿
心安了 一切都安
: Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add marzo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.