ระวังอย่าพยายามนั่งสมาธิ...เมื่อกำลังมีทุกข์ อันตราย !
ช่วงเดือนที่ผ่านมา มีญาติโยม สนทนาปรึกษาปัญหาธรรมหลายท่าน ส่วนใหญ่กำลังมีความทุกข์ ความขัดข้องใจในชีวิต ไม่พบทางออกในปัญหาที่กำลังเผชิญ บางท่านพยายามแก้ปัญหาด้วยการนั่งสมาธิ เจริญภาวนา เพื่อต้องการทำใจของตนให้สงบในยามทุกข์หนัก เพื่อจักผ่อนคลายได้บ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากมนุษย์เรากำลังมีความทุกข์ ความวุ่นวายเกิดขึ้นในจิตแล้ว ขณะจิตมีความสับสนเป็นทุน เมื่อเราพยายามนั่งภาวนาเพื่อควบคุมความรู้สึกตนเอง ย่อมหาความสงบไม่ได้ เพราะเมื่อจิตถูกบังคับในท่ามกลางความวุ่นวาย ความทุกข์อย่างหนัก จิตยิ่งไปเพิ่มกำลังแห่งความทุกข์ที่มี ให้มีกำลังยิ่งขึ้น ยิ่งนิ่ง ยิ่งเพิ่ม เพราะจะเปิดโอกาสให้คิดแต่เรื่องเดียว ๆ เรื่องเดิม ๆ ที่ตนกำลังประสบอยู่นั้น เหมือนกับว่า รถที่กำลังวิ่งเร็วแล้วเบรคกระทันหันอย่างแรง ถ้าระบบเบรคดีก็ทำให้รถหยุดได้ แต่ถ้าหากเบรคไม่ดีย่อมทำให้เสียหลักได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะแนะนำก็คือ หากท่านกำลังมีความทุกข์ ความขัดข้องขุ่นมัว มืดมนอันธการในชีวิต อย่าพยายามนั่งสมาธิ เพราะนั่นจะเป็นการปิดตัวเองทางอารมณ์ ซึ่งอาจไม่มีที่ระบาย เหมือนหลาย ๆ ชีวิตที่พบปัญหาหลบลี้หนีสังคม ปิดตนเองไม่ยอมคบหากับใคร ๆ อย่างที่เคยเป็น สุดท้ายก็ไม่สามารถพบทางออกให้ตนเอง ทำร้ายตัวเองบ้าง ฆ่าตัวตายอย่างที่เคยเห็นมามากต่อมากแล้ว
วิธีการ..หากท่านกำลังมีทุกข์ ขอให้พยายามดำรงชีวิต อย่างปกติ เคยคุยกับใคร เคยคบค้ากับใคร ก็ปฏิบัติตนปกติ หาทางปรึกษาปัญหาชีวิตกับเพื่อนหรือคนที่รู้ใจ ที่ท่านไว้ใจ อย่าปิดตัวเองเป็นอันขาดเพราะนั่นจะเป็นการเปิดโอกาสให้อกุศลเข้ามาครอบงำ จิตอย่างรวดเร็ว อาจจะตั้งสติกำหนดรู้เหตุแห่งทุกข์ว่าเป็นเพราะอะไร มาจากไหน อะไรเป็นต้นเหตุ และพิจารณาด้วยตนเองว่า เหตุเกิดที่ใด ก็ต้องไปดับที่เหตุนั้น ปัญหาเกิด ก็ต้องแก้ที่ปัญหาด้วยปัญญา ทุกข์เกิดก็ต้องดับที่ทุกข์ไม่ใช่ดับด้วยชีวิต เพราะการดับชีวิตไม่ใช่การดับทุกข์ จบชีวิตจากภพนี้ชาตินี้ ก็ไปเกิดทุกข์ในภพหน้าภพใหม่ต่อไปไม่รู้จบ แถมทุกข์หนักกว่าที่เป็นอยู่ในชาตินี้อีกต่างหาก
การที่จะได้ผล...ก็คือ การหมั่นฝึกฝน หมั่นภาวนา เจริญสมาธิอยู่เนือง ๆ อย่าได้ขาดตอน เป็นการยั่งจิตใจของเราให้มีความเข้มแข็ง มั่นคง เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง หากวันใดก็ตามที่ท่านประสบกับความทุกข์ จิตที่หมั่นอบรมไว้แล้วฝึกไว้แล้วย่อมไม่หวั่นไหวได้ง่าย ย่อมทนต่อความทุกข์ในชีวิตได้ ย่อมมีสติรู้เท่าทันปัญหาที่เกิดขึ้นได้และมีปัญหารู้ทางแก้ไขอย่างถูกต้อง ได้นั่นเอง จิตตัง ทันตัง สุขาวะหัง..เพราะจิตที่ฝึกดีแล้วย่อมนำความสุขมาให้..จิตที่ถูกฝึกแล้วย่อม ทนรับสภาพแห่งความทุกข์ได้ หากจิตไม่เคยฝึกไว้แล้ว จะรับความทุกข์ได้อย่างไร จะพยายามไปฝึกตอนที่กำลังประสบทุกข์นั้นย่อมไม่ทันการณ์ เหมือนทหารต้องหมั่นซ้อมรบ เมื่อถึงสงครามย่อมรบได้ทันที ไม่ใช่จะไปซ้อมรบขณะศึกสงครามฉะนั้น
ดังนั้น...การหมั่นเจริญภาวนา นั่งสมาธิอย่างต่อเนื่องทุก ๆ วัน เมื่อมีโอกาสไม่ขาดตอน ก็เท่ากับว่าเราเตรียมพร้อมและไม่ประมาทในชีวิตนั่นเอง เพราะอย่างไรเสียมนุษย์เราไม่ว่าใครทั้่งนั้นย่อมมีทุกข์กันทั้่งนั้่น ไม่ว่าจะทุกข์มาก ทุกข์น้อย แต่ไม่มีใครเลยที่เกิดมาแล้วจะไม่มีทุกข์ เมื่อเราทราบว่าจะพบกับความทุกข์ ก็หาทางป้องกัน เตรียมความพร้อมด้วยตนเอง ด้วยความไม่ประมาทเถิด..เพราะเมื่อถึงคราวที่ทุกข์มาเยือนจะได้เห็นทุกข์ อย่างเท่าทัน กันเถิดโยม
แปะหัวใจให้ 1 ดวงเล๊ยจ้า