Bloggang.com : kdunagin : Cathedral of the Sea

Cathedral of the Sea - Ildefonso Falcones

แปลจาก : La Catedral del Mar

ผู้เขียน : Ildefonso Falones

ผู้พิมพ์ : New American Library

ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ปี 2009

661 หน้า

ได้ดูเรื่องนี้ทาง Netflix เป็นซีรีส์ภาษาสเปน พอดูจบก็สั่งซื้อหนังสือจาก Amazon ทันทีเพราะสนุกมากค่ะ อ่านแล้วคิดถึง World Without End ที่เคยแปลเมื่อนานมาแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดระยะเวลาเดียวกัน คือศตวรรษที่ 14 แสดงสภาพชีวิตของทาสติดที่ดิน ได้เห็นถึงชีวิตผู้คนสมัยนั้นในยุโรปเหมือนที่ผู้อ่าน World Without End ที่แปลเป็นไทยเรียกว่าเป็นชีวิตที่บัดซบจริงๆ

เป็นเรื่องราวชีวิตของผู้คนในเมือง Barcelona ของ Catalonia ในศตวรรษที่ 14 ระหว่างที่มีการสร้างวิหารที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในโลก วิหาร Santa Maria del Mar ซึ่งใช้เวลาสร้าง 54 ปี เรื่องเล่าผ่านชีวิตของ Arnau Estanyol ผู้เกิดมาเป็นลูกของทาสติดที่ดิน แต่แทนที่จะคงอยู่ในสภาพนั้น Arnau ดิ้นรนต่อสู้จนร่ำรวย ได้ตำแหน่ง Baron หลังจากช่วยบาเซโลนาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือ Pedro the Cruel of Castile Arnau ได้เห็น (และมีส่วนร่วมในการสร้าง)วิหาร Santa Maria del Mar ตั้งแต่เริ่มต้นจนสร้างเสร็จ

เรื่องเริ่มในวันแต่งงานของ Bernat พ่อของ Arnau กับ Francesca แม่ของเขา ขณะที่มีการฉลองแต่งงาน เจ้าของที่ดิน Lord Llorenc de Bellera มาก่อกวน แล้วข่มขืน Francesca ซึ่ง Bernat ทำอะไรไม่ได้ ต่อมา Francesca ท้อง และคลอดลูก Lord Bellera ส่งคนมาเอาตัว Francesca ไปเพื่อให้นมลูกของตัวเองที่เพิ่งคลอดเหมือนกัน Francesca พาลูก ซึ่งตั้งชื่อว่า Arnau ไปด้วย หลายวันผ่านไปก็ยังไม่กลับ Bernat ก็เลยตามไปดู พบลูกชายถูกทิ้งอยู่ในคอกม้า ถามคนที่นั่นก็รู้ว่าทุกครั้งที่ Francesca มาดูแลลูกของตัวเองก็จะถูกข่มขืน ตอนหลังๆ ก็เลยไม่ค่อยกล้ามาอีก Bernat จึงแอบเอาลูกไปเสีย Lord Bellera สั่งคนไล่ตามไป

Bernat หนีหัวซุกหัวซุนไป Barcelona เพื่อไปหาพี่สาว Guiamona ซึ่งแต่งงานกับ Grau ช่างปั้นหม้อ Guiamona ให้ Bernat กับลูกอาศัยอยู่ด้วย โดยให้ทำงานในโรงงานของสามี แม้ว่า Grau จะไม่เห็นด้วยก็ตาม Bernat ทำงานหนัก จน Grau ยอมรับ และ Bernat ก็ขอให้ Arnau ได้ฝึกงานที่นั่นด้วย เวลานั้น Arnau อายุ 9 ขวบ ชีวิตของ Arnau ไม่ได้มีความสุขนักเพราะลูกคนโต 2 คนของ Guiamona กับ Grau แกล้งสารพัดรูปแบบแม้จะเป็นญาติก็ตาม จนวันหนึ่งลูกชายคนเล็กของบ้านตายเพราะพี่สาว แต่กลับโทษว่าเป็นเพราะ Arnau ชีวิตของ Arnau ดีขึ้นนิดเมื่อไปรู้จักกับเพื่อนรุ่นเดียวกับคือ Joanet ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนรักกันจนแทบแยกจากกันไม่ได้ แต่ต่อมาบาทหลวงของโบสถ์เล็กๆ ของเมืองแนะนำให้ Joanet ไปเรียนเพื่อเป็นนักบวชเพราะเห็นว่าชอบทางนั้น ส่วน Arnau ไปทำงานขนหินจากเรือที่มาส่งเพื่อไปสร้างวิหาร คนงานพวกนั้นเรียกพวก bastaixos ที่นั่น Arnau มีเพื่อนใหม่ที่อายุมากกว่าเยอะแยะ

เกิดกรณีข้าวยากหมากแพง แม้ว่าพวกขุนนางกับเจ้าของที่ดินยังคงอยู่ดีกินดีเพราะได้อาหารจากแรงงานของทาส แต่บรรดาทาสติดที่ดินกับชาวบ้านทั่วๆ ไปแทบไม่มีอะไรให้กิน ก็เลยเกิดการจลาจลขึ้น Bernat เป็นผู้นำจลาจลคราวนั้นด้วย Bernat ถูกจับ และถูกแขวนคอพร้อมกับชาวบ้านผู้นำการจลาจลคนอื่นๆ

Arnau ไปอยู่ที่บ้านของ bastaixos คนหนึ่ง และเข้าเป็นสมาชิกสมาคมช่างสะกัดหินที่มีอิทธิพล วันหนึ่งครอบครัวของ Gasto Segura ช่างฟอกหนังมาพักอยู่ที่นั่นพร้อมกับลูก 3 คน ลูกสาวคนหนึ่งใน 3 คนนั้นคือ Aledis ทั้ง Arnau กับ Aledis สนใจกันและกันทันทีที่เห็น เรียกว่าเป็น love at first sight ก็คงได้ แต่พอ Gasto Segura รู้ก็บังคับให้ Aledis แต่งงานกับนายของตัวเอง แต่ระหว่างนั้น Arnau กับ Aledis ลอบพบกันมาตลอด จนในที่สุด Gasto Segura จับได้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของที่นั่น สามีที่จับได้ว่าภรรยามีชู้ จะมีสิทธิ์จับภรรยาขังไว้ในคอกเล็กๆ จนตาย Gasto Segura ทำแบบนั้นตอนที่ Arnau อาสาไปรบ แต่ Aledis ก็หนีออกมาได้ แล้วออกเดินทางตามหา Arnau

Arnau กลับจากสนามรบพอดีกับเกิดกาฬโรคระบาดทั่วทั้งยุโรป Maria ภรรยาของตัวเองที่ Arnau แต่งงานด้วยก็เพราะคนที่เลี้ยงตัวเองมานับตั้งแต่พ่อตายแนะนำ Maria ติดโรคและกำลังจะตาย ส่วน Aledis ก็หนีไปแล้ว ระหว่างนั้น Arnau ได้ช่วยเหลือลูกๆ ของพ่อค้ายิวจากการถูกไล่ล่า ชาวยิวคนนั้นตอบแทนด้วยการให้เงิน Arnau ไปตั้งตัวพร้อมกับ Guillem ที่ปรึกษาและผู้ช่วยที่รู้เรื่องธุรกิจดี จนเกิดสงครามอีกครั้งเมื่อ Pedro the Cruel ยกกองทัพเรือมาจะเข้าจู่โจม Arnau พาเรือลำเล็กกว่ามากของตัวเองไปสะกัดกั้นไว้ได้ ก็เลยได้รับยศเป็น Baron มีตำแหน่งเป็นกงศุล Arnau ก็เลยมีอิทธิพลมากขึ้น และได้ช่วยสนับสนุนการสร้างวิหารต่อไป

วันหนึ่งในวิหาร Arnau เห็นเด็กตัวเล็กๆ ที่พ่อแม่พี่น้องตายหมด เด็กหญิงคนนั้นชื่อ Mar อาศัยอยู่ในวิหารที่กำลังสร้าง ซึ่งทั้งบาทหลวงและ Arnau เห็นว่าไม่เหมาะสม Arnau ก็เลยรับมาเป็นลูกบุญธรรม แล้วพยายามเลี้ยงอย่างดีที่สุด ทั้งๆ ที่รู้ว่ายิ่งนับวันความรู้สึกผูกพันที่มีให้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเมื่อ Mar โตเป็นสาว ในขณะที่ Mar เองแทบปิดไม่มิดว่าหลงรัก Arnau มานาน พอ Mar เป็นสาว Arnau ก็มีหน้าที่ต้องหาคู่ที่เหมาะสมให้ แต่ Mar หาเหตุปฏิเสธหมดทุกคนเพราะทั้งชีวิตจิตใจอยู่ที่ Arnau คนเดียว

จากการที่ Arnau ช่วยให้เมืองรอดพ้นจากการเข้าโจมตีของข้าศึก กษัตริย์ยก Eleonor ผู้เป็นลูกศิษย์ให้ Eleonor ดูถูก Arnau เพราะรู้ว่าเป็นลูกของทาสติดที่ดิน จนคิดจะฆ่า Arnau เพราะคิดว่าตัวเองจะได้ทรัพย์สมบัติทั้งหมด แต่พอไปปรึกษาผู้รู้กฎหมายก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีลูกด้วยกัน แต่ตั้งแต่แต่งงานกันก็ยังไม่เคยนอนด้วยกันเลยเพราะ Arnau เองก็รังเกียจ Eleonor เหมือนกัน Eleonor พยายามยั่วยวน Arnau เท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล จน Eleonor เริ่มเห็นท่าทีที่ Arnau กับ Mar แสดงออกต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Mar ที่แสดงออกต่อ Arnau ก็พอดูออกว่าอะไรเป็นอะไร จนวันหนึ่ง Joanet ซึ่งเวลานั้นเป็นนักบวชเต็มตัวแล้วมาเยี่ยม Eleonor เล่าให้ Joanet ฟังเรื่องที่ตัวเองสงสัยระหว่าง Arnau กับ Mar บอกว่าทางเดียวจะแยก 2 คนนี้ออกจากกันได้ก็ด้วยการยก Mar ให้คนอื่น แต่ในเมื่อ Mar ไม่เคยมีทีท่าว่าสนใจผู้ชายคนไหนเลย ทางเดียวจะทำได้คือต้องมีคนฉุด Mar ไปข่มขืน ซึ่งตามกฎหมายกำหนดว่าทำแบบนั้นได้ (ผู้หญิงสมัยนั้นมีชีวิตที่ขมขื่นจริงๆ) Eleonor ขอให้ Joanet ช่วย Joanet เคร่งศาสนาอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่า Mar เป็นผู้หญิงที่ Arnau เลี้ยงมาอย่างลูก จะให้กลายเป็นเมียไม่ได้แน่ จะทำให้ Arnau เองเสื่อมเสีย ก็เลยตกลงช่วย Mar ถูกฉุดไปจริงๆ และถูกข่มขืน Eleonor กับ Joanet พา Arnau ไปรับรู้ และบอกว่า Arnau ต้องทำในสิ่งที่เหมาะสม คือออกปากยก Mar ให้ผู้ชายคนนั้น

ยังมีอีกยาวค่ะ ก็ตั้ง 600 กว่าหน้า หลังๆ ยิ่งเข้มข้นขึ้นกว่านี้อีก เมื่อ Aledis ซึ่งกลายเป็นโสเภณีไปแล้วกลับมา พร้อมกับ Francesca ซึ่งยังมีชีวิตอยู่เหมือนกัน รวมทั้งศัตรูเก่าของ Arnau ร่วมมือกับ Eleonor เพื่อทำลาย Arnau ให้ได้

อ่านจบก็คะยั้นคะยอ บก. ให้ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องนี้มาแปล เพราะสนุกมาก อ่านไปๆ ก็คิดถึง The Pillars of the Earth กับ World Without End ของ Ken Follet ไปเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในระยะเวลาเดียวกัน ถ้าได้แปลเรื่องนี้จะแปลให้เสร็จก่อนงานสัปดาห์หนังสือเดือนเมษายนปีหน้าค่ะ

อย่างที่บอกตอนต้นๆ ว่าเรื่องนี้เป็น series ทาง Netflix ด้วย

Create Date : 08 กันยายน 2561

Last Update : 8 กันยายน 2561 8:39:49 น.

2 comments

Counter : 6536 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณjackfruit_k

ขอบคุณสำหรับรีวิว The Shape of Water ค่ะ

โดย: Froggie

วันที่: 15 กันยายน 2561 เวลา:19:12:58 น.

สวัสดีค่ะ คุณกุลธิดา

เป็นแฟนคลับของคุณจากพันทิปค่ะ และอ่านงานเขียนของคุณมาสองเรื่องแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสอ่านงานแปลของคุณเลย กลับเมืองไทยเมื่อไหร่คงต้องไปหาซื้อมาอ่านเสียแล้วค่ะ

ดิฉันว่าตัวเองมีความชอบเรื่องหนังสือคล้ายคุณกุลธิดามากเลยค่ะ

Pillars of the Earth และ World without End เป็นนวนิยายเล่มโปรดของดิฉันเลยค่ะ อ่านแบบวางไม่ลงเลยทีเดียว ตัวละครหลายตัวยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำโดยเฉพาะฟิลิปจาก Pillars

พอมาเห็นคุณกุลธิดาริวิว La Catedral del Mar ก็รีบจดทันที งานนี้ต้องไปหามาอ่านให้จงได้เลย น่าสนใจมากทีเดียว

ปล ไม่ทราบว่าคุณกุลธิดาอ่าน Column of Fire หรือยังคะ? ถ้าอ่านแล้ว คิดยังไงคะ? แล้วมีแพลนจะแปลเรื่องนี้ไหม? ชวนคุยเฉยๆค่ะ อิอิ และขอบคุณมากนะคะที่แบ่งปันข้อมูลดีๆเกี่ยวกับหนังสือ

โดย: วรรณภา (สมาชิกหมายเลข 815775

) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2561 เวลา:12:56:30 น.