Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
17 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
Nanjing 1937 : A Love Story



เล่มที่อ่านเป็นเล่มแปลจากภาษาจีนเป็นภาษาอังกฤษโดย Michael Berry คนเขียนเป็นนักเขียนชาวจีนชื่อ Ye Zhaoyan ออกเสียงเป็นภาษาจีนว่าอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่เป็นชื่อจีนที่ romanize เป็นภาษาอังกฤษแล้ว

ซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านเมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้วค่ะ เพราะสะดุดตากับปก วันก่อนเอามาอ่านอีกรอบเพราะเกิดคิดถึงมันขึ้นมา

เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นก่อนกรณี Rape of Nanking ไม่นาน แต่เรื่องนี้เป็นนิยายรัก เป็นเรื่องรักที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เป็นเรื่องของ Ding Wenyu พระเอกของเรื่องซึ่งไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนตัวตลกเราดีๆนี่เอง คืออายุก็มากแล้ว ขี้เมา ชอบไปตามซ่อง แล้วไปเรียนรู้คำที่คนในซ่องชอบใช้กัน แต่งงานก็กับผู้หญิงที่ตัวไม่ได้รัก ถึงจะมีภรรยาอยู่แล้วก็ยังเที่ยวจีบสาวๆไม่เลือก เป็นครูที่ชอบสอนนักศึกษาสวยๆ ชื่อเสียงของ Ding เลื่องลือ วิชาไหนที่เข้าไปสอนวันแรกแล้วไม่เห็นนักศึกษาสวยๆในห้องนั้นเลยแม้แต่คนเดียว ก็จะวิ่งหนีออกมาจากห้องเรียนเสีย

จนวันหนึ่งไปงานแต่งงานของ Ren Yuyuan ลูกสาวคนหนึ่งของเพื่อนร่วมงาน ก็ไปหลงรักเจ้าสาวเข้าอีก Ren ซึ่งอายุน้อยกว่า Ding 20 ปี แต่งงานกับนักบินซึ่งเป็นเหมือนวีรบุรุษของกองทัพจีนเพราะต้านกองบินของฝ่ายญี่ปุ่นได้ในการโจมตีครั้งหนึ่ง หลังจากไปเห็นเข้าวันนั้น Ding ก็เขียนจดหมายถึง Ren ไม่เว้นแต่ละวัน แรกๆจากเขียนจดหมายรัก ต่อๆมาก็ค่อยๆกลายเป็นเล่าชีวิตประจำวัน เล่าว่าวันไหนทำอะไรบ้าง พูดถึงความรู้สึกนึกคิดในแต่ละวัน

ส่วน Ren แรกๆมองจดหมายของ Ding ว่าเป็นเรื่องตลก อ่านบ้าง ไม่อ่านบ้าง ต่อมาก็ชักรำคาญเพราะไม่เลิกเขียนเสียที พอมีอยู่ช่วงหนึ่งที่จดหมายของ Ding หายไป ก็ชักคิดถึง ไม่ใช่คิดถึงคนเขียน แต่คิดถึงจดหมายที่ได้รับอยู่ทุกวัน พอไม่ได้รับก็เหมือนในแต่ละวันชีวิตขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง นานเข้า คือเป็นปีๆ จดหมายของ Ding ก็กลายเป็นความเคยชินของ Ren ไป เรียกว่าเป็นวิธีการจีบแบบมาราธอนจริงๆคงได้มั้งคะ

แล้วเวลาผ่านไปนิสัยสามีของ Ren ก็ปรากฏให้เห็น คือเป็นเพลย์บอยที่มีผู้หญิงติดพันหลายคน ยิ่งเป็นฮีโร่ด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีผู้หญิงมาชื่นชอบ

จากความรำคาญที่ Ding ตามติดไม่ยอมเลิก Ren มองหาที่พึ่งทางใจ แล้วจะไปได้ใครเสียอีกถ้าไม่ใช่ Ding ยิ่งตอนที่เครื่องบินของสามีถูกยิงตกแล้วตาย คนที่มีหน้ามีตาได้นั่งแถวหน้าแทนที่จะเป็นภรรยา กลายเป็นชู้ของสามี เหตุก็เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกนายทหารชั้นผู้ใหญ่ Ren ก็ยิ่งเจ็บช้ำ ในที่สุดก็เริ่มหันมอง Ding ความรักที่เกิดจากความเข้าอกเข้าใจอย่างแท้จริงก็ค่อยๆก่อตัว

เรื่องจบในวันที่ญี่ปุ่นส่งทหารเข้าโจมตีนานกิง ผู้คนที่พอจะมีปัญญาหนี ก็อพยพหนี จบเศร้าค่ะเพราะ Ding และ Ren ถูกทหารญี่ปุ่นฆ่าตายทั้งคู่ แต่ดีอยู่นิดตรงที่ไม่ตายก่อนจะได้เข้าใจในความรักที่มีต่อกัน ความรักซึ่งเกิดจากความผูกพันทางใจอย่างแท้จริง

เป็นนิยายที่เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ มีทั้งตลกขบขันกับความเปิ่นของ Ding ความน่ากลัวของสงครามที่คุกคามให้รู้สึกอยู่ทุกวัน ตอนต้นๆเรื่อง ความรักเป็นเพียงเรื่องสอดแทรก ที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง เท่านั้นเอง ต้นๆเรื่องเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็อ่านไปได้เรื่อยๆ แต่พออ่านไป อ่านไป เหมือนถูกดึงเข้าหาตัวละคร เข้าหาเรื่องราวที่เกิดขึ้น กว่าจะรู้ตัวก็วางไม่ลงแล้วค่ะ


Create Date : 17 ตุลาคม 2550
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2551 7:23:53 น. 11 comments
Counter : 1432 Pageviews.

 
Is this book based on fact? or fiction? I never really read any proper book about Nanking, only read some articles. Will try to get this book when back to Thailand next time. I love reading ka (any book)


โดย: Alex IP: 217.43.182.188 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:3:03:48 น.  

 
คุณ Alex คะ เล่มนี้ซื้อที่ร้าน Barnes & Noble ที่อเมริกาค่ะ คือตัวอยู่อเมริกาน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าที่เมืองไทยมีขายหรือเปล่านะคะ เรื่องนี้สนุกมากค่ะ อ่านแล้วค่อยๆซึมซับ ค่อยผูกพันกับตัวละครหลักทุกตัวเลย เป็นความผูกพันที่เกิดขึ้นช้าๆนะคะ พอจบก็ให้รู้สึกว่าไม่น่าจบเลย ตัวละครหลัก 2 ตัวนั้นตายแล้วใจหายค่ะ เหมือนคนรู้จักตายยังไงยังงั้นเลยค่ะ


โดย: กุลธิดา IP: 206.74.208.221 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:3:24:12 น.  

 
ลืมไปค่ะ ที่ถามว่าเรื่องนี้ based on fact หรือเปล่า หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายค่ะ แต่เหตุการณ์ทางการเมืองที่เอ่ยถึงเป็นความจริงทั้งหมดค่ะ มีการพูดถึงคนสำคัญของจีนในช่วงเวลานั้นหลายคนด้วยค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะแสดงภาพผู้คนเดินถนนทั่วไป แม้จะมีความอึมครึมเรื่องที่ญี่ปุ่นกำลังฮึ่มๆกับจีน แถมมีการโจมตีจีนที่โน่นที่นี่เป็นระยะๆ กรณีแมนจูเลียก็เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็เป็นเพียงสภาพแวดล้อมภายนอกเท่านั้นเองค่ะ


โดย: กุลธิดา IP: 206.74.208.221 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:4:15:35 น.  

 
แวะมาอ่านรีวิวค่ะ เพิ่งทราบว่าคือคุณกุลธิดา นักเขียน


โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:8:14:55 น.  

 
แวะมาเหมือนกัน


โดย: คนขับช้า วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:14:25:20 น.  

 
Thank you ka. Don't know if you read 'Angela's Ashes' by Frank McCourt (dark humor)yet, It is sad but optimistc. Anyway - recently read 'Plain Truth' by Jodi Picoult, have gained knowledge about Amish (my good friend's recommendation).

Anyway hope you have a good(fun) time na ja.


โดย: Alex IP: 217.43.182.188 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:21:44:50 น.  

 
น่าอ่านดีอ่าค่ะ งุงิงุงิ แต่ไม่รู้ว่าที่ไทยมีขายป่าวเนี่ย T T

ตอนนี้หาหนังสืออ่านยากมากมายเลย เฮ้อ หนังสือดีๆทำไมหาอ่านยากเยี่ยงนี้


โดย: AnCk-Su-NaMuN วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:0:46:38 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไก่

พี่ไก่ไปเที่ยวเมืองไทยเป็นยังไงบ้างคะ? งานหนังสือสนุกไหมคะ? ยังไงก็อย่าลืมเที่ยวเผื่อกันบ้างนะคะ ขอบคุณมากค่ะ



สุขสันต์วันฮัลโลวีนค่ะ ยีนส์ขอให้พี่ไก่และครอบครัวมีความสุขมาก ๆ ค่ะ


โดย: roslita วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:10:22:28 น.  

 
Frank McCourt นี่เป็นนักเขียนคนหนึ่งที่ชอบมากเลยค่ะ มี Angela's Ashes กับ Tis อยู่ที่บ้านด้วยค่ะ


โดย: กุลธิดา IP: 205.188.117.66 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:58:57 น.  

 
Sorry - put a comment to a wrong Blog ja.


โดย: Aunt Alex วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:37:48 น.  

 
เข้ามาขอบคุณค่ะ คุณกุลธิดา ได้อ่านบทความคร่าวๆ ไว้จะเข้ามารายละเอียดอีกที ชอบอ่านแนววิเคราะห์วิจารณ์มากๆค่ะ


โดย: wanalee IP: 124.121.10.66 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:15:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kdunagin
Location :
South Carolina United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




จำหลักไว้ในสายลม
กุลธิดา
www.mebmarket.com
แม้เป็นรักที่แอบเร้น หากก็ขออย่าเลือนไปกับสายลม
บาเคอร์
กุลธิดา
www.mebmarket.com
ราณียิ้มขมขื่น คำนั้นมีความหมายอย่างที่สุด บาเคอร์…วันพรุ่งนี้…ตามการออกเสียงของคนอิรัก เป็นสิ่งที่เธออยากเก็บไว้กับตัวแต่เพียงผู้เดียวตลอดไป…หรือจนกว่าจะได้พบเขาอีก เพราะนั่นคือคำสุดท้ายที่เขาบอกก่อนจะจากกันในเช้าวันนั้น ที่บ้านย่าของเขา และเธอกำลังร้องไห้แทบขาดใจ ‘มีวันพรุ่งนี้เสมอนะราณี’ และเธอก็ยึดถือคำพูดนั้นของเขาเป็นสรณะนับแต่นั้นมา เป็นความหวังเดียวที่มี ว่าวันหนึ่งเธอและเขาจะได้พบกันอีก แม้อาจไม่ใช่ในโลกนี้ก็ตาม
Friends' blogs
[Add kdunagin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.