Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
14 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Luka and the Fire of Life - Sir Salman Rushdie




เรื่องนี้มีกำหนดจะพิมพ์เดือน พฤจิกายน 2010
สำนักพิมพ์ Random House

เล่มที่ได้มาจากสำนักพิมพ์เป็นปกชั่วคราวค่ะ เป็นฉบับแจกให้อ่านกันเล่นๆ ล่วงหน้า
เห็นว่าปกจริงที่จะพิมพ์วางขายทั่วไปจะเป็นแบบนี้




ปกติไม่อ่านเรื่องแฟนตาซี แต่เมื่อได้เล่มนี้มาก่อนพิมพ์ออกวางจำหน่ายหลายเดือน ทั้งคนเขียนก็ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนที่เลิศที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในโลกของวรรณกรรมที่ใช้ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ แถมท่านอุตส่าห์เซ็นชื่อให้ด้วย ก็เลยเป็นแบบไม่อ่านไม่ได้เสียแล้ว







ที่มาของหนังสือเล่มนี้ตามที่ท่านเล่าให้ฟังคือเมื่อปี 1990 ท่านเขียนเรื่อง Haroun and the Sea of Stories ให้ลูกชายคนโตซึ่งเวลานั้นยังเล็ก เหตุที่เขียนเรื่องนั้นก็เพราะก่อนหน้านั้นท่านเขียนเรื่อง The Satanic Verses ซึ่งตอนที่วางแผงนี่เป็นที่ฮือฮากันทั่วโลก คือนอกจากรู้จักกันในคุณค่าของตัวหนังสือเองแล้ว ยังเป็นเพราะเรื่องนั้นทำให้ท่านถูก Ayatollah Khomeini ตั้งค่าหัวตามล่าเอาชีวิต เพราะเหตุนั้นชื่อ Salman Rudie ก็โด่งดังไปทั่วโลก สมัยนั้นใครๆ ก็อยากอ่าน The Satanic Verses เพื่อหาเหตุผลว่าทำไม พอเรื่องนั้นออกวางจำหน่าย บุตรชายคนโตของท่านซึ่งเวลานั้นอายุ 9 ขวบบอกท่านว่าทำไมพ่อไม่เขียนเรื่องอะไรที่เขาอ่านรู้เรื่อง ท่านก็เลยเขียนเรื่องของ Haroun ให้ หลายปีต่อมาเมื่อครั้งที่ท่านอายุ 50 ปี ท่านมีลูกคนที่ 2 และได้ตั้งเป้าไว้ว่าเมื่อลูกอ่านหนังสือได้ก็จะเขียนอีกเรื่องให้ลูกคนนี้ และนั่นก็เป็นที่มาของ Luka and the Fire of Life เขียนเมื่อลูกชายคนที่ 2 อายุ 12 ขวบค่ะ

ในฐานะคนมีลูก เรื่องที่ท่านเล่าให้ฟังเป็นเรื่องที่ประทับใจจริงๆ พ่อเขียนหนังสือให้ลูกชาย Wow!!

เรื่องย่อ
Luka and the Fire of Life เป็นเรื่องของเด็กชายวัย 12 ขวบชื่อ Luka อาศัยอยู่ในเมือง Kahani ในดินแดนของ Alifbay คืนวันหนึ่ง Rashid นักเล่านิทานประจำเมืองนอนหลับ เป็นหลับที่ลึกน่าประหลาดชนิดที่ใครปลุกก็ไม่ตื่น เพื่อไม่ให้พ่อหลับไม่ตื่นตลอดไป Luka ต้องออกเดินทางท่องไปในโลกแห่งจินตนาการเพื่อขโมยไฟแห่งชีวิต - Fire of Life มาให้ได้ โดยมีเพื่อนร่วมทางคือสัตว์เลี้ยง 2 ตัวคือหมาที่ชื่อ Bear และหมีชื่อ Dog ตลอดการเดินทางนั้น Luka ก็ต้องผจญภัยสารพัดรูปแบบ

เนื้อเรื่องอาจไม่ต่างจากเรื่องประเภทแฟนตาซีที่มีให้เห็นอีกมากมาย สิ่งที่ต่างคือการใช้คำ เรียกได้ว่า Salman Rushdie เป็นนายของภาษาอย่างแท้จริง เวลาอ่านนี่ลื่นไหลให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านบทกวี นับตั้งแต่เปิดเรื่องไปเลยค่ะ

"There was once, in the city of Kahani, in the land of Alifbay, a boy named Luka who had two pets, a bear named Dog and a dog named bear, which meant that whenever he called out, "Dog!" the bear waddled up amibly on his hind legs, and when he shouted, "Bear!" the dog bounded toward him, wagging his tail." (p. 3)

ท่าน Rushdie พูดถึงเรื่องนี้ว่าลูกชายคนรองของท่านมีหมาชื่อ Bear จริงๆ และท่านก็เลยเอามันมาใส่ไว้ในเรื่องด้วย

นอกจากจะใช้ภาษาได้สละสลวยแบบน่ารักแล้ว ยังแทรกอารมณ์ขันแบบอ่านไปยิ้มไปไว้ตลอดทั้งเรื่องด้วยค่ะ

อย่างเช่นตอนแนะนำตัว Captain Aag

"The Ringmaster of the Great Ring of Fire was the terrifying and enormous Captain Aag, a.k.a. Grandmaster Flame...Aag was a man who was quick to anger and slow to laugh. And even when he put his cigar-smoking head into the Lioness's yawning mouth, she was too scared to bite it off just in case it decided to kill her from inside her belly." (p. 4-5)

ยังมีการยกเอาตัวละครในวรรณกรรมคลาสสิกเรื่องอื่นๆ มาแทรกไว้เป็นตัวละครในเรื่องนี้อย่างแนบเนียน อย่างเช่นครูคนหนึ่งของ Luka เป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ชื่อ Mr. Sherlock อันว่า Mr. Sherlock นี่จะมีกล้องยาสูบกับแว่นขยายติดตัวอยู่เสมอ แล้วก็ชอบแต่งตัวดูแล้วน่าจะร้อนเกินกว่าสภาพอากาศ Mr. Sherlock สอนวิธีการหาข้อเท็จจริงว่าให้ตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกไปจนสิ่งที่เหลือ แม้อาจดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้ แต่สิ่งนั้นนั่นแหละคือความจริง Eleminate the impossible, and what remains, however improbable, is the truth. เหมือนวิธีการสืบหาความจริงของตัวละครตัวหนึ่งในวรรณกรรมของนักเขียนซึ่งได้รับยศเป็น Sir เหมือนกัน นักเขียนคนนั้นชื่อ Sir Arthur Conan Dolye

แต่ Luka เป็นเด็กมีไหวพริบ พอครูสอนว่าอย่างนั้นก็ให้สงสัยว่าถ้าเกิดตัดอะไรต่ออะไรออกไปหมดแล้ว แล้วเหลืออยู่ก็แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ล่ะ ทีนี้จะทำยังไง คำตอบของ Mr. Sherlock ก็คือ นั่นก็หมายความว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้นั่นก็คือความจริง

การเดินทางของ Luka ผ่านสถานที่หลายๆ แห่งจากวรรณกรรมคลาสสิกในอดีตของเด็กอย่างเช่น Alice's Adventures in Wonderland หรือที่รู้จักกันในชื่อ Alice in Wonderland ราชินีในเรื่องนั้นกลายมาเป็น Insultana Soraya ของเรื่องนี้ หรือเรื่องของ King Solomon ผู้มีพรมเหาะได้ ง่ายๆ ว่าเมืองต่างๆ ที่ Luka ผ่านไปคือเมืองในเทพนิยายหรือตำนานที่เคยมีคนเอามาเขียนเป็นหนังสือเด็กระดับคลาสสิกนั่นแหละค่ะ เวลาที่อ่านไปๆ ก็จะเดาได้ตัวละครตัวนั้นตัวนี้อยู่ในเรื่องนั้นเรื่องนี้ ที่สำคัญคือเป็นการดัดแปลงที่เรียกว่าอัจฉริยะจริงๆ

เป็นหนังสือเล่มบางๆ หนาเพียง 222 หน้าที่น่ารักมาก ยิ่งรู้ที่มาของเรื่องนี้นี้ก็ยิ่งประทับใจ เห็นภาพพ่อวัย 60 ปีอ่านหนังสือเกี่ยวกับการผจญภัยในโลกแห่งจินตนาการของเด็กชายคนหนึ่งให้ลูกชายตัวน้อยวัย 10 ขวบฟัง

ลงท้ายอีกนิดว่าในวันที่ Sir Salman Rushdie เล่าเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ให้ฟัง มีคนถามถึงความรู้สึกที่ท่านถูกตั้งค่าหัวเมื่อหลายสิบปีก่อน ประทับใจที่สุดคือท่านไม่แสดงท่าทีให้เห็นเลยว่าเคียดแค้นที่ Ayatollah ทำให้ท่านต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ อยู่หลายปี ต้องทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนไปอาศัยอยู่ในประเทศอื่น (ท่านถือ 2 สัญชาติค่ะ คืออินเดียและอังกฤษ) คำตอบของท่านคือ "The Ayatollah is dead, and I am still here." ได้ใจไปเต็มๆ เลยค่ะ


Create Date : 14 กรกฎาคม 2553
Last Update : 14 กรกฎาคม 2553 8:20:24 น. 2 comments
Counter : 1728 Pageviews.

 
ทักทายยามเช้าจ้า อิอิ :)


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:49:43 น.  

 
อยากได้ลายเซ็นแบบนี้มั่งจังฮะ ชอบเล่มนี้มาก ตั้งใจจะซื้อปกแข็งมาเก็บไว้เลย ถ้าเป็นไปได้ เพราะเล่มที่อ่านนั้นเพื่อนให้ยืมมา

ส่วน แอดวานซ์ ก๊อปปี้ นั่น หน้าปกเรียบมากเลยนะฮะ ไม่ถึงดูดเอาซะเลย

ส่วนเรื่องที่ถูกหมายหัวจากผู้นำอิหร่านนั่น ทำให้ผมอยากหา satanic verse มาอ่านเลยฮะ แต่คิดๆ แล้วคงเข้าใจอยาก เพราะไม่คุ้นกับแนวคิดแบบอิสลามเลย


โดย: Boyne Byron วันที่: 18 มีนาคม 2557 เวลา:8:41:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kdunagin
Location :
South Carolina United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




จำหลักไว้ในสายลม
กุลธิดา
www.mebmarket.com
แม้เป็นรักที่แอบเร้น หากก็ขออย่าเลือนไปกับสายลม
บาเคอร์
กุลธิดา
www.mebmarket.com
ราณียิ้มขมขื่น คำนั้นมีความหมายอย่างที่สุด บาเคอร์…วันพรุ่งนี้…ตามการออกเสียงของคนอิรัก เป็นสิ่งที่เธออยากเก็บไว้กับตัวแต่เพียงผู้เดียวตลอดไป…หรือจนกว่าจะได้พบเขาอีก เพราะนั่นคือคำสุดท้ายที่เขาบอกก่อนจะจากกันในเช้าวันนั้น ที่บ้านย่าของเขา และเธอกำลังร้องไห้แทบขาดใจ ‘มีวันพรุ่งนี้เสมอนะราณี’ และเธอก็ยึดถือคำพูดนั้นของเขาเป็นสรณะนับแต่นั้นมา เป็นความหวังเดียวที่มี ว่าวันหนึ่งเธอและเขาจะได้พบกันอีก แม้อาจไม่ใช่ในโลกนี้ก็ตาม
Friends' blogs
[Add kdunagin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.